ติดตามรายละเอียด deeps.tnews.co.th

นายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผ.อ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริง หลังได้รับแจ้งเหตุพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดบนเครื่องบินของสายการบิน เจ็ทแอร์เวย์ส เที่ยวบิน 9W066 ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นพบว่า วัตถุต้องสงสัยที่ได้รับแจ้งเป็นโทรศัพท์มือถือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ 2 สามีภรรยาชาวอินเดีย พบโทรศัพท์มือถือหน้าเบาะที่นั่ง ซึ่งเปิดเครื่องอยู่ และมีข้อความแปลเป็นภาษาไทยประมาณว่า กำลังดาวน์โหลดอยู่ ห้ามปิดเครื่อง จึงรีบแจ้งลูกเรือ และแจ้งกัปตันต่อไป ซึ่งกัปตันเห็นว่าอาจเป็นสิ่งของต้องสงสัย และเกิดอันตรายกับผู้โดยสาร รวมทั้งเครื่องบินได้ จึงแจ้งมายังศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ เพื่อขอให้สนามบินสุวรรณภูมิ ประกาศใช้แผนฉุกเฉิน เรื่องการขู่วางระเบิด

นายศิโรตม์ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาที่เครื่องบินจะลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิตามกำหนดเวลาประมาณ 20.37 น.อยู่แล้ว จึงลงจอดตามปกติ ไม่ได้ลงจอดก่อนเวลา ซึ่งเมื่อลงจอดแล้ว ทางสนามบินสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการตามแผนฉุกเฉินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที โดยนำเครื่องบินเข้าจอดที่หลุมจอด Isolated Parking Stand ทางฝั่งตะวันตกของท่าอากาศยาน และลำเลียงผู้โดยสาร 153 คน พร้อมลูกเรือ 8 คน ออกจากอากาศยานไปพักรอที่สถานีดับเพลิง และกู้ภัยฝั่งตะวันตก ซึ่งทุกคนปลอดภัยดี โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นร่างกาย และสัมภาระของผู้โดยสารทุกคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยทำลายวัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบกระเป๋าทุกชิ้นที่บรรจุอยู่ใต้ท้องเครื่อง และตรวจสอบอากาศยานอย่างละเอียด

นายศิโรตม์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากทางสายการบินเจ็ทแอร์เวย์สเบื้องต้นว่า พบเจ้าของโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งลืมไว้บนเครื่องบินหลังจากที่ได้โดยสารเครื่องบินลำนี้ เพื่อเดินทางมายังท่ากาศยานเดลลี โดยเป็นเที่ยวบินก่อนหน้าที่เครื่องบินลำนี้จะบินกลับมายังสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความผิดพลาดของลูกเรือที่ตรวจสอบไม่ละเอียดในระหว่างที่ทำความสะอาดภายในห้องโดยสารหลังจากผู้โดยสารลงเครื่องบินหมดแล้วจึงทำให้ไม่พบเห็นโทรศัพท์เครื่องนี้ตกอยู่