- 06 ก.ย. 2560
ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th
รายงานข่าวจากจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ระบุความคืบหน้ากรณี นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้บริหารปตท. ฐานความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ว่า ล่าสุด ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้มีคำสั่งรับไต่สวนมูลฟ้องตามที่ นายนิพิฐ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้บริหารปตท. กล่าวหาว่าขายที่ดินในโครงการ PT.KPI ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดและต่ำกว่า ที่มีคนเสนอซื้อสร้างความเสียหายให้กับ ปตท.กว่า 5 พันล้านบาทแล้ว
โดยกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2560 นายนิพิฐได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร เป็นจำเลยที่ 1,นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 2,นางรสยา เธียรวรรณเป็นจำเลยที่ 3 ,นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร เป็นจำเลยที่ 4 ,นายเอกศักดิ์ โอเจริญ เป็นจำเลยที่ 5,นางพิชาภรณ์ วงศ์ศรี เป็นจำเลยที่ 6,นายสุพิชญ์ สุวกูล เป็นจำเลยที่ 7,นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล เป็นจำเลยที่ 8 และนายพีรฉัตร ปิ่นประยงค์เป็นจำเลยที่ 9 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่อท.410/2560 กล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยศาลได้ตรวจคำฟ้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.๒๕๕๙ มาตรา 15 และมีกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 8 ธันวาคม 2560
สำหรับรายละเอียดข้อมูลเดิม เมื่อเดือนมี.ค. 2560 ที่ผ่านมา ทางด้าน นายนิพิฐ ซึ่งรับผิดชอบโครงการปลูกปาล์มในประเทศอินโดนีเซียของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (บมจ.ปตท.) ได้ยื่นฟ้อง นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.กับผู้บริหาร ปตท.ในข้อหาร่วมกันทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ แจ้งความเท็จ และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จากรณีที่ไล่นายนิพิฐ ออกเพื่อให้รับผิดชอบโครงการปลูกปาล์มที่อินโดฯ
นอกจากนี้ทาง บมจ.ปตท. ยังส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินคดีอาญาและยื่นฟ้องทางแพ่งแก่นายนิพิฐ เพื่อให้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว โดยศาลฯ ได้ประทับรับฟัองตรวจคำฟ้องแล้วลงความเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลฯ และฟ้องเป็นตามมาตรา 15 ของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 ก่อนจะมีคำวินิจฉัยประทับรับฟ้อง
โดยเนื้อหาคำฟ้องบางส่วนระบุว่า สืบเนื่องจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ไปลงทุนธุรกิจปาล์มน้ำมันในประเทศอินโดนิเซีย ต่อมาได้มีการยกเลิกการลงทุนในโครงการดังกล่าว ก่อนที่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีอาญากับนายนิพิฐ พร้อมทั้งยื่นฟ้องนายนิพิฐ ให้รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียวนั้น
แต่จากการรวบรวมพยาบหลักฐานในการต่อสู้คดีได้พบหลักฐานว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้มีการทำเป็นขบวนการ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ขของตนเองและพวกพ้อง และกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสี โยนความผิดให้นายนิพิฐ โดยการสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จแล้วบีบบังคับให้ผู้ร่วมลงทุนในประเทศอินโดนีเซียลงนามในเอกสารเท็จให้กล่าวหานายนิพิฐ เพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์