เสียเวลาเปล่า!! "วิรังรอง" ลั่น ต้องแก้ที่เจตนา ไม่ใช่การกระทำ อย่าปล่อยผลไม้พิษได้แพร่พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกในร่มรั้วจุฬาฯ

         ตามต่อกันที่เรื่องของนักศึกษาสุดอื้อฉาวอย่าง นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ผู้ซึ่งพยายามเหลือเกินที่มีตัวตนในสังคม  และก่อวีรกรรมต่างๆเรื่อยมา เป็นระรอกๆไม่ว่าจะเรื่องหมุดคณะราษฎร์  เรื่องต่อต้านการเกณฑ์ทหาร  และล่าสุด กับเรื่องที่เรียกกระถแสให้ตัวเองได้อกีครั้งอย่างการสร้างความปั่นป่วนในงานพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่ประจำปี 2560  ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยยาลัย  ที่เป็นกระเเสครึดโครม กันอยู่ในช่วงก่อนหน้าไม่นานมานี้สักราวๆ เดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้เห็นจะได้  

          เเต่ถ้าใครยังคงจำไม่ได้ ไปชมคลิป เตือนความจำกันสักนิด จิ้มด้านล่างได้เลย  

 

 

     ซึ่งก็จากกรณีคลิปด้านบนก็ทำให้หลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างก็ออกมาแสดงความเห็นกันมากมาย ถึงเรื่องดังกล่าวว่าไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง   และทาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเองก็โดนกดดันจากกระเเสสังคมว่า จะปล่อยเรื่องของ เด็กขวางโลก(?)  คนนี้กระทำอะไรแบบนี้ให้ สถาบันเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกหรือ   
    และการกระทำดังกล่าวก็เป็นผลเสียด้วย เมื่อทางมหาวิทยาลัยมีคำสั่งปลดนายเนติวิทย์  ออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย  พร้อมมีแถลงการณ์อย่างเป็รเรื่องเป็นราว   
   
     อย่างไรก็ดี ทางด้านความเคลื่อนไหวของทางเนติวิทย์กันบ้าง   ภายหลังจากที่โดนทางมหาวิทยาลัยปลดออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อย  เจ้าตัวเองก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวโดยการ โพต์เฟสบุ๊ก ข้อความระบุว่า “ในวันนี้ ผมได้รับคำสั่งจากทางจุฬาฯ ให้ปลดผมและเพื่อนๆ อีก 4 คนที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิสิตสามัญพ้นออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกตัดคะแนนความประพฤติในกรณีถวายสัตย์คนละ 25 คะแนน ซึ่งรวมถึงเพื่อนอีก 3 คนที่กรรมาธิการสภาด้วย ทำให้ผมพ้นจากตำแหน่งประธานสภานิสิตด้วย นอกจากนี้ยังมีอีกข้อหาหนึ่งคือการจัดทำประชาพิจารณ์รับฟังปัญหาของผู้ค้าสวนหลวงสแควร์ ซึ่งยังไม่ได้รับคำตัดสิน ส่วนท่านอาจารย์ที่ได้ล็อกคอนิสิตนั้น มหาวิทยาลัยได้ตั้งกรรมการสอบสวนด้วย แต่ผลการตัดสิน ณ ตอนนี้ยังไม่มีผลออกมา ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยได้เริ่มกระบวนการสอบสวนก่อนผมและเพื่อนๆ เสียอีก อย่างไรก็ดี ทางเราจะยังต่อสู้ต่อไปโดยอุทธรณ์ต่อทางมหาวิทยาลัย”

“ขออย่าได้สิ้นหวังกับสังคมนี้ แม้จะมีอุปสรรคอยู่มาก แต่ถ้าเราช่วยกันเป็นอิฐคนละก้อน เราจะข้ามพ้นมันไปได้ในที่สุด” นายเนติวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

     

