กาฬสินธุ์!! เร่งสร้างฝายป้องกันน้ำหลากช่วงหน้าฝน สถานการณ์น้ำท่วมภาพรวม ระดับน้ำเริ่มลดลง หลังโดนพิษพายุ “ตาลัส”และ พายุ“เซินกา” (ชมคลิป)

ที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงนามน บริเวณบ้านนามน ต.โคกสมบูรณ์ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ นายสายัน กมลมูล นายกอบต.โคกสมบูรณ์ พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่นและประชาชนใน ต.โคกสมบูรณ์ ร่วมกันน้อมนำศาสตร์พระราชานำวัสดุอุปกรณ์ธรรมชาติที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น โดยเฉพาะไม้ไผ่ เชือก และทรายมาบรรจุกระสอบ เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันสร้างฝายมีชีวิต ซึ่งเป็นแห่งที่ 7 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงนามน โดยฝายมีชีวิตจะคล้ายกับแก้มลิง ซึ่งจะช่วยชะลอน้ำและป้องกันน้ำไหลหลากในช่วงหน้าฝน ตลอดจนเป็นการร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าทำให้ต้นไม้นานาพันธุ์ในป่าสงวนแห่งชาติป่าดงนามนแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 12,500 ไร่ คลอบคลุม 5 อำเภอ 2 จังหวัด คือ จ.กาฬสินธุ์ และ จ.ร้อยเอ็ด ให้มีความชุ่มชื่น คืนความสมดุลกลับคืนสู่ธรรมชาติ ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9

นายนิยม กิตติวงศ์ตระกูล ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการสร้างฝายมีชีวิตแห่งนี้และทุกๆแห่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์เป็นการน้อมนำศาสตร์พระราชา และหลักการทรงงาน ตลอดจนพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีพระราชดำรัสให้สร้างแก้มลิงชะลอน้ำในพื้นที่ต่างๆ โดยฝ่ายแห่งนี้ก็เช่นกัน เพราะสร้างขึ้นเหมือนกับแก้มลิง โดยการใช้วัสดุธรรมชาติ ที่หาได้ในท้องถิ่นและเป็นมิตรกับธรรมชาติ ซึ่งจะสามารถป้องกันน้ำไหลหลากออกจากป่าสงวนแห่งชาติป่าดงนามนในช่วงหน้าฝน และชะลอกักเก็บน้ำในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งจะทำให้พื้นที่ป่า 12,500 ไร่ คลอบคลุม 5 อำเภอ 2 จังหวัดเกิดความสมดุล และมีความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย

ด้านนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุตาลัส และพายุเซินกา ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว 13 อำเภอ ยังคงเหลืออีก 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.กมลาไสย อ.ยางตลาด อ.ฆ้องชัย และ อ.ร่องคำ ที่ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว  โดยภาพรวมความเสียหายล่าสุดทั้ง 18 อำเภอขณะนี้ มีพื้นที่นาข้าวคาดว่าจะได้รับความเสียหาย 243,407 ไร่ พืชไร่ 28,907 ไร่ พืชผลไม้ 2,027 ไร่ และพืชผักอื่นๆอีก 85 ไร่ ซึ่งความเสียหายนั้นเฉพาะเพียงพื้นที่การเกษตรยังไม่รวมถนนหนทาง และสิ่งของสาธารณนูปโภคต่างๆ จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินในการช่วยเหลือประมาณ 300 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน 5 อำเภอ ปัจจุบันระดับน้ำกำลังลดลงเรื่อย ๆ  ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว ปัจจุบันอยู่ที่ 1,602 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 80.95 % โดยระดับน้ำลงมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุมสูงสุดแล้ว  ซึ่งทางเขื่อนลำปาวระบายน้ำผ่านทางระบายน้ำล้น (Spillway) ลงสู่ลำน้ำปาว 15.00 ล้าน ลบ.ม./วัน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามระดับน้ำในพื้นที่ตลอดอย่างต่อเนื่องทุกวัน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศเตือนเรื่องพายุฮาโตะมาล่าสุดบอกว่า อิทธิพลของ พายุโซนร้อน “ฮาโตะ” (HATO) และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ได้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกนั้นก็ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศในระยะนี้อย่างใกล้ชิด และจากแผนที่อธิบายได้ว่า บริเวณความกดอากาศสูงจากซีกโลกใต้ ได้แผ่มาปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทย และพายุดีเปรสชั่นฮาโตะที่อยู่ทางตอนบนของประเทศลาวได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง มีหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้  และพายุดีเปรสชั่นก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกได้พัฒนาเป็นพายุโซนร้อน ชื่อ“Pakhar” โดยพายุนี้ยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย ทั้งนี้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าทางราชการจะให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นและดูแลพี่น้องอย่างดีที่สุดทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

ภาพ/ข่าว ชมพิศ ปิ่นเมือง ข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.กาฬสินธุ์