- 19 ก.ย. 2560
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ที่ สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี นางชำเรือง เกียรติกำแหง อายุ 69 ปี เลขที่ 193 หมู่ 3 ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พร้อมกลุ่มสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาล ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี รวม 6 ราย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ถาวรสุขสารพันธ์ รอง ผกก.สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
นางชำเรือง กล่าวว่า “การมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้า จากกรณี ที่ก่อนหน้านี้กลุ่มชาวบ้าน ซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาล ต.นาดี ได้เคยมีการร้องเรียนการทรุจริตเงินกองทุนสวัสดิการชุมชนเทศบาล ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีสมาชิกกองทุน 6หมู่บ้าน ได้จัดตั้งกองทุนฯ เมื่อ 1 ก.ค. 53มีสมาชิกแรกเริ่ม 416 ราย คณะกรรมการ 11คน ที่ปรึกษา 1 คน จำนวนเงิน13,175 บาท ได้รับการสมทบเงินจาก พอช.รอบแรก วันที่ 30 ม.ค.56จำนวนเงิน 100,000 บาท รอบสอง วันที่ 18มี.ค.57 เป็นจำนวนเงิน243,820 บาท สมาชิกมีการจ่ายเงินสมทบทุกเดือน แต่ไม่มีการนำเงินสมทบจากสมาชิกเข้าบัญชีกองทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.54
มีการใช้จ่ายงบประมาณไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ การแสดงรายแบบแสดงสถานะการเงินของกองทุน ทั้งการเบิกจ่ายและการวมทบจากสมาชิกไม่ตรงกัน ยอดเงิน 576,635 บาท เป็นยอดเงินสดในมือ ที่ไม่มีการจ่ายสวัสดิการ หรือตามระเบียบกองทุนฯโดยประธานกองทุนฯ ยอมรับในการบริการเงินผิดพลาด และยอมรับผิดชอบโดยการขอผ่อนผันจากการประชุมเมื่อเดือน ธ.ค. 59 ตามมติที่ประชุมได้ให้สมาชิกชะลอการสมทบเงิน เนื่องจากการไม่ไว้วางใจในการบริหารเงินกองทุนฯและมีสมาชิกรายหนึ่งไม่มีการสมทบ ตั้งแต่เดือน ธ.ค.59 คือ นางเบา ปุ้มฤทธิ ต่อมาได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 12 ก.ค.60 แต่ไม่ได้รับเงินสวัสดิการ การเสียชีวิตตามระเบียบข้อบังคับกองทุนฯ จะต้องจ่ายสวัสดิการให้แก่สมาชิกที่เสียชีวิต 15,000 บาท ”
วันนี้ (19 ก.ย.60 ) กลุ่มสมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมเทศบาลตำบลนาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีจึง เดินทางมายัง สภ.นาดี เนื่องจากได้รับการประสานจากประธานกองทุนฯว่าจะนำเงินมามอบคืนให้กลุ่มสมาชิกที่มีการร้องเรียนไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากได้รับแจ้งสมาชิกหลายคนที่รู้ข่าวจึงเดินทางมาเพื่อที่จะขอรับเงินสวัสดิการคืน หลังจากทราบว่าประธานฯได้มีการทุจริตเงินกองทุนไปใช้จ่ายแบบไม่มีที่มาที่ไป กระทั่งได้เวลานัดหมายมีนางจิรภัทร พลับนิลผู้ช่วยเหรัญญิกกองทุนฯมากับกับเพื่อนโดยนางจิรภัทรบอกจะเอาเงินมาคืนสมาชิกในวันนี้ สร้างความดีใจให้แก่สมาชิกหลายรายที่จะได้จ่ายเงินออมเข้ากองทุน แต่เมื่อสอบถามหาตัวประธานกองทุน นายเอกภพมารมณ์ ได้รีบคำตอบว่านายเอกภพอยู่ข้างนอกห้องสอบสวนให้ตนมาเพื่อคืนเงินจำนวนหนึ่งแก่สมาชิกบางรายสร้างความงุนงงให้กับสมาชิกหลายคนที่มารอรับเงินคืน โดยได้รับคำตอบจากนางจิรภัทร ว่าวันนี้ขอคืนเงินบางส่วนให้เท่านั้น ไม่ได้จ่ายให้สมาชิกทั้งหมด ทำให้สมาชิกถามหาตัวนายเอกภพที่มาแต่อยู่ด้านนอกห้องสอบสวน จนกระทั่งร้อยเวรสอบสวนแนะนำไปคุยกันในห้องประชุมใหญ่เพื่อเจรจาปัญหาที่เกิดขึ้น
