เติมเต็มความเป็นมนุษย์!! เมืองคอนนำผู้นำท้องถิ่นเข้าค่ายปฏิบัติธรรมเจ้าคณะภาค16 เน้นหลักสาราณียธรรม6 นักวิชาการฝากเพิ่มเติมหลักสัปปุริสธรรม7

(6 ก.ย.) ที่ศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ภาคใต้ ตำบลกลาย อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พระธรรมวิมลโมลี เจ้าอาวาสวัดไตร   ธรรมาราม  เจ้าคณะภาค 16 ได้บรรยายพิเศษเรื่องหลักสาราณียธรรมกับสังคมไทย ให้แก่กำนันผู้ใหญ่บ้านและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 160 คน ที่เข้าค่ายปฏิบัติธรรมกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมสำหรับผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้โครงการ “สร้างคน สร้างชาติ สร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม”

                ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของนายจำเริญ  ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความปรองดองสมานฉันท์แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายก อบต. โดยใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาให้ยึดมั่นในสิ่งที่ดีงาม มีศีลธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต และความประพฤติในทางที่ถูกที่ควร  และเพื่อให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและนายก อบต. มีการน้อมนำเงื่อนไข คุณธรรมในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีในการดำเนินชีวิต พร้อมเผยแพร่ปลูกฝังไปสู่เด็ก เยาวชน ประชาชนในแต่ละท้องถิ่นต่อไป

                   สำหรับกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมสำหรับผู้นำท้องที่และผู้นำท้องถิ่นจังหวัดนครศรีธรรมราชมีเป้าหมายนำกำนันผู้ใหญ่บ้านและนายก อบต.จังหวัดที่นับถือศาสนาพุทธ รวมทั้งสิ้น 1,621 คน  เข้าค่ายปฏิบัติธรรม ณ วัดหรือองค์กรศาสนาที่เป็นสถานปฏิบัติธรรม แบ่งออกเป็น 9 รุ่น หลักสูตรรุ่นละ 3 วัน 2 คืน ในระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2560 โดยมอบหมายให้ที่ทำการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีนางสายพิรุณ  น้อยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเขต 6 เดินทางมาร่วมกิจกรรมและได้พบปะพูดคุยกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและนายก อบต.ที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเป็นกันเองด้วย

                นายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ในฐานะนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา กล่าวว่าตอนเรียนปริญญาโท สาขาพระพุทธศาสนา ได้ทำวิทยานิพนธ์ เรื่องหลักสาราณียธรรม 6 กับการบริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น โดยหลักสาราณียธรรมสาราณียธรรม 6 หมายถึง ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึงกัน ถือว่าเป็นธรรมที่เป็นพลังในการสร้างความรักสามัคคี มีอยู่ 6 ข้อ คือ 1. กายกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ การกระทำทางกายที่ประกอบด้วยเมตตา เช่นการให้การอนุเคราะห์ช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น ไม่รังแกทำร้ายผู้อื่น 2. วจีกรรม อันประกอบด้วยเมตตา คือ การมีวาจาที่ดี สุภาพ อ่อนหวาน พูดมีเหตุผล ไม่พูดให้ร้ายผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน 3. มโนกรรมอัน ประกอบด้วยเมตตา คือ ความคิดที่ประกอบด้วยเมตตาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เป็นการคิดดีต่อกันไม่คิดอิจฉาริษยาหรือไม่คิดมุ่งร้ายพยาบาท หากทุกคนคิดแล้วปฏิบัติเหมือนกันความสามัคคีก็จะเกิดขึ้นในสังคม  4. สาธารณโภคี คือ การรู้จักแบ่งสิ่งของให้กันและกันตามโอกาสอันควร เพื่อแสดงความรักความหวังดีของผู้ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน   5. สีลสามัญญตา คือ ความรักใคร่สามัคคี รักษาศีลอย่างเคร่งครัดเหมาะสมตามสถานะของตนมีความประพฤติสุจริตปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหมู่คณะ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น   6. ทิฏฐิสามัญญตา คือ การมีความเห็นร่วมกัน ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเคารพและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นร่วมมือร่วมใจในการสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสงบ

“ซึ่งเหมาะสำหรับผู้นำท้องถิ่นที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานหรือบริหารงาน เพราะหากผู้ใดได้ประพฤติจะเกิดความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกื้อกูลกันไม่ทะเลาะวิวาทกัน อันจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีกันตลอดไป เป็นพลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศชาติ ตามแนวพระราชดำรัสในเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ให้คนในชาติ ของของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9  นับว่านายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กล้างไกล ลึกซึ้ง ในการสร้างความรัก ความสามัคคีให้คนในสังคม โดยเริ่มต้นจากผู้นำทั้งนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะขยายไปยังประชาชนในทุกพื้นที่ต่อไป โครงการนี้จึงเป็นโครงการที่มีประโยชน์เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ตรงประเด็น  อย่างไรก็ตามมีหลักธรรมอีกบทหนึ่งคือ สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นหลักธรรมที่ตรงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นแนวทางแห่งการประมาณตน ทำสิ่งที่ตนพอจะทำได้เพื่อตนเอง เพื่อชุมชนและจะก่อให้เกิดผลแห่งประโยชน์สุขตามมา ก็สอดคล้องกับแนวคิดที่องค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเคยมอบให้กับประชากรชาวโลกที่พระองค์ทรงโปรดนั่นก็คือ “สัปปุริสธรรม 7 ” หมายถึงแนวทางหรือธรรมะที่ทำให้มนุษย์เรานี้เป็นคนดีสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น  หรือเป็นสัตตบุรุษ โดยสัปปุริสธรรม 7  มีบรรยายอยู่ในสังคีติสูตรใน พระไตรปิฎก สังคีติสูตร เป็นพระสูตรที่รวบรวมธรรมะมากมาย เป็นการบรรยายแจกแจงธรรมเป็นหมวด ๆ โดยพระสารีบุตร อาจนับได้ว่าสังคีติสูตรเป็นต้นแบบของการสังคายนาพุทธศาสนาในยุคแรก ๆ”

 นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า สัปปุริสธรรม 7 ประการ ประกอบด้วย  1) อัตถัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักวิเคราะห์สาเหตุของสถานการณ์และความเป็นไปของชีวิต 2) ธัมมัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักวิเคราะห์สาระและผลอันเกิดจากสาเหตุดังกล่าว 3) อัตตัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักวิเคราะห์ตนเองทั้งในด้านความรู้ คุณธรรม และความสามารถ 4) มัตตัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักหลักของความพอดี การดำเนินชีวิตพอเหมาะพอควร 5) กาลัญญุตา คือ ความเป็นรู้จักปฏิบัติตนให้ถูกกาลเทศะ 6) ปริสัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้ปฏิบัติ การปรับตนและแก้ไขตนให้เหมาะกับสภาพของกลุ่มและชุมชน และ 7) ปุคคลัญญุตา คือ ความเป็นผู้รู้จักปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับบุคคลที่มีความแตกต่างกัน หากบรรดาผู้นำทั้งหลายยึดมั่นในหลักหลักสาราณียธรรม 6  และหลักสัปปุริสธรรม 7  สังคมทุกสังคมจะประสบแต่ความสุข ความเจริญอย่างแท้จริง. นายไพฑูรย์ กล่าวในที่สุด

ภาพ/ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช