ผมอาจจะไม่ใช่ นายกรัฐมนตรีที่น่ารักที่สุด!! "บิ๊กตู่" อ้อน ประชาชนหลังถูกโจมตีหนัก เผยบางทีผมก็หงุดหงิด ขอโทษก็แล้วกัน??

"บิ๊กตู่" อ้อน ประชาชนหลังถูกโจมตีหนัก เผยบางทีผมก็หงุดหงิด ขอโทษก็แล้วกัน?? พร้อมอัฟเดตเรื่อง "ยิ่งลักษณ์

วันนี้(12/09/2560) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยระบุตอนหนึ่งว่า ขอความเห็นใจ เอ่ยปากขอโทษ ที่หงุดหงิด ยอมรับไมใข่นายกฯที่น่ารักสุด แต่ทุกคนน่าจะพอใจผม เพราะผมตอบคำถามทุกเรื่อง ถามหรือจะเอาแบบไม่พูดอะไรเลย เดินไปยิ้มอย่างเดียว ติงสื่อ การเขียนให้มันส์ ทำให้บ้านเมืองมันปั่นป่วน
ระบุ "ผมฟังมากกว่ารัฐบาลอื่น ๆอย่ามาถามในเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีผมก็หงุดหงิด ก็ขอโทษก็แล้วกัน"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "วันนี้ตั้งแต่เช้าพูดจนเหนื่อย เสาร์-อาทิตย์ก็คิดแต่เรื่องพวกนี้ เรื่องอะไรที่เป็นปัญหาต้องแก้ ใครว่าอย่างไร สื่อว่าอย่างไร ผมก็เก็บมาหมด
ผมว่าผมฟังมากกว่ารัฐบาลอื่น ๆ มันถึงมีเรื่องทำเยอะไม่จบสักที บางเรื่องควรจะจบก็ไม่จบอีก ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขา
เอาล่ะผมไม่โทษใคร ท้ายสุดโทษตัวเองมากกว่าที่เข้ามาทำก็ต้องทำอย่างไรก็ต้องทำ อะไรที่จะทำให้เกิดผลกระทบการลงทุนการค้าอย่าเพิ่งเลย เฉพาะไอ้พวกที่พูดก็เยอะพออยู่แล้ว ฟังเขาทำไมแล้วก็มาตีผม มาถามผม ผมก็โมโหจนได้แหละ ก็ผมไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่า อย่ามาถามในเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีผมก็หงุดหงิด ก็ขอโทษก็แล้วกัน"

"ผมอาจจะไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่น่ารักที่สุด แต่ทุกคนน่าจะพอใจผม เพราะผมตอบคำถามทุกเรื่อง ตอบดีบ้างไม่ดีบ้างก็เห็นใจผมบ้างหรือจะเอาแบบไม่พูดอะไรเลย เดินไปยิ้มอย่างเดียว ไม่ว่าใครเขาเลยเอาอย่างนั้นก็ได้
วันหน้าผมก็เดินยิ้มเผล่ อารมณ์ดีตลอดเอาไหมล่ะ มันก็ไม่มันส์
แต่อย่าลืมว่าการเขียนให้มันส์ทำให้บ้านเมืองมันปั่นป่วน แล้วที่ผมพูดทั้งหมดจะเกิดไม่ได้เลยเพราะความวุ่นวายสับสนทางการเมือง ความไม่มีเสถียรภาพความมั่นคง มันคือผลกระทบของทั้งโลก วันนี้เราควรกำหนดบทบาทตัวเองว่าจะอยู่ตรงไหน บางอย่างตอบแรงพูดแรงไปก็ไม่ได้ แต่เราต้องทำโดยพูดน้อยลงเพราะมันเสียผลประโยชน์ของชาติ"

