หลังจากที่ ผู้เชี่ยวชาญเตือนประชาชนหลายล้านคนอาจถูกกวาดล้างโดยซูเปอร์แผ่นดินไหว ซึ่งพยากรณ์กันมาอย่างช้านาน ที่เรียกว่า "เดอะบิ๊กวัน"

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน

หลังจากที่ ผู้เชี่ยวชาญเตือนประชาชนหลายล้านคนอาจถูกกวาดล้างโดยซูเปอร์แผ่นดินไหว ซึ่งพยากรณ์กันมาอย่างช้านาน ที่เรียกว่า "เดอะบิ๊กวัน" หลังเกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกรอบๆบริเวณ "วงแหวนแห่งไฟ"
 

เช้าวันอังคาร ที่ 19 กันยายน 2560 สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งสหรัฐ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวที่วัดความรุนแรงได้ 7.1 แมกนิจูดในเมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ยูเอสจีเอส ระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ที่ระดับความลึก 51 กิโลเมตร โดยแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวส่งผลให้อาคารหลายแห่งพังทลาย และยังมีประชาชนติดอยู่ในซากอาคาร ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต

 

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน

นอกจากนั้นในวันที่ 20 กันยายน 2560 สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.1 แมกนิจูด โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล 10 กิโลเมตร และห่างจากหมู่เกาะโอ๊คแลนด์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเกาะใต้นิวซีแลนด์ ลงไปทางตะวันตกราว 256 กิโลเมตร

ขณะที่วันที่ 21 กันยายน 2560 มีเหตุแผนดินไหว รุนแรง ถึง 3 จุดด้วยกัน นั่นก็คือ

1.สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ( ยูเอสจีเอส ) แจ้งเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.1 แมกนิจูดเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น นอกชายฝั่งทางตะวันออกของญี่ปุ่น จุดศูนย์กลางอยู่ลึก 10 กม.และห่าง 281 กม.ทางตะวันออกของเมืองคามาอิชิบนเกาะฮอนชูเกาะใหญ่ของญี่ปุ่น

2.สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.4 แมกนิจูด เมื่อเวลา 07.09 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวานูอาตู โดยอยู่ห่างจากกรุงพอร์ตวิลา เมืองหลวงของวานูอาตูลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 143 กิโลเมตร แต่จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลไกลถึง 200 กิโลเมตร


3.สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 5.7 แมกนิจูด เมื่อเวลา 06.59 น. ตามเวลาท้องถิ่นของอินโดนีเซีย โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองสุราบายา เมืองเอกของจังหวัดชวาตะวันออก บนเกาะชวา ออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 125 กิโลเมตร และอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลประมาณ 588 กิโลเมตร
 

 

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน


ดังนั้นเพื่อให้ท่านผู้อ่านเห็นภาพจึงจะพาไปพบกับข้อมูลของทางด้าน ดอคเตอร์โรเจอร์ มุสสัน ผู้ประพันธ์หนังสือ Million Death Quake: The Science of Predicting Earth’s Deadliest Natural Disaster ระบุว่าในขณะที่เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่แผ่นดินไหวรุนแรงเข่นฆ่าชีวิตผู้คนคงมิอาจหลีกเลี่ยงได้

 


แผ่นดินไหวประมาณร้อยละ 90 ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่าร้อยละ 80 ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เกิดขึ้นในบริเวณวงแหวนไฟ



ซึ่งเชื่อได้แน่ว่า มีหลายคนอยากรู้ว่า "วงแหวนแห่งไฟ" คืออะไร วันนี้ ทีนิวส์ จึงได้หาคำตอบมาให้ผู้อ่านได้รับทราบ และมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น


 

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน

 

สำหรับ "วงแหวนแห่งไฟ" หรือที่เรียกว่า "Pacific Ring of Fire" หรือ "The Ring of fire" นั้น หมายถึงบริเวณในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เกิดแผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง มีลักษณะเป็นเส้นเกือกม้า มีความยาวประมาณ 40,000 กิโลเมตร วางตัวพาดผ่านแนวร่องมหาสมุทร แนวภูเขาไฟ และขอบแผ่นเปลือกโลก ไล่ไปตั้งแต่ทวีปออสเตรเลีย ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปอเมริกาใต้ มีประเทศที่อยู่ในพื้นที่ "วงแหวนแห่งไฟ" ทั้งหมด 31 ประเทศ ได้แก่

เบลีซ
โบลิเวีย
บราซิล
แคนาดา
โคลัมเบีย
ชิลี
คอสตาริกา
เอกวาดอร์
ติมอร์ตะวันออก
เอลซัลวาดอร์
ไมโครนีเซีย
ฟิจิ
กัวเตมาลา
ฮอนดูรัส
อินโดนีเซีย
ญี่ปุ่น
คิริบาตี
เม็กซิโก
นิวซีแลนด์
นิการากัว
ปาเลา
ปาปัวนิวกินี
ปานามา
เปรู
ฟิลิปปินส์
รัสเซีย
ซามัว
หมู่เกาะโซโลมอน
ตองกา
ตูวาลู
สหรัฐอเมริกา

