สติมาปัญญาเกิด !!! "พระพุทธะอิสระ" เห็นชาวโลกเขาแย่งกระดูกกันแล้ว ถึงกับต้องกำหนดจิต...สำเหนียกไว้ ตัณหาล้วนๆ! (รายละเอียด)

สติมาปัญญาเกิด !!! "พระพุทธะอิสระ" เห็นชาวโลกเขาแย่งกระดูกกันแล้ว ถึงกับต้องกำหนดจิต...สำเหนียกไว้ ตัณหาล้วนๆ! (รายละเอียด)

วันที่ 8 กันยายน 2560 บนเฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้โพสต์การทำความเข้าใจกระบวนการของจิต หลังจากได้ติดตามข่าวการแย่งชิงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกันแล้วแบบพอหอมปากหอมคอ

เรามาทำความเข้าใจกระบวนการของจิตให้แจ่มชัดกันอีกซักหน่อย ๘ กันยายน ๒๕๖๐

หลังจากออกไปดู ไปเชียร์ ชาวโลกเขาแย่งกระดูก แย่งตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธกันแล้ว ทำให้รู้สึกเกิดอารมณ์เสียดแทงจิตใจ พอหอมปากหอมคอ ตามวิถีของโลกแห่งสมมุติ เรากลับมาเห็นแก่ตัวอยู่กับโลกปรมัตถ์ ที่ไม่มีอาลัยมาทิ่มแทงจิตใจกันดีกว่า รับอารมณ์ จำอารมณ์ คิดในอารมณ์ รู้ในอารมณ์ ล้วนเป็นหน้าที่ของจิต

อารมณ์ทั้งปวงทั้งที่เป็นกุศลและอกุศลเข้ามาสู่จิตด้วยกัน ๖ ทาง ได้แก่ จักษุประสาทะ เห็นทางตา โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ที่ตาเห็นรูป โสตะปะสาทะ ได้ยินทางหู โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ที่เกิดจากเสียงทั้งหลาย ฆานะปะสาทะ ได้กลิ่นทางจมูก โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ที่เกิดจากลิ่นทั้งหลาย ชิวหาปะสาทะ รับรสทางลิ้น โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ที่เกิดจากรสทั้งหลาย กายปะสาทะ สัมผัสทางกาย โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ที่เกิดจากการสัมผัสทั้งหลาย มโนปะสาทะ การกระทบทางใจ โดยไม่มีปัญญา เป็นเหตุให้อารมณ์ที่เกิดทางจิตทั้งหลาย

ทั้งหมดนี้รวมเรียกว่าอายตนะ ๖ หรือทวารทั้ง ๖ และวิญญาณทั้ง ๖ คือการรับรู้ ๖ ทาง เมื่อทวารทั้ง ๖ รับเอา รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เข้ามาด้วยความโง่ ไม่รู้จริง จิตที่ทำหน้าที่รับ จำ คิด รู้ จึงเกิดการปรุงแต่งใน รูป ที่เห็นทางตา เสียง ที่ฟังทางหู กลิ่น ที่ดมทางจมูก รส ที่ได้รับทางลิ้น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ที่กายนี้ได้สัมผัส

เมื่อ รูป เสียง กลิ่น รส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง นั้นมาปรากฏแก่จิต ที่ไม่มีปัญญารู้ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆสุขและทุกข์ที่เรียกว่าเวทนาก็เกิดกับจิตจึงเกิดความทะยานอยาก มีอยากเป็น และไม่อยากเป็น ที่เรียกว่าตัณหา ก็เกิด จึงเป็นเหตุให้เกิดความยึดถือ ที่เรียกว่า อุปาทาน

และด้วยเพราะมีความยึดถือ พร้อมกับหน้าที่ของจิต รับ จำ คิด รู้ นี่แหละสิ่งที่รับมาจำไว้ คิดอยู่ รู้สึก จึงกลายเป็นเหตุปัจจัยให้ภพ แดนเกิด ปรากฏ เช่นถ้าขณะจิตใด รับ จำ คิด รู้ อยู่ในอารมณ์กุศล สุคติภพจึงปรากฏ หากขณะจิตใด รับ จำ คิด รู้ อยู่ในอารมณ์ที่เป็นอกุศล ทุคติภพจึงปรากฏ

รวมความว่า คราใดที่จิตนี้ถูกอารมณ์กุศลครอบงำบ่อยๆสุคติภพก็จักบังเกิดแก่จิตบ่อยๆ ก็จักเป็นเหตุปัจจัยให้ จิตสุดท้ายก่อนตายมีกุศลจิตอยู่ จักได้ไปบังเกิดในสุคติภพ แต่หากทุกขณะจิตนี้ซ่องเสพแต่อารมณ์อกุศลอยู่เป็นประจำ

แม้จิตสุดท้ายก็ยังเสพอารมณ์อกุศล ทุคติภพจักบังเกิดแก่ผู้นั้น ฉะนั้น ผู้ศึกษาวิถีจิต จึงควรสำเหนียกว่าอารมณ์กุศลก็ดี อกุศลก็ดี ไม่ควรเสพทั้งนั้นเพราะอารมณ์เป็นปัจจัยให้สร้างภพ ควรจักต้อง รับ จำ คิด รู้ อยู่ในคำว่า

วิสังขาระคะตัง จิตตัง ตัณหานัง ขะยะมัชฌะคา จิตของเราถึงแล้วซึ่งสภาพที่อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไปมันได้ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งตัณหา

