ย้อนดู 10 สุดยอดเรื่องโกหก อดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร”

ย้อนดู 10 สุดยอดเรื่องโกหก อดีตนายกฯ “ทักษิณ ชินวัตร”

1.“รัฐมนตรีทุจริตจะปลดออกจากตำแหน่ง”แค่หาเสียง
“ถ้ามีเหตุอันเชื่อได้ว่ารัฐมนตรีของผมโกง แม้ไม่มีใบเสร็จก็ต้องปลด ต้องถือประชาชนเป็นนาย อย่าไปห่วงว่าจะกระทบการเมือง แต่ต้องยึดความผิดชอบชั่วดี”
                                                                                                                                          พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                        หัวหน้าพรรคไทยรักไทย
                                                                                                                                                21 ธ.ค.2543
                            
พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัญญาประชาคมกับประชาชนเพื่อที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและขอคะแนนเสียงจากประชาชน โดยทำทีว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะปราบปรามการคอรัปชั่นอย่างจริงจัง โดยประกาศคำสัญญาดังกล่าวในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมทำตามคำพูด เนื่องจากรัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมโกงกินคอรัปชั่นล้วนอยู่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แทบทั้งสิ้น ประกอบกับกลัวว่าหากมีการปลดรัฐมนตรีบางคน ก็จะเกิดความขัดแย้งกันภายในพรรคไม่ทำตามคำสัญญา

2.จับโกหก “ไม่มีไข้หวัดนกในประเทศไทย”
“ไม่มีไข้หวัดนกระบาดในไทย ส่วนไก่ที่เป็นโรคตายกันเยอะๆ เกิดจากโรคคนละชนิดกับที่พบในเวียดนาม บ้านเราปลอดภัย ขณะนี้มอบให้กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่ไปดูแลอย่างใกล้ชิด ให้นายเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ในขณะนั้น)ลงไปดูแลด้วยตัวเอง กระทรวงสาธารณสุขคอยติดตามเรื่องนี้อยู่แล้วไม่ต้องเป็นห่วง"                                  
                                                                                                                                                   พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                                        นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                                                        15 ม.ค. 2547
ทักษิณไม่ยอมรับมาตั้งแต่ต้นว่ามีโรคระบาดเกิดขึ้นจนทำให้ไก่ตายกันเป็นเบือและแพร่ขยายมาสู่คนเกิดจากติดเชื้อ "ไข้หวัดนก" กระทั่งหลายฝ่ายออกมายอมรับว่าเกิดจาก "ไข้หวัดนก" ท่าที พ.ต.ท.ทักษิณค่อยๆ เปลี่ยนไป ในช่วงก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณ สร้างภาพด้วยการเปิดทำเนียบรัฐบาลแล้วกินไก่โชว์ชาวบ้าน เพื่อเรียกความมั่นใจ แต่สุดท้ายโรคไข้หวัดนกก็แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ฆ่าไก่ตายไปราว 30 ล้านตัว มีประชาชนเสียชีวิตไปหลายราย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถหยุดการแพร่กระจายของไข้หวัดนกได้  อีกสาเหตุหนึ่งที่มีการตั้งข้อสังเกต การที่นายกทักษิณ ไม่ยอมบอกความจริงกับประชาชน อาจเนื่องจากหวั่นเกรงว่าธุรกิจการส่งออกไก่ของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลอยู่จะเสียหาย

3.ลวงโลก“ซื้อทีมฟุตบอลลีเวอร์พูล”
“ที่พยายามจะซื้อทีมฟุตบอลลีเวอร์พูลก็เพื่อที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในประเทศ มีแรงจูงใจที่ดี หันมาสนใจและมุ่งมั่นเรื่องกีฬาฟุตบอล รวมทั้งก่อให้เกิดกระแสความสนใจ ทางด้านกีฬาของประชาชนทั้งประเทศ”
                                                                                                                                       พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                           นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                                            11 พ.ค.2547

สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณออกมาปูดข่าวการเจรจาซื้อสโมสร ทีมฟุตบอล"ลิเวอร์พูล" หรือทีม "หงส์แดง" ของอังกฤษ ก็เพื่อที่จะกลบกระแสข่าวการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีและกระแสข่าวสถานการณ์ภาคใต้และข่าวร้ายอื่นๆ และยังสั่งรัฐมนตรีให้ไปศึกษา เนื่องจากขณะพูดไม่ได้มีรายละเอียดอะไรอยู่ในมือเลย แม้แต่เงินจำนวน 4,300 ล้านบาท ก็ไม่รู้เลยว่าจะนำมาจากไหน  สาเหตุที่ไม่ทำตามคำพูด เนื่องจากเป็นการตั้งใจพูดเพื่อกลบเกลื่อนข่าวเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะซื้อจริงๆอย่างที่พูดเอาไว้ ประกอบกับมีเสียงคัดค้านทั้งสภาผู้แทนและวุฒิสภา รวมไปถึงองค์กรภาคประชาชน

4. โกหกหน้าเฉย“เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา”
"ชีวิตผมก็ผ่านการปฏิญาณตนทุกวัน ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร นักเรียนนายร้อยตำรวจมาถึง 6 ปี เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา ตั้งสัจจาธิษฐานว่า จะต้องตายด้วยคมหอกคมดาบหากทรยศต่อชาติและราชบัลลังก์"
                                                                                                                                       พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร
                                                                                                                                           นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                                           18 มิ.ย.2544

"ผมเองดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยามา   เป็นรัฐมนตรีผมถวายสัตย์ปฏิญาณตนมาไม่ต่ำกว่า  8 ครั้ง   ผมได้รับสมรสพระราชทาน  พรที่พระราชทานก็ถูกใช้และได้นำมาใช้เป็นเครื่องยืดเหนี่ยวในการดำรงชีวิตคู่ของผมตลอดมา  เพราะฉะนั้นเรื่องการเทิดทูนเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ท่านไม่ต้องห่วงครับ ในเมื่อผมปวารณาตัวแล้วที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง ผมสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อชาติราชบัลลังก์"
                                                                                                                                        พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                               นายกทักษิณ
                                                                                                                         กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร 13 มีนาคม 2545
    
สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดจาว่า เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา เนื่องจากขณะนั้นตกอยู่ในฐานะเป็นจำเลยของสังคม กรณีที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องซุกหุ้นเลยพยายามที่จะกล่าวอ้างเพื่ออวดตัวเองว่าเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีพฤติกรรมเป็นคนคดโกง  แต่จากการที่สื่อมวลชน ได้ไปค้นราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่ 2518 จนถึงปัจจุบัน ก็ไม่พบชื่อ"ทักษิณ ชินวัตร"

5.ปากแข็ง“ไม่มีเหตุการณ์ข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว”
"ตอนนี้กำลังมีความพยายามตะแบง   พยายามจะลากลูกผมเข้าไป ซึ่งผมก็เสียใจที่เกิดขึ้นและอยากจะยกมือไหว้สวยๆ แก่สื่อมวลชนทั้งหลาย อย่าทำร้ายลูกผมเลยนะครับ ขอเถอะ เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ไปสมัครเรียนที่ไหนก็ไปกับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่บังเอิญเป็นลูกนายกฯอย่าลงโทษเขาเลย พ่อเขาก็ไม่ได้ปล้นชาติ แต่นั่งทำงานรับใช้ชาติ ขอร้องเถอะ ขอให้คิดถึงหัวอกคนมีลูกบ้าง อย่าให้ลูกต้องมาใช้กรรมเพราะว่าพ่อได้ทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองเลย"

                                                                                                                                    พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                            นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                                             1 พ.ค.2547

พ.ต.ท.ทักษิณ ชิน พยายามออกมายืนยันกับสื่อมวลชนว่าไม่มีเหตุการณ์ข้อสอบเอนทรานซ์รั่วแต่อย่างใดนั่น สืบเนื่องจากมีข่าวระบุว่าข้อสอบดังกล่าวถูกนำไปให้กับลูกสาวผู้หลักผู้ใหญ่บางคนในรัฐบาล เพื่อเตรียมตัวสอบเอนทรานซ์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   แต่ในเวลาต่อมา นายโสภณ สุภาพงษ์ ส.ว.กรุงเทพฯ ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการศึกษาปัญหาข้อสอบเอนทรานซ์ของคณะกรรมาธิการกิจการสตรี เยาวชนและผู้สูงอายุวุฒิสภา ออกมาสรุปว่า หลังจากที่กรรมาธิการกิจการฯ พิจารณาแล้วพบว่าการเปิดข้อสอบของ ศ.ดร.วรเดช จันทรศร อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ทำให้ข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว  โดยขอให้ ศ.ดร.อุทุมพร จามรมาน นักวิชาการด้าน  สถิติ ไปวิเคราะห์ข้อมูลและประมวลผลคะแนนสอบเอนทรานซ์ ซึ่งได้วิเคราะห์แล้วพบว่าคะแนนสอบผิดปกติจริง ซึ่งตรงกันข้ามกับการที่พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พยายามพูดย้ำกับสาธารณชนเสมอว่า ไม่มีเหตุการณ์ข้อสอบเอนทรานซ์รั่วอย่างสิ้นเชิง  

 

6.โกหก“ปัญหาไฟใต้ดีขึ้นแล้ว เป็นฝีมือโจรห้าร้อย”
"ความจริงเราเอาอยู่ แต่พอไปตื่นเต้นเป็นข่าว เรื่องโจรห้าร้อย ก็ไปพูดให้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นข่าวพาดหัว ขณะนี้ชุดทำงานได้ลงไปหาข้อมูลในพื้นที่ จะสามารถสรุปผลให้ภายใน 30 วันแน่นอน”
                                                                                                                     พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                         นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                          7 ส.ค.2545

“สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว จะไม่มีการปรับปรุงแผนการอะไรกันใหม่อีก”
                                                                                                                      พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                          นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                           20 ก.ย.2547

สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสมอๆ ว่า การปฏิบัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นฝีมือของโจรกระจอกและจะปราบโจรกระจอกคงให้ได้ภายใน 7 วันนั้น เนื่องจากการที่นายกเข้าใจในปัญหาภาคใต้ผิดพลาด เมื่อนโยบายของรัฐบาลผิดพลาดความร่วมมือของชาวบ้านก็มีปัญหาเกิดขึ้น แถม พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่พยายามทำความเข้าใจและให้หลักประกันกับชาวบ้าน และข้าราชการในส่วนต่างๆว่าพวกเขาจะอยู่อย่างปลอดภัยได้อย่างไร ในสถานการณ์รุนแรง นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังพยายามโกหกสังคมอยู่เสมอ เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รุนแรงวันที่ 4 ม.ค.2547 เป็นต้นมา แต่นายกพยายามบอกว่า สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้นมาก และรัฐบาลแก้ปัญหาถูกทางแล้ว แต่ความเป็นจริงกลับมีการทำร้ายข้าราชการระดับสูงมากขึ้น ล่าสุดแม้แต่ผู้พิพากษาซึ่งเป็นอาชีพที่ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างท่านรพินทร์ เรือนแก้ว ผู้พิพากษาศาลจังหวัดปัตตานี ยังถูกโจรกระจอกสังหารเสียชีวิตกลางถนนต่อหน้าลูกวัยอนุบาล   

7.จะตรวจสอบการฆ่าตัดตอน2,500 ศพในสงครามปราบยาเสพติด
“รัฐบาลจะจัดกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาตรวจสอบการทำวิสามัญฆาตกรรมในช่วงทำสงครามยาเสพติด”
                                                                                 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                      นายกรัฐมนตรี
                                                                                       5 ธ.ค.2546
 
สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมารับปากกับสาธารณชนว่าจะจัดกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาตรวจสอบการทำวิสามัญฆาตกรรมระหว่างปราบปรามยาเสพติด หรือ “การฆ่าตัดตอน” สืบเนื่องมาจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9ทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2546  โดยพระองค์รับสั่งในช่วงเวลา 16.30 น.ของวันที่ 4 ธันวาคม 2546 ให้รัฐบาลแจกแจงยอดคนตาย 2,500 คน จากสงครามยาเสพติดเพื่อให้คนไทยได้รับทราบ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าฯ ความตอนหนึ่งว่า   “ต้องพูดเพราะว่านายกฯ มาพูดเมื่อวานนี้ ที่สนามหลวง ถือธง ถือธงชนะๆ ไชโย ทราบดีว่านายกฯ ไม่ชอบให้ใครเตือน เพราะว่าเตือน ใครเตือนเรา มันเคือง  เดี๋ยวเล่าให้ฟัง สมเด็จพระบรมราชชนนี เราอายุ 40-50 แล้ว ท่านชม...โอ๊ย...เก่ง แม่ชอบ แต่ท่านบอกว่าอย่าลืมตัว ท่านว่าอย่างนั้น อย่าลืมตัว อย่าลอย ขาต้องอยู่กับดิน ท่านบอกว่าชื่อลูก ภูมิพล ภูมิพลต้องเหยียบดิน ไอ้การลอยไม่เหยียบดินเสร็จ ใช้ไม่ได้ ภูมิพล เหยียบดิน (กระทืบเท้า) ถึงเดิน เดินบนดิน ห้ามไม่ให้ลอย จนกระทั่งอายุเกือบ 60 ท่านหยุด ท่านไม่เตือนแล้ว แม่ชอบ ถ้าทำอะไรดีให้รู้ว่าดี แต่อย่าไปเห่อมากเกินไป แต่อย่างนี้ ขอโทษนายกฯ ไม่ใช่ ต้องระวัง ไอ้ชัยชนะการปราบยาเสพติดนั้น ดีที่ปราบ แล้วที่เขาตำหนิ คนตายตั้ง 2,500 คน เรื่องเล็ก 2,500 คน ถ้านายกฯไม่ได้ทำ นายกฯไม่ได้ทำทุกปี แต่ละปีจดไว้นะ มีมากกว่า 2,500 คนที่ตาย ที่ตายทั้งคนที่เสพติด แล้วขึ้นไปฆ่าคน เผาอะไรต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ต้องไปปราบปกติก็ตายมากเหมือนกัน แต่ไม่พูดถึง ไม่ไปนับ พวกที่ค้า พวกที่ทำ ก็ตายเยอะเหมือนกัน แต่ก่อนนี้ แต่ไม่พูดถึง เชื่อว่าพอๆ กับที่จดว่ามีผู้ที่ตายในสงครามต่อสู้ยาเสพติด พวกที่ทางเจ้าหน้าที่ได้สังหารไม่ใช่ 2,500 คน ที่เขาสังหารกันเอง แล้วเราจะรับผิดชอบได้ยังไง นายกฯทำสงคราม ทำให้คนตาย 2,500 คน ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น เขานับแต่ว่าพวกที่ตายเป็นส่วนใหญ่เป็นพวกที่เขาฆ่ากันเอง พวกที่ค้า พวกที่ผลิต เขาฆ่ากันเองจำนวนมาก ที่ทางราชการจะรับผิดชอบก็อาจจะมีจำนวนหนึ่ง ก็ลองถามทางท่านผู้บัญชาการตำรวจไปจำแนกว่าเป็นเท่าไร ก็เชื่อว่าใน 2,500 เนี่ยมีมากที่เขาฆ่ากันเอง และความผิดของเขา มาโยนความผิดให้ท่านซูเปอร์นายกฯ”
ส่วนสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ทำตามคำสัญญา มีการวิเคราะห์กันว่า เนื่องจากได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะตำรวจได้ลงมือฆ่าชาวบ้านแบบไม่มีเหตุผล บางรายไม่ได้เกี่ยวพันกับยาเสพติดก็ถูกสั่งเก็บเพราะไม่ตำรวจไม่ชอบขี้หน้า แม้ว่าพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ในขณะนั้นได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงจำนวนคนตายแต่ก็ไม่เคยสรุปผลให้สังคมได้รับทราบเลย

8.กลบเกลื่อน“ทนายสมชายมีปัญหากับครอบครัว”
“นายสมชาย(ลีนะไพจิตร)ไม่ได้หายไปไหน ทะเลาะกับครอบครัว โดยอยู่ในกรุงเทพ โดยไม่ได้บอกให้ใครรู้”                    
                                                                                            พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  
                                                                                                 นายกรัฐมนตรี  
                                                                                                 17 มี.ค.2547

สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมายืนยันกับสังคมว่า นายสมชาย  นีละไพจิตร ประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่ถูกอุ้มหายตัวอย่างลึกลับว่า ทนายสมชายคงจะยังอยู่ในกรุงเทพฯ  เพียงแต่ไม่รู้ว่าอยู่ในจุดไหนเท่านั้นเอง  แถมยังตั้งข้อสันนิษฐานอีกด้วยว่า นายสมชายทะเลาะกับภรรยาและหนีออกจากบ้าน ทำไปเพื่อต้องการที่จะกลบเกลื่อนข่าวความรุนแรงที่รัฐบาลใช้อำนาจเถื่อนกับประชาชนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนได้  ประกอบกับเรื่องนี้เกี่ยวโยงไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย  เนื่องจากนายสมชายเป็นทนายความให้กับผู้ต้องหาแบ่งแยกดินแดนในขบวนการเจมาห์  อิสลามิยาห์  และคดีเผาโรงเรียนในภาคใต้  นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ยังปฏิเสธที่จะตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาสอบสวนคดีนายสมชาย เนื่องจากเชื่อว่าการหายตัวไปของนายสมชายเป็นเรื่องการเมือง

9.โกหก “ปล่อยกู้พม่า4พันล้านบาทไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน”
“โดยสรุปคือรัฐบาลพม่าขอกู้เงินผ่านธนาคารเอ็กซิมแบงก์จำนวน 4 พันล้านบาท แต่การอนุมัติขึ้นอยู่กับธนาคารและกระทรวงการคลัง  ส่วนข้อเสนอของพม่ามีการระบุชื่อบริษัทสื่อสารของไทยไปร่วมลงทุน ก็ เป็นข้อเสนอของฝ่ายพม่า แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาจะไปล็อกสเปกไม่ได้ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน”

                                                                                                             พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                  นายกรัฐมนตรี 

สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้รัฐบาลพม่าจำนวนเงิน 4 พันล้านบาท เนื่องจากเกิดกระแสวิพากษ์ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยบริษัทชินแซทฯของครอบครัวนายกรัฐมนตรีเข้าไปสัมปทานด้านโทรคมนาคมในพม่า  อย่างไรก็ตามโครงการนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ดำเนินการ โดยมีใบสั่งจากใครบางคน โดยเมื่อแบงก์รับคำสั่งมา  ก็มากำหนดรายละเอียดของร่างสัญญาเงินกู้จนทำให้รัฐบาลเสียเปรียบ และประเทศชาติเกิดความเสียหาย


10.เลิกล้มงาน“คนด่ารัฐบาล”แต่เปลี่ยนงาน “คนเชลียร์รัฐบาล”แทน
“รัฐบาลเตรียมจัดงาน มหกรรมรวมพลคนด่ารัฐบาล ที่ท้องสนามหลวง ประมาณกลางเดือนต.ค.นี้ โดยผมจะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดงานด้วยตัวเอง และจะให้รัฐมนตรี และส.ส.ของพรรคไทยรักไทยอยู่ฟังการอภิปราย เพื่อดูว่ามีเรื่องใดบ้างที่มีประโยชน์ ก็รับฟัง และนำมาแก้ไข แต่เรื่องใดที่ไม่มีประโยชน์จะปล่อยให้พูดไป”
                                                                                                                               พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
                                                                                                                                    นายกรัฐมนตรี
                                                                                                                                     26 ก.ย.2547
 
สาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขายแนวคิด “มหกรรมรวมพลคนด่ารัฐบาล”ขึ้นที่ท้องสนามหลวง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวได้เกิดกระแสความไม่พอใจรัฐบาลขยายวงกว้างออกไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะ “กลุ่มคนรู้ทันทักษิณ” และนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ที่ระดมคนไปรวมตัวกันที่ทางทิศเหนือของสนามหลวง พร้อมเปิดเวทีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในการทำงานของรัฐบาลขึ้นไปอีก จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการตัดไฟเสียแต่ต้นลม โดยจัดเวทีให้คนที่ไม่พอใจมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแทน อย่างน้อยก็สามารถที่จะควบคุมดูแลได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าปล่อยให้คนไปชุมนุมกันเอง อาจจะไม่สามารถควบคุมได้ และอาจจะเกิดเหตุการณ์บานปลายได้  ครั้นเอาเข้าจริง พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเลิกล้มแนวคิดดังกล่าว โดยไปจัดงาน “นิทรรศการแสดงผลงาน 4 ปี” ในช่วงเดือนพ.ย. ที่เมืองทองธานี ซึ่งกลายเป็นงาน “คนเชียร์รัฐบาล”ไปจนได้