การกำเนิดของ "วงแหวนแห่งไฟ" นั้น สืบเนื่องมาจากแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่มาชนกัน และมุดตัวซ้อนกันในแต่ละทวีปเมื่อหลายล้านปีก่อน คือ

- แผ่นนาซคา ชนกับแผ่นอเมริกาใต้ กลายเป็นเทือกเขาแอนดีส และทำให้เกิดภูเขาไฟหลายแห่ง เช่น ภูเขาไฟโกโตปักซี ประเทศเอกวาดอร์

- แผ่นโคคอสในอเมริกากลาง ชนกับแผ่นอเมริกาเหนือ

- แผ่นฮวนดีฟูกา และแผ่นกอร์ดามุดตัวลงในแผ่นอเมริกาเหนือ และบริติช โคลัมเบีย บริเวณเกิดภูเขาไฟเซนต์ เฮเลนส์ ในสหรัฐอเมริกา และครั้งล่าสุดระเบิดไปเมื่อปี ค.ศ.1980

- ทางตอนเหนือที่ติดกับทางตะวันตกเฉียงเหนือของแผ่นแปซิฟิก มุดตัวลงใต้บริเวณเกาะเอลูเชียนจนถึงทางใต้ของประเทศญี่ปุ่น บริเวณนี้จึงเกิดภูเขาไฟฟูจิที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

- ทางตอนใต้มีแผ่นเปลือกโลก ขนาดเล็กมากมายติดกับแผ่นแปซิฟิก ทำให้เกิดภูเขาไฟทั้งในนิวกินี ไมโครนีเซียน

 

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน


นอกจากนี้ "วงแหวนแห่งไฟ" ยังมีแนวต่อไปยังแนวอัลไพน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวที่มีการเกิดแผ่นดินไหวด้วย โดยมีจุดเริ่มต้นจากเกาะชวา และเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย โดยการชนและมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกนี้เอง ทำให้บริเวณ "วงแหวนแห่งไฟ" นี้เกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก คิดเป็น 90% ของเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้นในโลก และยังคิดเป็น 80% ของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เคยเกิดขึ้นด้วย ดังเช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองไครส์เชิร์ต ประเทศนิวซีแลนด์ ตามมาด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ล้วนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในแนว "วงแหวนแห่งไฟ" เช่นเดียวกัน
 

แผ่นดินไหวรุนแรง 3 วัน 5 จุด ล้วนแต่อยู่บน “วงแหวนแห่งไฟ” สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัว มหันตภัยแผ่นดินไหวล้างโลก  มันจะมาถึงอีกไม่นาน


ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาข้อมูลเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก ก็จะพบว่า ล้วนเกิดในบริเวณ "วงแหวนแห่งไฟ" แทบทั้งสิ้น โดยเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรกได้แก่

อันดับที่ 1 : 22 พฤษภาคม ค.ศ.1960 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.5 ริกเตอร์ ที่เมือง Valdivia ประเทศชิลี

อันดับที่ 2 : 27 มีนาคม ค.ศ.1964 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.2 ริกเตอร์ ที่อลาสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา

อันดับที่ 3 : 26 ธันวาคม ค.ศ.2004 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ ที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งครั้งนี้ทำให้เกิดคลื่นสึนามิกระทบมายังประเทศไทย จนมีผู้เสียชีวิตหลายพันคนในประเทศไทย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากประเทศที่ได้รับผลกระทบรวมกว่า 230,000 คน

อันดับที่ 4 : 4 พฤศจิกายน ค.ศ.1952 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ ที่ KamChatka ประเทศรัสเซีย

อันดับที่ 5 : 11 มีนาคม ค.ศ.2011 เกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริกเตอร์ ที่เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น ทำให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่พัดถล่มประเทศญี่ปุ่นเสียหายเป็นจำนวนมาก


ขณะเดียวกัน นอกจาก "วงแหวนแห่งไฟ" จะเป็นแนวที่เกิดแผ่นดินไหวจำนวนมากแล้ว ยังเป็นแนวของ "ภูเขาไฟ" ด้วย โดยบริเวณนี้มี "ภูเขาไฟ" ตั้งอยู่ถึง 452 ลูก และคิดเป็น 75% ของภูเขาไฟทั่วโลกที่ยังคุกรุ่นอยู่ โดยภูเขาไฟที่ตั้งอยู่แนวนี้และมีชื่อเสียง เช่น ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น , ภูเขาไฟวิลลาร์ริกา ประเทศชิลี , ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ,ภูเขาไฟพินาตูโบ ภูเขาไฟมายอน ในประเทศฟิลิปปินส์ รวมทั้งภูเขาไฟเมราปี ในประเทศอินโดนีเซียด้วย

และนี่ก็คือเรื่องราวของ "วงแหวนแห่งไฟ" หรือ "Ring of Fire" ที่เคยสร้างภัยพิบัติให้มนุษย์โลกมาแล้วหลายต่อหลายครา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังทรงพลังที่จะสร้างความหายนะจากภัยธรรมชาติให้กับมนุษย์ต่อไปอีกเรื่อย ๆ