และหากจะถามว่า สติสัมปชัญญะ อยู่ไหน ตอบว่า จิตที่ทำหน้าที่ รับและจำ เป็นสติความระลึกได้ ส่วนจิตที่ทำหน้าที่คิดกับรู้ เป็นสัมปชัญญะ ความรู้ตัว (คือปัญญานั่นเอง)

พุทธะอิสระ

โดยเมื่อวาน(7 กันยายน 2560)ที่ผ่านมา หลวงปู่ได้โพสต์ถึงความวุ่นวายในเหตุการณ์บ้านเมืองว่า

พักนี้ทำไมยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไหร่ ท่านนายก รัฐบาล คสช. ถึงได้ถูกเจาะยางบ่อยจัง

๗ กันยายน ๒๕๖๐ สงสัยนะจ้ะ สงสัย สงสัยว่า ยิ่งใกล้โรดแมปเลือกตั้งเข้าไปมากเท่าไหร่ (ไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้หรือเปล่า) ท่านนายก รัฐบาล คสช. จึงได้ถูกเจาะยางบ่อยนัก

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์หายตัวของอดีตนายกปูยิ่งลักษณ์ ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเฝ้าอยู่ ๒๔ ชั่วโมง ก็ยังปล่อยให้เธอล่องหนไปตามเส้นทางธรรมชาติจนได้

หรือเหตุการณ์รัฐมนตรีในรัฐบาลเสนอให้ย้าย ผอ.สำนักพุทธ ทั้งที่กำลังทำหน้าที่ปราบทุจริตในแวดวงดงขมิ้น และที่เลวร้ายคือนายเนติบริกรวิษณุ ทำหน้าที่รับใช้คณะสงฆ์จนสุดลิ่มทิ่มประตู ถึงขนาดกล้าที่จะละเมิดพระราชอำนาจเสนอตั้ง ผอ.คนใหม่ ทั้งที่ยังไม่มีพระกรุณาโปรดเกล้าปลด ผอ.คนเก่าออก แถมยังมีคำสั่งสำทับ ผอ.คนใหม่ว่า ให้กวาดบ้านของตนเองให้สะอาดก่อนที่จะไปกวาดล้างเอาผิดคนนอกสำนักพุทธ

ดูคำพูดของท่านรองนายวิษณุคนนี้พูดเหมือนกับพวกนักบวชจีวรแดงตอนที่เรียกร้องให้ย้ายนายพงศ์พรยังไงยังงั้นเลยแผนต่อไปนอกจากเรื่องทุจริตเงินทอนวัดที่มีชื่ออยู่ ๑๒ วัด คงจะจบแค่นี้แหละเพราะคุณท่านขอมา

อีกทั้งรัฐบาลก็มองเห็นปัญหาความมั่นคงของบ้านเมืองเป็นอันดับหนึ่ง ขืนไปลุยไล่ล่าขุดคุ้ยกรรมการมหาเถรหลายรูปและเจ้าอาวาสหลายสิบวัด คงจะติดร่างแหกลายเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตไปเป็นเข่ง หรือเหตุการณ์ผักชีโรยหน้าที่จังหวัดปราจีน จนชาวบ้านร้องว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง ตัดน้ำตัดไฟ

ล่าสุดกรมที่ดินและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของมหาเถร มีการยกร่างกฎหมายผีเปรตขึ้นมาเพื่อจะโกงที่ดินธรณีสงฆ์ที่เจ้าของแสดงความจำนงไว้ชัดเจนว่ายกให้พระศาสนาเหล่านี้ล้วนเกิดจากฝีมือของคนใกล้ชิดท่านนายกทั้งนั้น

อยากให้ท่านนายกประยุทธ์ลองตรวจสอบดูหน่อยซิว่าเป็นการบกพร่องโดยสุจริตหรือว่ามีเจตนาซ่อนเร้น เจตนาเจาะยางรัฐบาลจนทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาของประชาชนขึ้นทุกวันๆ อย่าทำเป็นเล่นไปนาท่านนายก อย่าล้อเล่นเล่นกับความเชื่อมั่นและความศรัทธาของประชาชนนะท่านนายก

ที่รัฐบาล คสช.อยู่มาได้ถึงวันนี้ ไม่ใช่เพราะอำนาจจากกระบอกปืนนะท่านนายกแต่เป็นเพราะประชาชนส่วนใหญ่เขาเข้าใจ เทใจ ให้ความเชื่อมั่นการทำงานของท่านนายกและรัฐบาล คสช.

ท่านควรถนอมรักษากำลังใจ ความเชื่อมั่นของประชาชนเอาไว้เพื่อความมั่นคงของชาติและรัฐบาลเอง อย่าได้ปล่อยให้คนรอบข้างของท่านทำลายความศรัทธาของประชาชน เพราะนั่นมันเท่ากับทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลเอง

ดูตัวอย่างเหตุการณ์ของบ้านเมืองในช่วง ๖๐ ปีที่ผ่านมาซิ

ที่เขียนมานี้ไม่ได้มีเจตนายุแหย่ให้แตกแยก แต่ต้องการชี้ให้เห็นถึงรูรั่วที่ทำให้น้ำไหลเข้าเรือแป๊ะลำนี้ได้ เกรงว่าจะไปไม่ถึงฝั่ง นี่คือความกังวลของประชาชน ด้วยความหวังดี

อ้างอิง หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)