เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เกิดวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 เป็นบุตรคนที่สองจากทั้งหมดสามคนของสมศักดิ์ และวิชชุดา สุทัศนะจินดา (แซ่โล้) มีพี่สาวชื่อ สุกัญญา น้องสาวชื่อ สุภาวดี หลังจากนั้นเข้าศึกษาในโรงเรียนอำนวยศิลป์ เป็นรุ่นที่ 57 เคยมีประวัติเข้าไปอยู่ในกลุ่มทะเลาะวิวาทจนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ส่งผลให้ต้องไปใช้ชีวิตในบ้านเมตตา 15 วัน ก่อนจะกลับตัวกลับใจในการตั้งใจเรียนจนกระทั่งจบชั้นมัธยมศึกษา และสำเร็จการศึกษานิเทศศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) เมื่อปี 2530

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

สรยุทธเริ่มทำงานเป็นนักข่าวสังกัดหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 โดยทำข่าวสายรัฐสภาเป็นเวลาสองปี และทำข่าวสายทำเนียบรัฐบาลอีกสองปี ต่อมาในปี 2535 ได้ประจำในกองบรรณาธิการ ในตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าข่าวการเมือง และในปี 2537 ได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นหัวหน้าข่าวการเมือง ในปี 2540 ได้มาเป็นบรรณาธิการข่าว และจัดรายการวิเคราะห์ข่าวให้สถานีโทรทัศน์ช่องต่าง สุดท้ายเป็นรองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น

นอกจากการเป็นผู้ดำเนินรายการแล้ว สรยุทธยังดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัทไร่ส้ม จำกัด (ผลิตรายการโทรทัศน์) และบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด (รับจัดงานและกิจกรรม)

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

และสรยุทธสมรสกับเพียงจันทร์ ว่องวิชชุเวทย์ พนักงานอิสระ (Freelance) ของสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ หลังจากนั้นราวเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท ตรวจพบว่า บริษัท ไร่ส้มฯ ของสรยุทธค้างรายได้จากการโฆษณาเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท โดยที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท อาจรู้เห็นด้วย ซึ่งต่อมาการแถลงของผู้บริหาร บมจ.อสมท ต่อกรณีนี้ก็ไม่มีความชัดเจน ต่อมาคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน เปิดเผยผลสอบว่า บริษัทไร่ส้มโฆษณาเกินกว่าสัญญาจริง สร้างความเสียหายให้ อสมท. เป็นเงิน 138 ล้านบาท

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

ศาลคดีทุจริตฯกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีไร่ส้ม โดยยืนตามศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ทั้งนี้คดีหมายเลขดำที่ อ.313/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท , บริษัทไร่ส้ม จำกัด

 

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

โดย น.ส.อังคนา วัฒนมงคลศิลป์ และ น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม ในฐานะ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 51 ปี อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดังและกก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช อายุ 45 ปี พนักงาน บจก.ไร่ส้ม เป็นจำเลย 1-4

ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งหน้าที่ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ , เป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร , เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสนับสนุนพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ม.6,8,11
โดยคดีนี้ อัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 30 ม.ค.58 บรรยายพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.48- 28 เม.ย.49 ต่อเนื่องกัน นางพิชชาภา พนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท จำเลยที่ 1 ได้จัดทำคิวโฆษณารวม ในรายการ “คุย คุ้ยข่าว” ซึ่งก่อนออกอากาศนางพิชชาภา ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จาก บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 1 จำนวน 17 ครั้ง ทำให้ บมจ.อสมท เสียหาย 138,790,000 บาท และยังได้เรียกรับเอาเงิน 658,996 บาทจากจำเลยที่ 2-4

 

เพื่อเป็นการตอบแทนที่นางพิชชาภา ไม่รายงานการโฆษณา ซึ่งเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยหน้าที่และเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ บมจ.อสมท โดยมีจำเลยที่ 2-4 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือ ให้ความสะดวกในการกระทำผิด และมอบเช็ค ธ.ธนชาติ สาขาพระราม 4 สั่งจ่ายเงินให้นางพิชชาภา เหตุเกิดที่แขวง-เขตห้วยขวาง กทม.