โดยทางพ.ต.ท.ถาวร สุขสารพันธ์ รองผกก.สภ.นาดี , พ.ต.ต.ประสิทธิ ภักดี สว.(สอบสวน)สภ.นาดี ร่วมรับฟังปัญหาเงินกองทุน สมาชิกได้ถามว่าที่นัดให้มาในวันนี้จะคืนเงินให้ทั้งหมดหรือไม่ นายเอกภพบอกว่าไม่ใช่จะคืนเงินทั้งหมดให้สมาชิก แต่จะคืนให้เฉพาะรายเท่านั้น เฉพาะรายคือนางกาญจณา ปุ้มฤิทธิ ซึ่งมีปัญหาช่วงที่สมาชิกรู้ว่ามีการยักยอกเงินกองทุนไปใช้ทางอื่น ไม่มีที่มาที่ไป ทางประธานบอกจะไม่คืนให้เพราะขาดส่งเงินสมทบ แต่ว่านางกาญจณายืนยันว่าแม่ของตนเองส่งเงินสมทบก่อนเสียชีวิต แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางประธานขอให้หยุดส่งเงินและบอกจะไม่ได้รับสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุน สมาชิกหลายรายรู้และเห็นว่าครอบครัวนางกาญณาส่งเงินสมทบให้ ทุกคนเป็นพยานให้ได้สิทธิที่แม่ของนางกาญจณาจะได้รับคือ 15,000บาท มาวันนี้ บอกจะคืนเงินให้สร้างความงุนงงให้กับสมาชิกทุกคนเป็นอย่างมาก และถามนายเอกภพว่าทำไมถึงจ่ายรายเดียวได้รับคำตอบว่าไม่มีเงิน สมาชิกถามกลับ ไปว่ายอดเงินเหลืออยู่ในธนาคาร ณ วันที่ 31 ส.ค. 60 เหลืออยู่แปดหมื่นกว่าบาท จะมาบอกว่าให้ไม่ได้เพราะอะไร นายเอกภพบอกว่าเป็นเงินของส่วนใหญ่ให้ใครไม่ได้ต้องเก็บไว้เป็นกองกลาง สมาชิกไม่เข้าใจว่าทำไมให้ไม่ได้ นายเอกภพยืนยันอย่างเดียวว่าตนไม่มีสิทธิให้ได้ ไม่ได้เป็นประธานกองทุนแล้ว ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง รอเจ้าหน้าที่พอช.มาเป็นผู้รับรู้ในการเบิกจ่ายเงินที่เหลืออยู่ พ.ต.ท.ถาวร สุขสารพันธ์ รองผกก.ฯ กับสมาชิกได้ถามนายเอกภพว่าเงินสมทบที่จ่ายไปทำไมไม่เอาใส่ธนาคารนายเอกภพไม่ตอบคำถาม บอกแต่เพียงว่าเป็นการทำงานผิดพลาดเกิดขึ้นจึงมีปัญหาเรื่องเงินสมทบกองทุนสวัสดิการครั้งนี้
พ.ต.ท.ถาวร รอง.ผกก.กล่าวว่า ควรให้เจ้าหน้าที่ของ พอช.เป็นผู้สั่งการ หรือเป็นคนออกคำสั่งคืนเงินให้เป็นการดีที่สุด หรือไม่ถ้าสมาชิกจะฟ้องร้องก็สามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย สมาชิกหลายคนบอกว่านายเอกภพเตรียมรับมือจากสมาชิกอีกนับร้อยคน ที่จะมาแจ้งความดำเนินคดีได้เลย ทุกวันนี้ทุกคนรู้หมดแล้วว่าเงินที่จ่ายเข้ากองทุนนายเอกภพเอาไปใช้อะไร ไม่บอกก็รู้อยู่แก่ใจไม่ต้องคาดคั้นให้เสียเวลาด้วยซ้ำไป นี่ถือว่าเป็นคนบ้านเดียวกันแต่ยังทำผิดแล้วยังไม่สำนึก เป็นเรื่องที่น่าอับอายคนทั้งประเทศ สำหรับยอดเงินสมทบทั้งหมด 2,607,125บาท และ เงินสมทบทุนหายไป แบบไม่มีที่มา ที่ไปไม่ได้ 1,830,800 บาท โดยนายเอกภพกล่าวว่าเกิดผิดพลาดในการบริหารเงินกองทุนฯ ไม่ได้เอาเงินไปใช้จ่ายส่วนตัวหรือโกงเงินกองทุนแต่อย่างใด
*** ภาพ - ข่าว มานิตย์ สนับบุญ / ทองสุข สิงห์พิมพ์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ปราจีนบุรี ***