เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ทิ้งสหรัฐฯ หันพึ่ง รัสเซีย ช่วยคลี่คลายสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี

จากการที่เกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ซึ่งมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น และเป็นอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์หรือระเบิดไฮโดรเจน ที่สามารถนำไปประกอบเข้ากับหัวรบของขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ไอซีบีเอ็ม ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย ถือเป็นพัฒนาการครั้งสำคัญยิ่งในโครงการพัฒนาด้านอาวุธของเกาหลีเหนือ

แรงสั่นสะเทือนครั้งมีความรุนแรงกว่าการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ของเกาหลีเหนือ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2559 ประมาณ 9.8 เท่า ตามการประเมินของเกาหลีใต้ ซึ่งน้ำหนักของระเบิดนิวเคลียร์ในครั้งนั้นอยู่ที่ 10 กิโลตัน

 

 

หลังเกิดเหตุประธานาธิบดีมุน แจอิน เรียกประชุมฉุกเฉินหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งหมด ขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ กล่าวประณามเกาหลีเหนืออย่างหนัก เนื่องจากเกิดขึ้นเพียง 1 สัปดาห์ หลังขีปนาวุธพิสัยกลาง หรือไออาร์บีเอ็ม ของเกาหลีเหนือเดินทางผ่านน่านฟ้าเหนือเกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศ ด้านสหรัฐฯ และจีน รวมถึงรัสเซีย ยังไม่แสดงท่าทีอย่างชัดเจนต่อการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 ของเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการอ้างเป็นระเบิดไฮโดรเจน โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เมื่อเดือนมกราคม 2559

 

ล่าสุดทางด้านประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองวลาดิวอสตอค ประเทศรัสเซีย ในวันที่ 6 กันยายน 2560 เพื่อเข้าร่วมการประชุม รวมทั้งหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำชาติต่าง ๆ ที่จะมุ่งเน้นไปที่การหามาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ ที่ทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด และเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด ซึ่งหนึ่งในผู้นำที่ประธานาธิบดีมุน แจอิน จะหารือด้วยก็คือประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย โดยจากการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อวันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2560
 

 

โดยประธานาธิบดีมุน แจอิน เสนอไอเดียการหยุดส่งน้ำมันให้แก่เกาหลีเหนือ พร้อมยืนกรานว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารืออย่างจริงจัง ณ ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี ซึ่งหากว่ารัสเซีย เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว ก็จะเป็นการกดดันต่อจีน พันธมิตรหลักของเกาหลีเหนือ ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ให้แก่เกาหลีเหนือ โดยการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศของเกาหลีเหนือจำนวนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์นั้นมาจากจีน อย่างไรก็ตาม ผู้นำรัสเซีย ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ บอกแต่เพียงว่า การแก้ปัญหาเกาหลีเหนือต้องทำด้วยวิธีการทางการทูตเท่านั้น
 

ด้านกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ได้ออกมาระบุกองทัพสหรัฐฯ จะดำเนินการติดตั้งเครื่องยิงระบบป้องกันขีปนาวุธ THAAD ในเมืองซอนจู ทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านจากประชาชน และนักเคลื่อนไหวก็ตาม โดยชาวบ้านเปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมได้แจ้งถึงแผนการติดตั้งเครื่องยิงดังกล่าวอีก 4 เครื่องในเวลา 02.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมานี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็มีการติดตั้งเครื่องยิงเอาไว้แล้วสองเครื่อง

 

 

ด้านกลุ่มผู้ประท้วงมองว่า การที่รัฐบาลเกาหลีใต้ พยายามนำระบบต่อต้านขีปนาวุธเข้ามาติดตั้งในประเทศนั้น เป็นเพราะรัฐบาลต้องการทำตามคำขอของสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งพวกเขามองว่า หากนำระบบ THAAD เข้ามาติดตั้งจริง จะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในบริเวณคาบสมุทรเกาหลี ไม่ทำให้ความสงบสุขเกิดขึ้นจริง

 

 

 

ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น กล่าวว่าเขาต้องการให้เกาหลีเหนือเข้าใจว่าประเทศจะ ไม่มีอนาคตหากยังคงเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และใช้คำพูดยั่วยุให้เกิดสงคราม และว่าเกาหลีเหนือจำเป็นต้องเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ ที่จะยิ่งโดดเดี่ยวประเทศตัวเอง เพื่อนำไปสู่ทางออกของวิกฤตบนคาบสมุทรเกาหลี

นายชินโซ อาเบะ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ญี่ปุ่นต้องการหารือเรื่องสถานการณ์ของเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และประธานาธิบดีมุน แจ อิน แห่งเกาหลีใต้ ที่เมืองวลาดีวอสตอค ประเทศรัสเซียสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างญี่ปุ่นและรัสเซียด้วย

<ทั้งนี้ ประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ เดินทางไปยังเมืองวลาดิวอสตอค เพื่อเข้าร่วมประชุมและหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำชาติต่างๆ เกี่ยวกับมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือที่ทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 แล้ว

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า หลังจากได้หารือกันทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนถึงวิธีการที่จะจัดการกับการคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือภายใต้การนำของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือนั้น เขา ยังไม่ได้ตัดประเด็นการใช้ปฏิบัติการทางทหาร หากจำเป็น แต่ขณะนี้ยังมีวิธีการอื่นที่จะสร้างความกดดันเกาหลีเหนือให้ยุติการคุกคาม ซึ่งต้องดำเนินการก่อนที่จะใช้กำลังทางทหาร และการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่ทางเลือกแรก แต่เราต้องรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

 

 

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวหาจีนว่า ไม่ได้ทำอย่างเพียงพอที่จะสร้างความกดดันทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการลงโทษ แต่จากการหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีน้ำเสียงในทางที่จะประนีประนอม โดยกล่าวว่า เขาเชื่อว่าผู้นำจีน เห็นด้วยกับเขา 100 เปอร์เซ็นต์ สีจิ้น ผิง ก็ไม่อยากเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่นั่นเช่นกัน เราได้คุยกันอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้บอกกับผู้นำสหรัฐฯ ระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า จีนมุ่งเน้นที่จะแก้ปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีผ่านกระบวนการเจรจาและวิถีทางทางการทูตเป็นสำคัญ