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี โดยชั้นตรวจหลักฐาน นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 แถลงแนวทางต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจอนุมัติการโฆษณาและไม่เคยใช้น้ำยาลบคำผิดลบข้อความเกี่ยวกับการจัดคิวเวลาโฆษณา ส่วนเช็ค 6 ฉบับที่ได้รับนั้นเป็นค่าประสานงานคิวโฆษณาที่นอกเหนือจากหน้าที่ ไม่ใช่ค่าตอบแทนในการไม่ระบุการโฆษณาเกินเวลา ส่วน บมจ. ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 ได้ต่อสู้ว่าไม่เคยมอบให้ผู้ใดไปติดต่อเพื่อจัดคิวโฆษณาเกินเวลาและไม่เคยให้จำเลยที่ 1 ใช้น้ำยาลบคำผิดในเอกสารเกี่ยวกับการโฆษณา เช่นเดียวกับนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 ที่แถลงว่าไม่เคยรู้จักกับนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าจำเลยที่ 1 มีหน้าที่อะไร

 

และไม่เคยติดต่อให้ผู้ใดไม่รายงานโฆษณาที่เกินเวลา แต่ยอมรับว่าเช็ค 6 ฉบับได้ลงลายมือชื่อนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเช็คที่ชำระค่าประสานงาน ไม่ใช่เงินที่ตอบแทนให้นางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ใช้น้ำยาลบคำผิดในเอกสารการโฆษณา

ทั้งนี้ระหว่างพิจารณาคดี นางพิชชาภา อดีต พนักงาน บมจ.อสมท ,นายสรยุทธ และน.ส.มณฑา พนักงาน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 1,3,4 ได้ประกันตัวโดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด ซึ่งศาลตีวงเงินคนละ 200,000 บาท ขณะที่ศาลได้ไต่สวนพยานทั้ง 2 ฝ่ายจนเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.58 และได้นัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 29 ก.พ.59 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลมีคำพิพากษาว่า นางพิชชาภา อดีต พนักงาน บมจ.อสมท จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ มาตรา 6 ,8,11

 

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

ส่วน บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ , น.ส.มณฑา พนักงาน บ.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2- 4 มีความผิดฐานสนับสนุนตาม ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ ม. 6 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษสุด โดยพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1-4 รายละ 6 กระทง ให้จำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ 6 กระทงๆละ 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี

 

และปรับ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 กระทงละ 20,000 บาทรวม 6 กระทง ปรับทั้งสิ้น 120,000 บาท ส่วนนายสรยุทธ จำเลยที่ 3 และน.ส.มณฑา จำเลยที่ 4 จำคุก 6 กระทงๆละ 3 ปี 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาศาลจึงลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุก นางพิชชาภา อดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ์ และน.ส.มณฑา พนักงาน บ.ไร่ส้ม จำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน

 

ขณะที่การกระทำของจำเลยทั้งสามนี้ ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ จึงไม่รอลงอาญา ส่วน บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 2 ให้ปรับรวม 80,000 บาท โดยนางพิชชาภา , นายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำเลยที่ 1,3,4 ได้ประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ หลังยื่นเงินสดซึ่งศาลตีราคาประกันคนละ 2 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลย เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล รวมทั้งให้จำเลยมารายงานตัวต่อศาลด้วยทุก 30 วัน อย่างไรก็ดีสำหรับคดี บจก.ไร่ส้ม และนายสรยุทธ นั้น นอกจากความผิดดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีอีกสำนวนที่ บมจ.อสมท ได้แจ้งความฐานปลอมเอกสารและได้ส่งสำนวนให้อัยการสั่งคดี จนมีการยื่นฟ้องเป็นคดี หมายเลขดำอ.1748/2559 ต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.59 จากมูลเหตุเดียวกัน

