ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

ที่ห้องพิจารณา 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 17.00 น.ศาลอ่านคำสั่งคดีที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย และผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่ได้นัดหมายให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์การยื่นคำอุทธรณ์คัดค้านการฝากขังนายวัฒนาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา

ศาลพิเคราะห์ข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนแล้วเห็นว่า วันนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้มายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งการฝากขังเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่พนักงานสอบสวนบก.ปอท. ยื่นฝากขังผู้ถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 21 ส.ค.

ต่อมาวันที่ 27 ส.ค.มีบุคคลส่งข้อความทางแอพพิเคชั่นไลน์ แจ้งกำหนดการให้ผู้สื่อข่าวมาทำข่าว โดยหลังนายวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหายื่นคำร้องวันนี้เสร็จก็ได้เดินมาให้สัมภาษณ์ที่บันไดศาลอาญา โดยผู้ถูกกล่าวหาเบิกความว่า  ไม่ได้เป็นผู้นัดหมายสื่อมวลชนด้วยตัวเอง และการถาม - ตอบสื่อมวลชนเป็นผู้ตั้งคำถามซึ่งเป็นการถามตอบข้อเท็จจริงไม่ได้เกี่ยวข้องรายละเอียดคดีและยังได้ความจาก เจ้าหน้าที่ศาลซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เบิกความว่า ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ข้อความในไลน์ และบันทึกการให้สัมภาษณ์ของนายวัฒนา ไว้เป็นหลักฐาน

ศาลเห็นว่ากรณีมีการนัดหมายทางไลน์ แม้ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้นัดหมายด้วยตัวเอง แต่เชื่อว่าน่าจะรู้เห็นด้วย เพราะเป็นการให้สัมภาษณ์ช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่นัดหมาย หากมีการนัดหมายจะต้องมีการขออนุญาตผู้บริหารศาลอาญาก่อน ซึ่งจะมีสถานที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้เดินทามาศาลในเวลาใกล้เคียงกับที่นัดหมายไว้ในไลน์ เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหารู้เห็น แม้ระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ไม่กำหนดเรื่องขออนุญาต แต่เรื่องนี้ศาลมีการแจ้งและปิดประกาศให้บุคคลทั่วไปรับทราบ ผู้ถูกกล่าวหาเองเคยมีอาชีพเป็นทนายความมาก่อนนอกจากนี้ยังเดินทางมาพร้อมทนายความ ย่อมรู้ระเบียบเป็นอย่างดี ซึ่งการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาลเป็นสิ่งที่วิญญูชนทั่วไปพึงทราบ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นนักการเมืองสมควรประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่อาศัยพื้นที่ศาลมาแสดงความเห็นเพื่อหาประโยชน์หรือสร้างกระแสให้ตัวเอง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30 , 31 และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

จึงมีคำสั่งให้จำคุกนายวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหา 2 เดือน ปรับ 500 บาท แต่เนื่องจากการกระทำนั้นไม่ได้ละเมิดการพิจารณาคดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาเคยกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลแล้วในวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา (ศาลลงโทษจำคุก 1 เดือนปรับ 500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี) ศาลจึงให้คุมประพฤตินายวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาอีกด้วยโดยห้ามทำผิดซ้ำอีก หากทำซ้ำอีกถือว่าเป็นการท้าทายและไม่เข็ดหลาบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายวัฒนา และ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ทนายความและคณะผู้ติดตาม ได้เดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด