โอกาสเดียวจริง ๆ !!!  เพจกฎหมายดัง  ประเมินอนาคต “สรยุทธ” ?? สู้คดีอย่างไรในชั้นฎีกา ลุ้นหนักรวบกรรมกระทำผิด ลดโทษจำคุก ??

ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th

ถือเป็นปรากฎการณ์ข่าวที่เกิดขึ้นกับผู้ประกาศข่าวชื่อดัง อย่าง นายสรยุทธ  ทัศนจินดา     ซึ่งต้องโทษในคดีเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดทุจริต  ในหลายกรรมหลายวาระ  โดยเฉพาะการสนับสนุนพนักงาน  ให้กระทำความผิดดังกล่าว  ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 ม.6, 8 และ 11  กรณีการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 อสมท กว่า 138 ล้านบาท
 

ผลพวงของการกระทำที่แสดงให้เห็นถึงความละโมภในชีวิตแม้เพียงเสี้ยวนาที  ทำให้กราฟเส้นทางการเป็นผู้ประกาศข่าวดังที่สุดในประเทศไทย   ดิ่งต่ำลงจนหลายคนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเคสแบบนี้จะเกิดขึ้นกับคนอย่าง  นายสรยุทธ์    ซึ่งแม้จะพยายามกล่าวอ้างต่อศาลถึงผลการกระทำความดีที่ผ่าน ๆ มา ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดที่ก่อขึ้นได้  ตามถ้อยคำส่วนหนึ่งของคำพิพากษา ศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง  

 

 

 

“คุณงามความดีที่นายสรยุทธ กล่าวอ้างนั้นเป็นเรื่องของประวัติและความดีคนละส่วนกับพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด ศาลต้องพิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่ปรากฎจากการไต่สวน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 4 คน กระทำความผิดหลายกรรมด้วยการมอบเช็ค 6 ฉบับ ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน จำคุกจำเลยที่ 3 และ 4 คนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 8 หมื่นบาท”

 

 

โอกาสเดียวจริง ๆ !!!  เพจกฎหมายดัง  ประเมินอนาคต “สรยุทธ” ?? สู้คดีอย่างไรในชั้นฎีกา ลุ้นหนักรวบกรรมกระทำผิด ลดโทษจำคุก ??

 

 

อย่างไรในแง่มุมกฎหมาย  นายสรยุทธเองยังมีช่องทางการต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลฎีกา   ซึ่งหลายคนเฝ้าติดตามว่าบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร   ในหลากหลายแง่มุมทั้งเห็นอกเห็นใจ และคิดว่าการกระทำความผิดของนายสรยุทธ   จนนำมาสู่กระบวนการลงโทษจำคุก ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับพวกนอกลู่นอกทาง  แต่จะสามารถหลุดพ้นคดี หรือได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษหรือไม่ อย่างไร  เป็นแง่มุมทางกฎหมายตามกระบวนยุติธรรมที่จะต้องพิจารณาต่อไป  ขณะที่อย่างน้อย  ต้องยอมรับข้อดีสำคัญของ  นายสุรยุทธ์  ในฐานะนำพาตัวเองเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายอย่างครบถ้วน      

ล่าสุดในเพจกฎหมายดังอย่าง  “กฎหมายดี 4 D “  ได้นำเสนอความเห็นทางกฎหมายไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า     “ หากนายสรยุทธประสงค์จะต่อสู้ในชั้นฏีกา ควรต่อสู้ในเรื่องใด ??? ”


.

.ตอบ - คดีของนายสรยุทธ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้จำคุกไม่เกินกระทงละ 5 ปี คดีนี้จึงต้องห้ามมิให้ฏีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 218 วรรคแรก


..ปัญหาข้อเท็จจริง ได้แก่ การยกขึ้นอ้างว่าเคยมีคุณงามความดีมาก่อน หรือหากศาลไม่รอการลงโทษให้จำเลย จะทำให้เกิดผลเสียมหาศาล เป็นต้น ดังนั้น หากจะหยิบยกข้ออ้างเหล่านี้มาสู้ในชั้นฏีกาอีก ย่อมไม่สามารถทำได้ เพราะต้องห้ามตามกฎหมาย

..แต่หากจำเลยจะฎีกาใน "ปัญหาข้อกฎหมาย" จำเลยสามารถยกขึ้นอ้างได้

 

..ปัญหาข้อกฎหมาย เช่น การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว หรือหลายกรรม
..

จากคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ทราบว่าทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่าการที่นายสรยุทธมอบเช็คตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ อสมท.ที่่ช่วยปกปิดทุจริตไม่จดแจ้งเวลาโฆษณา เป็นเช็ค 6 ฉบับ เป็นการกระทำผิด 6 กรรม จึงต้องเรียงกระทงลงโทษกระทงละ 3 ปี รวมเป็น 18 ปี ลดโทษให้แล้วเหลือ 13 ปี 4 เดือนนั้น หากจำเลยฏีกาต่อสู้ต่อไปว่าเป็นเพียงการกระทำกรรมเดียว ข้อต่อสู้เช่นนี้ถือว่าเป็น "ปัญหาข้อกฎหมาย" สามารถกระทำได้

 

..ดังนี้ หากฏีกาของจำเลยฟังขึ้นว่า "การทุจริตเบียดบังรับเงินโฆษณาจากเอกชนที่มาจ้าง บ.ไร่ส้ม ให้ลงโฆษณานั้น มีเจตนาเดียวคือให้ได้เงินไปโดยมิชอบ เมื่อสมเจตนา แม้ในทางปฏิบัติของช่องสถานีจะมีการลงโฆษณาหลายวัน และจ่ายเช็คตอบแทนให้แก่ จนท.ของ อสมท.6 ฉบับก็ตาม ก็เป็นเพียงการแบ่งจ่ายให้ตามการสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อจะได้เงินโดยมิชอบครั้งเดียวเท่านั้น" หากฟังขึ้น จำเลยก็อาจคงเหลือโทษสำหรับความผิดเพียงกระทงเดียวคือ จำคุก 3 ปี เมื่อลดโทษให้ตามที่ศาลอุทธรณ์เคยลดให้ ก็จะคงเหลือโทษจำคุกเพียงประมาณ 2 ปีเท่านั้น??