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึง ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของ นส.ยิ่งลักษณ์ โดยระบุว่า ถึงการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เดินทางมาฟังศาลอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวในวันที่ 25 ส.ค. ว่า การติดตามตัวกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้ข้อมูลไปแล้ว ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลจากกล้องซีซีทีวีต่าง ๆ ก็เห็นเส้นทาง แต่กรณีข้ามแดนยังไม่พบว่าใช้ช่องทางไหนอย่างไร 
"ก็แน่นอนว่าต้องมีคนสนับสนุนไป แต่ยืนยันว่าไม่ใช่รัฐบาลไม่ใช่คสช. ไม่ใช่หน่วยงานความมั่นคงแน่นอน ต้องไปหาดูว่าเป็นใคร กำลังสืบต่ออยู่ ซึ่งไม่อยากให้มีผลกระทบกับใครทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหมายจับก็มีอยู่แล้ว ในเรื่องของการหนีประกันในการที่ไม่มารับฟังการตัดสินคดีจำนำข้าว ซึ่งตามกฎหมายใหม่ก็สามารถที่จะอุทธรณ์ได้ เพียงแต่ตัวจะต้องอยู่ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แต่ไม่อยากให้เป็นประเด็นในช่วงนี้อะไรมากมาย"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการเดินทางไปสหราชอาณาจักรของพล.อ.ประวิตร ว่า เป็นเรื่องที่เดินทางไปตามคำเชิญของรัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษ เชิญไปดูการจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งมีประจำทุกปี ถือเป็นเรื่องสำคัญของหน่วยงานความมั่นคง พล.อ.ประวิตรก็ต้องไปดู ไปพบปะพูดคุยและเยี่ยมเยือน กับรัฐมนตรีหลาย ๆ ประเทศ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไปซื้ออะไรเพิ่ม ยืนยันว่าเราไม่มีแผนที่จะซื้ออะไร เพราะการที่จะซื้อของจะต้องกำหนดถึงความต้องการก่อนว่า มีความต้องการอย่างไร แค่ไหน และปีอะไร เสร็จแล้วถึงจะมาตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ จัดหาอีกครั้ง แล้วก็ตองไปพิจารณาว่ามีบริษัทไหนสนใจ หรือจะมีในลักษณะของรัฐบาลต่อรัฐบาล และการตัดสินใจเราจะไม่คำนึงถึงยุทโธปกรณ์ หรือราคาถูกอย่างเดียว แต่ต้องดูไปถึงการบริการหลังการขายด้วย
"ขอร้องว่าอย่าไปพาดหัวข่าวว่า รัฐบาลไปไหนทีก็เป็นการไปซื้ออาวุธใหม่ เราไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้น ทั้งหมดจะต้องดูแผนพัฒนากองทัพว่าอะไรต้องจัดซื้อใหม่ อะไรต้องจัดซื้อทดแทน ที่ผ่านมาทุกวันนี้มีการซ่อมจำนวนมาก ยิ่งซ่อมยิ่งพังเพราะมันเก่ามาก การซ่อมก็ต้องดูถึงความคุ้มค่าด้วย ซึ่งเรามีคณะกรรมการในแต่ละเหล่าทัพพิจารณาอยู่แล้ว บางครั้งเราก็ต้องซื้อมาทดแทนบางส่วนบ้าง เพราะบางครั้งก็หมดอายุการใช้งานพร้อมกันก็มี ก็จำเป็นต้องทยอยจัดซื้อ การจัดซื้ออาวุธเราขั้นตอนแบบนี้ อย่าไปมองแง่เดียวว่าเราได้ผลประโยชน์ ได้ใต้โต๊ะกันตรงไหน จุดนี้ก็ต้องไปสอบกันอีกเรื่องหนึ่ง การทำงานแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย"นายกฯ กล่าว

นอกจากยังได้สัมภาษณ์ถึงการตรวจสอบข้าวในสต๊อคของรัฐบาลว่า รัฐบาลชุดนี้จำเป็นต้องแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อให้เกิดความชัดเจน กรณีที่มีการกล่าวอ้างว่าวิธีการระบายข้าวของนบข.นั้นไม่ถูกต้อง มีการนำข้าวดีไปทำเป็นข้าวเสีย ตนยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะปริมาณข้าวในคลังทุกคลัง ได้มีการตรวจรับไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรก และทุกครั้งได้มีการเซ็นรับทราบว่ามีข้าวดีและข้าวเสียจำนวนเท่าไร โดยกติกาการระบายข้าวที่ผ่านมาในช่วงที่มีการเปิดการประมูลไป ไม่มีผู้ที่สนใจเนื่องจากมีปริมาณข้าวเสียมากเกินความต้องการที่จะนำไปสู่การบริโภคของคน จึงได้มีการพิจารณาจากคณะกรรมการนบข.ว่าต้องกำหนดเปอร์เซ็นต์ของข้าวที่เสียในแต่ละคลัง เนื่องจากเป็นการประมูลยกคลัง จึงต้องไปประเมินว่ามีข้าวเสียที่ไม่สามารถนำมาเป็นอาหารคนได้แล้วจำนวนเท่าไร โดยประเมินออกมาพบว่ามีเกินร้อยละ 20 ทั้งนี้ไม่ว่าจะข้าวดีหรือข้าวเสียทั้งหมดจะต้องไปสู่โรงงานอาหารสัตว์ เพราะถือเป็นกติกาและมาตรฐาน ซึ่งคณะกรรมการนบข.ได้ตรวจสอบตามนี้ และเห็นว่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในข้อพิจารณาของนบข.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปว่า บริษัทที่ได้ประมูลข้าวไปแล้ว มีการแยกส่วนกันเองหรือไม่ รัฐบาลมุ่งหวังทำให้เกิดความชัดเจน ไม่มีการให้ใครได้ประโยชน์ และหากมีใครได้รับผลประโยชน์มาก็ต้องตรวจสอบ แต่ยังไม่มีตรงนี้ และได้มีการรายงานข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว แต่เอกสารยังไม่ถึงโต๊ะทำงานของตน แต่เท่าที่รับทราบยังไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจะไปทำผิดกติกาหรือไม่ หรือมาย้อนกลับว่ารัฐบาลไปทำให้ข้าวของเขาเสีย เพื่อที่จะไปขายข้าวสู่ผู้บริโภค ซึ่งตนและรัฐบาลไม่โง่ทำแบบนั้นหรอก

โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงเรื่อง กำหนดวันปิดเข้ากราบพระบรมศพ “ในหลวง ร.9” ได้ระบุว่า กรณีที่ยังมีความสับสนเกี่ยวกับกำหนดการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า ต้องรอให้มีพระราชวินิจฉัยลงมา แต่ขณะนี้ยังเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ากราบสักการพระบรมศพฯไปได้ตลอด ทั้งนี้ตนเห็นใจประชาชนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าในช่วงใกล้วันจะประกอบพระราชพิธีดังกล่าว คงต้องมีกำหนดเวลาสำหรับการซักซ้อมและเตรียมการต่างๆบ้าง แต่ตนยังไม่รู้ว่าส่วนนี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ โดยเป็นเรื่องขั้นตอนของการเตรียมการของคณะกรรมการอำนวยการจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ  สำหรับการประกาศวันหยุดราชการในช่วงงานพระราชพิธีดังกล่าวยังมีวันเดียว คือวันที่ 26 ต.ค.2560 ซึ่งเป็นวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ยังไม่ได้พิจารณาการประกาศวันหยุดราชการเพิ่มเติม โดยต้องดูสถานการณ์ต่างๆด้วย

เมื่อถามว่า รัฐบาลจะออกประกาศข้อปฏิบัติหรือการขอความร่วมมือจากสถานบันเทิงในช่วงงานพระราชพิธีดังกล่าวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าได้เคยมีการหารือเรื่องนี้ไปแล้วในที่ประชุมครม.และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศพฯแล้วว่า ให้มีการขอความร่วมมือจากสถานประกอบการและสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งทุกคนคงทราบดีว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในช่วงงานพระราชพิธีดังกล่าว ในการถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ดังนั้น ไม่เห็นว่าจะต้องบังคับอะไรมากมาย ทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันเวลาที่เราทุกคนเสียใจ รู้สึกใจหายเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงเดือน ต.ค.แล้ว ถึงครบ 1 ปี พวกเราคนไทยทั้งประเทศก็คงรู้สึกใจหายเช่นกัน ดังนั้น ใครที่เป็นคนไทยก็ต้องคิดด้วย อย่าให้สั่งกันมากนักเลย

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลอง ว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณและวางแบบการก่อสร้างแล้ว ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้ามาก โดยจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ทั้งนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวินิจฉัยให้ดำเนินการก่อสร้างพระเมรุมาศจำลองทั่วประเทศ เนื่องจากทรงห่วงใยประชาชนจำนวนมากที่จะต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ จึงทรงมีพระราชวินิจฉัยให้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลองที่พระลานพระราชวังดุสิตและใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพฯ รวมถึงอีก 76 จังหวัด จังหวัดละ 1 แห่ง โดยให้จัดสร้างพระเมรุมาศจำลองขนาดมาตรฐานเดียวกัน เพียงแต่วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้อาจมีความแตกต่างกันไปเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นห่วงเรื่องการใช้งบประมาณสำหรับการดำเนินการดังกล่าวด้วย

ขอบคุณเนื้อข่าวจาก Wassana Nanuam บุญระดม จิตรดอน