พล.อ. ชัยสิทธิ์ เผย แม้เป็นญาติแต่ก็ไม่มีส่วนรู้เห็นการหนีของ “ยิ่งลักษณ์” ปฏิเสธให้ความเห็นทิศทางของพรรคเพื่อไทย

 จากกรณีวันที่ 25 ส.ค.นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านางสาว ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลออกหมายจับเนื่องจากไม่เดินทางมาศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษา เพราะว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โดยเป็นการติดต่อผ่านตัวแทนของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบมาก่อนว่า นางสาว ยิ่งลักษณ์ มีอาการป่วยเพราะที่ผ่านมา จะติดต่อนางสาว ยิ่งลักษณ์ ผ่านทางตัวแทนเท่านั้น

พล.อ. ชัยสิทธิ์ เผย แม้เป็นญาติแต่ก็ไม่มีส่วนรู้เห็นการหนีของ “ยิ่งลักษณ์”  ปฏิเสธให้ความเห็นทิศทางของพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ คณะพิจารณาแล้วไม่น่าเชื่อว่าจำเลยอาการป่วยจริง และไม่สามารถเดินทางมาฟังได้ อีกทั้งไม่มีใบรับรองแพทย์ อันเชื่อได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงมีคำสั่งให้ออกหมายจับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยืนยันได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน ในประเทศหรือต่างประเทศ ส่วนการที่ศาลออกหมายจับแล้วหากนางสาว ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาพบศาลก่อนวันที่ 27 กันยายน นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวจะทำให้ศาลเพิกถอนหมายจับหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ซึ่งก่อนหน้าที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปฟังคำพิพากษา 1 วัน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กเหมือนเป็นการบอกก่อนล่วงหน้าว่าถึงมาก็จะไม่ได้เจอกัน โดยระบุข้อความดังนี้ “ดิฉันขออนุญาตกล่าวถึงวันฟังคำพิพากษาคดีของดิฉันที่ศาลฎีกาฯ ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ดิฉันทราบถึงความห่วงใย และความเมตตา ของพี่น้องประชาชนที่รับรู้ถึงความทุกข์ร้อน และความยากลำบากที่ดิฉันประสบอยู่ แต่ดิฉันเห็นว่าการเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจดิฉันนั้น ครั้งนี้เราจะไม่ได้พบปะ เห็นหน้า หรือสื่อความรู้สึกถึงกันได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ด้วยเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดระเบียบของผู้ที่จะเดินทางมาศาลผิดไปจากทุกครั้ง ทั้งที่เจตนาของพวกเราทุกคนเพียงต้องการมาให้กำลังใจซึ่งกันและกันเท่านั้น” ซึ่งหลังจากนั้นได้มีกระแสข่าวตามมาว่านางสาวยิ่งลักษณ์ได้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายรอรับอยู่ที่สิงคโปร์เพื่อเดินทางไปยังดูไบ ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศ ตั้งแต่คืนวันที่ 23 ส.ค. โดยมีรถของราชการระดับสูง พาหลบหนีไปตามเส้นทางเกาะช้าง เข้าประเทศกัมพูชามีปลายทางอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์และว่าอาจเป็นไปได้ว่าหนีไปแล้วนั้น
ทางด้านแหล่งข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง เผยว่า เส้นทางการหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางข้ามชายแดนประเทศไทย ผ่านช่องทางพิเศษ ไปประเทศกัมพูชา โดยใช้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เป็นใบเบิกทางในการข้ามเขตแดน ซึ่งจากการแกะรอยที่ทิ้งไว้ระหว่างเดินทาง พบว่ามีบุคคลอื่นร่วมขบวนไปด้วย รวมถึงกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือกระเป๋ายี่ห้อกุชชี่ พร้อมผู้ติดตามได้จอดแวะพักทำธุระส่วนตัวช่วงหนึ่ง

 

แหล่งข่าวกล่าวว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้อาศัยช่วงเวลาใกล้วันเกิดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่มักจะเปิดบ้านก่อนถึงวันเกิดในวันที่ 26 สิงหาคม ซึ่งสามารถดึงกระแสสังคมได้เป็นอย่างมาก เพื่อให้เหล่าผู้บัญชาการทหาร ตำรวจ แม่ทัพ นายกอง ทั้งหลาย ตบเท้าเข้าอวยพร โดยเหล่าทัพต่างๆทั่วประเทศล้วนมุ่งตรงมาที่บ้านสี่เสาเทเวศน์ เช่นในปีนี้ได้เปิดให้อวยพรวันที่ 24 ส.ค. ก่อนมีคำตัดสินดคีโครงการรับจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค.  ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่วางแผนในการหลบหนี ไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ซึ่งมีความเชี่ยชาญ แยบยลและรัดกุมมากที่สุดโดยเลือกช่วงเวลาเหมาะสมอย่างยิ่ง โดยการเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมไปจากตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้อย่างดี  

"เจ้าหน้าที่วางแผนไม่ธรรมดา ใช้เส้นทางผ่านประเทศกัมพูชา ขึ้นเครื่องบินไปขอลี้ภัยที่ประเทศปลายทาง   วางไว้สลับซับซ้อนมาก ซึ่งหน่วยงานต่างๆเองทุกวันนี้ ยังไม่ชัวร์ว่าอดีตนายกฯไปอยู่ประเทศใดแล้ว ระหว่างเมืองดูไบ หรือประเทศอังกฤษ เรื่องนี้อาจเจอตอ ทำให้ทางคสช.ก็ยังไม่กล้าเปิดหน้าอออกมาพูดเรื่องนี้กับสาธารณะชน และทั่วโลกต่างจับตามองว่ามีการรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้ ทางรัฐบาล ก็ยังไม่มีการตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมารับผิดชอบในการติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงแต่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการไปเหมือนคดีปกติเท่านั้น ไม่ได้ยกเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด”แหล่งข่าว กล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสว่านางสาวยิ่งลักษณ์ใช้เส้นทางกัมพูชาในการหลบหนีแต่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก้ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง

จากการรายงานข่าวของสำนักข่าว INN เมื่อวันที่ 7 ก.ย. รายงานว่า ทาง พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นญาติกับนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ เผยว่า โดยส่วนตัวถึงแม้จะเกี่ยวข้องเป็นญาติกัน แต่ก็ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น เกี่ยวกับการหลบหนีของนางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ที่ไม่ยอมไปฟังคำตัดสินของศาลฏีกาฯ คดีโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด และไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ นั้นอยู่ที่ไหน
ทั้งนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับท่าที และทิศทางของพรรคเพื่อไทย ด้วยโดยระบุไม่ได้เข้าไปร่วมทำกิจกรรมกับพรรคมานานแล้ว