- 14 ก.ย. 2560
คิดแบบนี้เลวร้ายสุดๆ !?! พระพุทธะอิสระ ป้องปากเตือน คสช.อย่าไว้วางใจลูกน้องมากจนไม่ตรวจสอบ....ไม่งั้นอาจมีรูรั่วจนล่มจม!
หลังจากที่ทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเซ็นอนุมัติยกป่าชุมชนในที่สาธารณะห้วยเม็ก 31 ไร่ใน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ให้กับ บริษัท เคทีดี พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ว่า เรื่องการขอใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ สามารถขอได้โดยขอใช้ได้ตามระเบียบ 5 ปี แต่หากมีการทำผิดเงื่อนไข ก็สามารถเพิกถอนได้ในทันที ซึ่งกระบวนการขอใช้พื้นที่จะต้องทำประชาคมจากประชาชน แล้วส่งเรื่องมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จึงสู่งไปยังทางด้านคณะกรรมการจังหวัด และส่งเรื่อง ไปยังกรมที่ดิน ก่อนที่จะเสนอมายังกระทรวงมหาดไทย
โดยทางด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยืนยันว่าการดำเนินการตามกระบวนการเหล่านี้ถูกต้องตามขั้นตอน ซึ่งหากพบใครทำผิดไม่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับใดก็ต้องลงโทษ พร้อมกับยืนยันว่า ช่วงดึกของวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งคืนพบว่า มีประชาชนเห็นคัดค้านกับเรื่องดังกล่าว แต่เหตุใดไม่มีเอกสารที่ประชาชนคัดค้านส่งขึ้นมา ซึ่งได้ส่งรองอธิบดีกรมที่ดินลงไปตรวจสอบในพื้นที่แล้วและหากพบว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจะต้องดำเนินการยกเลิกการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวโดยทันที และต้องดำเนินการหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ อย่างไรก็ตามได้สั่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้กรมที่ดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวง มหาดไทย ยังได้พูดถึงกรณีที่มีความเป็นห่วงกันเรื่องป่าชุมชน ยืนยันว่าเป็นคนละแปลงกัน แต่ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งที่ดินตรงนั้นไม่มีการขออนุญาตใช้ ส่วนกรณีที่มีการปิดถนนเพื่อใช้เป็นเส้นทางส่วนตัว สามารถไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้เพราะไม่มีใครสามารถปิดถนนหลวงได้ อย่างไรก็ตามขอย้ำอีกครั้งว่าหากใครใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่ออะไรก็แล้วแต่ และหากมีการทุจริตใครทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย
14 กันยายน 2560 บนเฟซบุ๊กหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้มีการกล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า
แม้มีคนค้านเพียงคนเดียว การอนุมัติก็ต้องถูกยกเลิก
๑๔ กันยายน ๒๕๖๐
ช่างเป็นความคิดและคำพูดที่หล่อมากๆ ของท่านรัฐมนตรีอนุพงศ์ เผ่าจินดา ในกรณีบริษัทในเครือของกระทิงแดงของใช้ที่ดินสาธารณะ ที่เป็นป่าชุมชน ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน ในพื้นที่โคกห้วยเม็ก ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จำนวน ๓๑ ไร่
ต้องขอปรบมือดังๆ ให้ท่านอนุพงศ์ ที่เห็นหัวอกของประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากจากการเข้ามายึดครองที่ดินสาธารณะ ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เพราะถ้าว่ากันตามกฎหมายป่าชุมชนสาธารณะของหมู่บ้าน ถือว่าผู้คนในหมู่บ้านต้องใช้ประโยชน์ร่วมกัน ด้วยข้อกฎหมายที่ว่าด้วย
หลักการและเหตุผล ให้มีกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน
โดยที่เป็นการสมควรส่งเสริมให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน อันจะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ส่งผลให้ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมของประเทศมีความสมบูรณ์และยั่งยืน ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ ยังมีข้อจำกัดในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๕ ป่าชุมชนที่จัดตั้งขึ้นต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
(๑) การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ความหลากหลายทางชีวภาพ และสภาวะแวดล้อม
(๒) การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
(๓) การส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่หลากหลายของชุมชนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู การพัฒนา การควบคุมดูแล และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชน
(๔) การฟื้นฟูพื้นที่ป่าในเขตป่าชุมชนโดยการปลูกป่าทดแทน
(๕) การเสริมสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วนในการจัดการป่าชุมชน
แต่ถ้าภาครัฐและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นกลับไปเห็นประโยชน์นายทุนเอกชนเป็นใหญ่ โดยไม่ใส่ใจความรู้สึกทุกข์ยากเดือดร้อนและผลกระทบที่จักเกิดแก่ชาวบ้านตาดำๆ
เช่นนี้ถือเป็นวิธีคิดที่เลวร้ายสุดๆ ของพวกข้าราชการที่คอยรับใช้แต่พวกนายทุนเอกชนคนมีเงิน
เรื่องนี้รัฐบาล คสช.ควรนำมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจตนเองว่า อย่าได้ไว้วางใจลูกน้องมากจนไม่มีการตรวจสอบ เพราะมันจะทำให้รัฐนาวาลำนี้มีรูรั่ว จนอาจล่มจมได้ในที่สุด
กรณีที่ท่านนายกประยุทธ์ออกมาพูดว่า
"มีกี่คนที่ร้องเรียนมา และทำประชาพิจารณ์เท่าไหร่ กว่า ๑๖ ล้านเสียง จะร้องเรียนกี่คนเดี๋ยวกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบอยู่ แต่ไม่ใช่ว่ามีข่าวอย่างนี้ออกมา แล้วทั้งหมดจะล้มเหลว ประชาพิจารณ์ไม่ถูกต้อง ทำงานอย่างนี้ก็ตายเหมือนกัน ต้องไปดูใครผิดใครถูก ถ้าผิดจริงก็ตัดคนเหล่านี้ออกไป ไม่ใช่ว่าถูกสวมสิทธิทั้งหมดเมื่อไหร่ คิดแบบนี้ ไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้"
ฟังท่านนายกแล้วให้รู้สึกเจ็บๆ คันๆ ในหัวจิตหัวใจยังไงก็ไม่รู้ หากท่านนายกหมายความอย่างที่พูดจริงๆ
งั้นประชาชนคนยากคนจนจะหวังพึ่งใครได้ หากเพราะผู้นำรัฐบาลคิดอยู่แต่เรื่องการลงทุน แล้วรู้สึกรำคาญประชาชน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยต่อการที่นายทุนเข้ามาเอาเปรียบ พวกเขาทำลายวิถีชีวิตชุมชนและความดำรงอยู่ของธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
เช่นนี้บ้านเมืองคงต้องกลับมาวุ่นวายเพราะคนยากจนต้องรู้สึกว่ารัฐบาลกำลังเอาใจนายทุน
เรื่องนี้หากท่านนายกคิดเช่นนั้นจริงๆ มันคงไม่พ้นเรื่องที่ชาวบ้านเขาจะมองท่านว่า ท่านกำลังเอื้อแต่ประโยชน์นายทุน ทำไมท่านนายกถึงได้ปล่อยให้นายทุนมาเอาเปรียบคนยากคนจน
เหล่านี้คือสิ่งที่ชาวบ้านเขาคิด
หากวิธีคิดของท่านนายกเป็นดังที่ท่านพูด คนยากคนจนในประเทศนี้เขาจะไปพึ่งใครได้ ก็ได้แต่หวังว่าท่านนายกไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่พูด
งานนี้ต้องให้เครดิตคุณศรีสุวรรณ จรรยา นักร้อง(เรียน)ของวงเสื้อแดง ถือว่าสิ่งที่คุณศรีสุวรรณ ร้องเรียนเรื่องนี้เป็นคุณูปการแก่ประชาชนจริงๆ ขอปรบมือดังๆ เลย
นำเอาอารมณ์ทางโลกสมมุติมาให้อ่าน ให้วิเคราะห์ เพื่อความเข้าใจในมายาจิตให้แจ่มชัด จักได้รู้เท่าทันในการวางอารมณ์ ไม่ใช่เพื่อให้ยึดติด ดังคำว่าที่ว่า
หยิบแล้ววาง
วางแล้วว่าง
ดับแล้วเย็น
พุทธะอิสระ
อ้างอิง หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)