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

โดยอัยการสำนักงานคดีอาญา 3 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บจก.ไร่ส้ม โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา , นายสรยุทธ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม , น.ส.มณฑา พนักงานบ.ไร่ส้ม และนางพิชชาภา อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณา บมจ.อสมท เป็นจำเลยที่ 1-4

ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,188,264, 265,268 ซึ่งคดีนี้ศาลอาญา ก็ให้ประกันตัวจำเลยทั้งสามคนละ 300,000 บาท โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ

เปิดปูมชีวิต"สรยุทธ์"จากนักเล่าข่าวชื่อดังสู่ผู้ต้องหา- ไร้อิสรภาพ ปมคดีโกงค่าโฆษณา ศาลสั่งจำคุก 13 ปี 4 เดือน

โดยก่อนที่จะเริ่มสืบพยานคดีปลอมเอกสารนี้ ฝ่ายจำเลยได้ต่อสู้คดีขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นคำฟ้องอัยการโจทก์ว่าจะเป็นการฟ้องซ้ำ กับคดีทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การของรัฐที่ศาลตัดสินไปแล้วหรือไม่ เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกัน ซึ่งศาลอาญาก็ได้วินิจฉัยและมีคำสั่งวันที่ 28 พ.ย.59 ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ในคดีปลอมเอกสารนี้ เป็นความผิดตามที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.313/2558 ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแล้ว

และเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว สิทธิในการนำคดีมาฟ้องของอัยการโจทก์ จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (4) อัยการโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ฟ้องคดีอีก ดังนั้นศาลให้จำหน่ายคดีปลอมเอกสารนี้ออกจากสารบบความ

 

แต่อัยการโจทก์ ก็ได้ยื่นอุทธรณ์แก้ต่างประเด็นฟ้องซ้ำอีก กระทั่งวันที่ 8 ส.ค.60 ได้มีการอ่านคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าคดีปลอมเอกสารนั้นจำเลยทั้งสี่ ไม่ต้องรับภาระต่อสู้คดีแล้ว แต่ก็ยังเหลือคดี ที่ บมจ.อสมท ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนืออีกสำนวน ในคดีหมายเลขดำ อ.8134/2558 โดย บมจ.อสมท. ยื่นฟ้องนางพิชชาภา อดีตพนักงาน บมจ.อสมท , บจก.ไร่ส้ม , นายสรยุทธ , น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ , น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม และ น.ส.มณฑา ทั้งสามเป็นพนักงาน บ.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมฉ้อโกงไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค.58

 

จนกระทั่งล่าสุด (29 สิงหาคม 2560) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฏีกาได้มีคำสั่งการประกันตัวถึงศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ สืบเนื่องจากกรณี นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรเล่าข่าวชื่อดัง และเจ้าหน้าที่บริษัทำไร่ส้มจำกัด กับอดีตพนักงาน บมจ.อสมท จำเลยที่ได้ยื่นคำร้องหลักทรัพย์คนละ 4 ล้านบาท เพื่อขอประกันตัวสู้คดีในชั้นฎีกา โดยมีนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของ นายสรยุทธ และคณะได้เข้าฟังคำสังของศาลฏีกา ทั้งนี้ศาลฏีกาได้พิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์ในการประกันตัวของจำเลยเเล้วเห็นว่า คดีต้องห้ามฎีกา ในชั้นนี้จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลย ยกคำร้อง

 

สำหรับการยื่นคำร้องประกันตัวใหม่นั้น จำเลยทั้ง 3 สามารถยื่นได้ในเวลาต่อไปจนกว่าคดีจะมีคำพิพากษาศาลฏีกาในคดีหลักออกมา เพียงแต่การยื่นคำร้องใหม่นั้น จำเลยจะต้องระบุเหตุและข้อเท็จจริงใหม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมของศาลฏีกาซึ่งเป็นศาลสูง

 

ขอบพระคุณแหล่งที่มาของข้อมูลบางส่วนจาก : วิกิพีเดีย, ประชาชาติธุรกิจ, สำนักข่าวทีนิวส์