          ก่อนที่ล่าสุดจะปรากฏภาพของนายเนติวิทย์ “โกนหัวประท้วง”!!  ซึ่งภาพของนายเนติวิทย์ได้ถูกเผยแพร่โดยเฟซบุ๊ค Kasidit Ananthanathorn  พร้อมข้อความระบุว่า "ท่าน (อดีต?) ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโกนหัวประท้วงมหาวิทยาลัยของเขา บัดนี้ เตรียมมาเทศน์ในงานปาฐกถาและเสวนาในหัวข้อ "เซน กับการตื่นรู้ของหนุ่มสาวยุค 4.0" ในวาระ 72 ปี วันสันติภาพไทย - 100 ปี อาจารย์ป๋วย - 45 ปี ปาจารยสาร ซึ่งจะมีขึ้นในบ่ายวันนี้ ที่ห้องริมน้ำ คณะศิลปศาสตร์ มธ."

เสียเวลาเปล่า!! \"วิรังรอง\" ลั่น ต้องแก้ที่เจตนาไม่ใช่การกระทำ อย่าปล่อยผลไม้พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกในร่มรั้วจุฬาฯ (เจอดี - มีคลิป)

เสียเวลาเปล่า!! \"วิรังรอง\" ลั่น ต้องแก้ที่เจตนาไม่ใช่การกระทำ อย่าปล่อยผลไม้พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกในร่มรั้วจุฬาฯ (เจอดี - มีคลิป)

 

 

เสียเวลาเปล่า!! \"วิรังรอง\" ลั่น ต้องแก้ที่เจตนาไม่ใช่การกระทำ อย่าปล่อยผลไม้พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกในร่มรั้วจุฬาฯ (เจอดี - มีคลิป)

     

   ซึ่งจากที่เห็นนั้นดูเหมือนจะ พยายามเรียกร้องอย่างเต็มที่ว่า ตนนั้นไม่รับความยุติธรรม  และจากการถูกลงโทษครั้งก็ดูจะรุนแรงเสียเหลือเกิน

 

มาต่อกันที่ความเห็น ของคุณ  วิรังรอง  ทัพพะรังสี  อดีต นิสิตเก่ารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.)   ที่เพิ่งจะโพสต์ถึงกรณีดังกล่าวนี้บนหน้าเฟสบุ๊ก  โดยระบุว่า....

    ตอนที่ ๑ ถามจุฬาฯ ว่าปัญหาเนติวิทย์ลบหลู่หรือแค่เดินออกจากแถว......วิเคราะห์บางประโยคต่อประโยค "บันทึกข้อความแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายปกครองถึง เนติวิทย์” ลงวันที่ ๑๐ สิงหาคม (ตามภาพประกอบ) ระบุว่า:
๑. "ด้วยเหตุการณ์และข่าวสารต่างๆในโลก Social Media ที่ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาลงกรณ์ฯ.....”
วิรังรองถาม: 
- แค่ประโยคแรกของบันทึกฯ อ่านแล้วก็งง.....ตกลงการกระทำอันไม่สมควรของเนติวิทย์..... หรือกระแสข่าวใน Social Media กันแน่ ที่ส่งผลต่อชื่อเสียงจุฬาฯ??????? (ที่กล่าวว่า"ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ" อ่านแล้วเข้าใจว่าเป็นไปในทางลบ อีนัยหนึ่งทำให้เข้าใจว่า เป็นการทำให้จุฬาฯ เสียชื่อเสียง)
- ขอถามผู้บริหารจุฬาฯ.... ก่อนเขียนบันทึกฯ และก่อนตั้งคณะกรรมการฯ ควรตีโจทย์ให้แตกโดยใคร่ครวญถึง "เหตุ และผล" ให้ถูกต้องเสียก่อนดีไหมว่า "โซเชียล หรือ เนติวิทย์" ที่ "ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ” ????? เพราะเมื่อมองไม่เห็นเหตุที่แท้จริง ย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
เกรงใจเนติวิทย์มากไปหรือเปล่าคะ...เหตุใดจึงไม่เขียนให้ตรงประเด็นและชัดเจนลงไปว่า..... 
"ด้วยความประพฤติอันไม่สมควรในทางจิรยธรรมและมารยาทของเนติวิทย์ ได้ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของจุฬาฯ.....????
วิรังรองตอบ:
- เปล่าเลย..ข่าวสารต่างๆ ใน Social Media มิได้ทำให้ชื่อเสียงจุฬาฯ เสีย แต่เนติวิทย์นั้นแหละเป็นเหตุที่ส่งผลต่อชื่อเสียงของจุฬา (หลายครั้งแล้วด้วยค่ะ) โดยมีฝ่ายบริหารของจุฬาฯ เข้าประกอบ เรียกว่าเข้าประกอบ แปลว่า มีส่วนร่วมทำให้ชื่อเสียงจุฬาฯ เสียด้วย กล่าวคือไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ปล่อยให้เรื่องเดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำสอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ เชื่องช้าในการแก้ปัญหา และตีโจทย์ไม่แตก เป็นเหตุเสริมที่ส่งผลโดยตรงต่อชื่อเสียงจุฬาฯ
- ข้อสังเกต: การขึ้นต้นบันทัดแรกใน “บันทึกข้อความ” โดยอ้าง Social Media เป็นเหตุให้จุฬาฯ เสียชื่อดังกล่าว แสดงวิสัยทัศน์ของ“ผู้บริหารจุฬาฯ” ว่า หากไม่มีกระแสโซเชียลต่อต้านการกระทำอันไม่เหมาะสมของเนติวิทย์ ผู้บิรหารจุฬาฯ ก็อาจจะไม่เห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าว
- ข้อควรทำ: เห็นทีโซเชียลจะต้องช่วยกันเกาะติด ตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เพราะคงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้บริหารจุฬาฯ หันมาฟังความคิดเห็นของประชาชนคนไทย จนกว่าผู้บริหารจุฬาฯ จะได้จัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม ขออย่าระดมกดไลค์-แชร์กันเฉพาะช่วงฮิตติดสื่อ (แต่ถ้าเมื่อไรดิฉันโพส ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยกดไลค์ ช่วยแชร์ด้วยจักเป็นพระคุณ 5555-678910++++)
๒. "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” เห็นควรให้มีการสอบสวนพิจารณาการกระของเนติวิทย์ ๒ กรณี คือ
๒.๑. ใช้สถานที่ราชการประชุมโดยไม่ได้รับอนุญาต และ
๒.๒ แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเจตนา เดินออกจากแถวขณะประกอบพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเป็นนิสิตฯ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓ สิงหาคม ที่ผ่านมา
วิรังรองถาม: 
- คณะกรรมการชุดที่จะสอบสวนและพิจารณาลงโทษเนติวิทย์เกี่ยวกับจริยธรรมและมารยาทนั้น คือคณะกก. ชุดเดียวกับ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” หรือมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา ขอให้ฝ่ายบริหารจุฬาฯ ช่วยตอบให้ชัดเจน ?????
- ตามข่าวจากสื่อที่ปรากฏก่อนหน้า ระบุว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนฯ แต่ในบันทึกฯ มีแต่การเอ่ยถึง "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” ซึ่งเป็นคณะกก.ที่มีอยู่แล้ว โดยมิได้บอกกว่ามีการแต่งตั้งคณะกก. อื่นใดอีก "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเท่านั้น หรือสอบสวนพิจารณาตัดสินลงโทษด้วย ทั้งนี้หากมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อสอบสวนพิจารณาและลงโทษโดยเฉพาะ ก็ขอถามว่าได้แต่งตั้งคณะกก. เสร็จหรือยัง ชื่อคณะกก.อะไร???? และขอให้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการทั้งหมดที่จะสอบสวนพิจารณาและลงโทษเนติวิทย์ ต่อสาธารณะได้หรือไม่ ?????
วิรังรองตอบ:
- ในตอนแรก คงไม่ได้ต้องการใช้บริการ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” เพราะดิฉันก็ได้ข่าวมาว่า ผู้บริหารจุฬาฯ ได้มีการทาบทามผู้ใหญ่หลายท่าน ผู้มีชื่อเสียง มีตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่น่าเชื่อถือ (ภายนอกรั้วจุฬาฯ ) เพื่อให้มาเป็นคณะกรรมการฯ แต่....ได้รับการปฏิเสธ...เรื่องนี้ดิฉันเห็นว่า ก็ในเมื่อเรื่องเกิดในจุฬาฯ อธิการบดีเองก็ประกาศว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง “ภายในจุฬาฯ ไม่เกี่ยวกับคนนอก” ตอนนี้หากจุฬาฯ แสวงหาคนนอกมาเป็นคณะกก. ก็ไม่เหมาะสม ดิฉันคิดว่า อธิการบดีนั้นแหละ ควรนั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
- ขอให้ผู้บริหารจุฬาฯ ประกาศรายชื่อคณะกก. ให้สาธารณชนทราบด้วย หวังว่ารายชื่อคณะกก. ดังกล่าวคงไม่ต้องปิดเป็นความลับ เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังทำให้การสอบสวนดูไม่โปร่งใส ยิ่งส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของผู้บิรหารจุฬาฯ เพิ่มมากขึ้น และหากไม่สามารถประกาศรายชื่อคณะกรรมการฯ ได้ ก็ขอให้ “ประกาศเหตุผล” ที่ต้องปิดเป็นความลับระดับท๊อปซีเครตด้วย
วิรังรองถาม:
- ข้อ ๒.๒ ข้างต้นนั้น การใช้คำว่า “แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยเจตนา เดินออกจากแถวขณะประกอบพิธี......” ดิฉันขอถามผู้บริหารจุฬาฯ และ "คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิต” ว่า... มองเห็นปัญหาพฤติกรรมของเนติวิทย์เพียงแค่..."เดินออกจากแถว.....” เท่านั้นหรือ???
- ข้อกล่าวหาดังกล่าวฟังดูแล้วอ่อนมาก เพราะการกระทำของเนติวิทย์ ไม่ใช่เพียงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเรื่องการเดินออกจากแถว ซึ่งเป็นโทษเบา ดิฉันคิดว่าผู้บริหารจุฬาฯ ประเมินสมองและความคิดของ Social Media (เรียกตามในบันทึกจุฬาฯ) ต่ำเกินไป....เพราะพวกเรามิได้เป็นมังสวิรัติ กล่าวคือไม่ได้รับประทาน “หญ้า” เป็นอาหารหลัก.....เราจึงไม่ได้มองแค่การที่เนติวิทย์เดินออกจากแถว....(ขออภัยผู้ที่เป็นมังสวิรัติ มิได้มีเจตนากล่าวว่าท่านรับประทานญ้าเป็นเมนูหลักแต่เป็นการเปรียบเปรยนะคะ อย่าเคืองกันนะ)
แต่ที่ Social Media พากันจับตาเรื่องนี้อย่างกว้างขวงเพราะมองว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจตนาที่จะแสดงความหมิ่น....ลบหลู่....ต่อสถาบันอันเป็นที่รักเคารพของคนไทย ซึ่งเป็นประเด็นหลักและสำคัญที่สุดประการแรก แต่น่าแปลกที่ผู้บริหารจุฬาฯ มองไม่เห็นจุดนี้ หรือว่าเห็นแต่ละเลย ทั้งที่ดิฉันจำได้ว่า ดิฉันเป็นคนยกประเด็นนี้อย่างชัดเจนกลางที่ประชุมกับอธิการบดี, นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตนายกสามาคมศิษย์เก่าจุฬาฯ และผู้บริหารจุฬาฯ หลายคน พร้อมกับคณะนิสิตเก่าที่เข้าร่วมประชุมด้วย หลังเนติวิทย์ก่อเรื่องทำนองเดียวกันนี้ครั้งแรก นี้แสดงว่าคำพูดของดิฉันมิได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นสำเหนียกถึงประเด็นที่สำคัญยิ่งนี้เลยแม้กระทั่งในวันนี้ที่ปัญหาได้เกิดขึ้นซ้ำสอง
จึงขอย้ำฝากอธิการบดีไว้อีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบต่อจิตใจคนไทยทั้งชาติ "เป็นพฤติกรรมที่ลบหลู่ หมิ่น และหยามพระเกียรติ พระผู้ทรงให้กำเนินสถาบันที่เนติวิทย์ เข้ามาขอเป็นที่พึ่งที่อาศัยในการศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นเกียรติประวัติต่อครอบครัว เป็นความภาคภูมิใจของบิดามารดาผู้ให้กำเนิด และเป็นประโยชน์ในการต่อยอดอนาคตของเนติวิทย์ให้สูงขึ้น นี้ยังไม่นับรวมถึงผลที่กระทบถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นรากเหง้าของชาติไทย และก่อให้เกิดความแตกแยก


    สังคมมองปัญหาในเรื่องนี้ว่า มิได้อยู่ที่ “การกระทำ” ของเนติวิทย์ แต่อยู่ที่เจตนาและเหตุของเจตนาแห่งการกระทำนั้นๆ ถ้าหากว่าผู้บริหารจุฬาฯ ตั้งคณะกก. ขึ้นมาเพื่อสอบสวนเนติวิทย์เรื่องเดินออกจากแถวซึ่งเป็นแค่ "การกระทำ” โดยมองไม่เห็นถึงเจตนาและเหตุของเจตนาแห่งการกระทำนั้นของเนติวิทย์ ก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าดิฉันเชื่อว่า เสียเวลาเปล่า....


    เนติวิทย์ มิใช่เด็กแล้ว มีเสียงหนาหูว่า "อย่าไปให้ค่าเด็ก หรือเดี๋ยวก็เงียบไปเอง...” แต่วัยนี้คือวัยรุ่นที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ เป็นทรัพยากรมนุษย์ เป็นอนาคตของชาติ หากเนติวิทย์ใช้ความกล้าและความคิดปัจจเจกที่มีในทางสร้างสรรค์เพื่อความปรองดองสามัคคี มีความกตัญญรู้คุณ เขาจะเป็นผู้นำที่ดี เราส่งลูกเข้าโรงเรียนเพื่อให้เขาเรียนวิชาและให้คุณครูสอนให้เขาเป็นคนดี แล้วเหตุใดเล่า เมื่อเขาสร้างปัญหาขึ้น เรากลับผลักไสเขาและบอว่า...อย่าไปให้ค่าเด็กคนนั้นที่อาจพลาดพลั้งทำผิดไป นี้จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายวิสัยทัศน์ของอธิการบดีจุฬาฯ ที่จะแสดงจุดยืนของผู้บริหารระดับสูงที่ชัดเจนในเรื่องนี้ให้แก่คณะผู้บริหารระดับรองลงมา และคณาจารย์ โดยเฉพาะคณะบดีและอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ว่าหน้าที่ของสถาบันจุฬาฯ และหน้าที่ของอาจารย์ที่มีต่อนิสิตที่พวกคุณสกรีนรับเข้ามาเองนั้นน่ะ....คืออะไร 

    และจะต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหานี้...ทำอย่างไรที่จะแปรสสภาพคนที่คิดต่างในทางที่เป็นโทษต่อตนเองและสังคมให้เป็นคนดีให้ได้.....อย่าแก้ปัญหาเหมือนเรื่องนี้เป็นแค่ปัญหาเฉพาะหน้า ขายผ้าเอาหน้ารอดไว้ก่อน หรือผักชีโรยหน้าเยอะๆ เข้าไว้คงไม่เป็นไร อย่าคิดเพียงว่า อีกสองสามปีก็เรียนจบออกไปจากจุฬาฯ แล้วเรื่องก็จบ เพราะมันอาจจะไม่จบแม้ในจุฬาฯ ด้วยผลไม้พิษได้แพร่พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกไว้เรียบร้อยแล้วในร่มรั้วจุฬาฯ ส่วนพ่อพิษก็ได้ออกไปกระจายพันธ์ในสังคมที่ใหญ่กว่า


วิรังรอง ทัพพะรังสี
นิสิตเก่า สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ รุ่น ๓๐ 
๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐

 

เสียเวลาเปล่า!! \"วิรังรอง\" ลั่น ต้องแก้ที่เจตนาไม่ใช่การกระทำ อย่าปล่อยผลไม้พิษขยายพันธ์หยั่งรากลึกในร่มรั้วจุฬาฯ (เจอดี - มีคลิป)