- 22 ก.ย. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
หลังที่ ปปป.ลุยค้นบ้าน "พนม ศรศิลป์" อดีต ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา จากเข้าตรวจค้นภายในบ้านเท่านั้น พบพระเบญจภาคี ทองคำแท่งน้ำหนัก80บาท เอกสารการซื้อขายหุ้น เงินสดและหนังสือร้องเรียน พร้อมเอกสารที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดี ในส่วนการตรวจค้นจุดที่สองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดแรก มากนัก ภายในซอยกระทุ่มล้ม9 หลังวัดนครชื่นชุ่ม บ้านเลขที่36/5ม.1ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี ผอ.กองสำนักพุทธสถาน จากการตรวจค้น พบ เงินสดจำนวนหนึ่งพร้อมรายชื่อบัญชีวัดที่คาดว่ามีส่วนในเรื่องเงินทอนวัดร่วม100ล้านบาท
ล่าสุดหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้เผยแพร่ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงกรณีเรื่องเงินทอนวัด ที่จำเป็นต้องตรวจสอบ โยงไปถึง นายพนม ศรศิลป์อดีต ผ.อ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ดังนี้
๒๒ กันยายน ๒๕๖๐
พวกที่ชอบเข้ามาด่าพุทธะอิสระซึ่งก็มีทั้งพระและทั้งฆราวาส ลองอ่านข่าวนี้ดูบ้าง
จะได้ตาสว่าง รู้เห็นผลว่า ทำไมพุทธะอิสระจึงต้องเที่ยวตะลอน ๆ ไปยื่นหนังสือร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องเงินทอนวัด
โดยเฉพาะนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผ.อ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเรื่องทุจริตเงินทอนวัด
ซึ่งตามประวัติของนายพนม ก่อนจะมาเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักพุทธฯ ก็มีอาชีพเป็นแค่ครูประชาบาล
แต่ด้วยอำนาจ บารมีของพระผู้ใหญ่ ระดับกรรมการมหาเถรสมาคมฝากฝังผลักดันจนกลายมาเป็นลูกหม้อของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ คนแรก
และด้วยพฤติกรรมที่มีลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลค ที่ต้องท่องจำจนติดปากว่าใช้ครับหลวงพี่ ดีครับท่าน สมควรชอบแล้วครับพระเดชพระคุณ
จากครูประชาบาลที่ครอบครัวที่มีฐานะระดับปากกัดตีถีบก็กลายมาเป็นระดับเศรษฐี
ซึ่งมีคฤหาสน์ ราคา ๓๐ ล้านอัพ ไม่ต่ำกว่า ๓ หลัง
มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นในระดับ ๑๐ ล้านบาท
มีโฉนดที่ดินราคาหลายสิบล้านบาทไม่ต่ำกว่า ๑๐ แปลง
มีทองคำแท่งซุกซ่อนเอาไว้ทั้งในบ้านตนและคนใกล้ชิดมูลค่าไม่ต่ำกว่า๕๐-๖๐ ล้านบาท
มีเงินสดที่เก็บไว้ในเซฟโดยไม่ฝากธนาคารในบ้านทุกหลังอีกไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท
มีรถยนต์ไฮคลาสไม่ต่ำกว่า ๕ คัน
มีอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุนซื้อเอาไว้ที่สหรัฐ โดยการแนะนำของนายนพรัตน์ ลูกพี่เก่าอีกหลายสิบล้านบาท
แถมยังเลี้ยงกิ๊กเอาไว้อีกไม่ต่ำกว่า ๓ คน ซึ่งก็มีทั้งคนในสำนักพุทธฯเอง และคนนอก
ซึ่งแต่ละคนก็เป็นผู้ถือทรัพย์สินของนายพนมเอาไว้จำนวนมากทั้งนั้น
หาก ป.ป.ป. ต้องการจักตรวจสอบเส้นทางทรัพย์สินของอดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ ผู้นี้จริง ๆ
ควรจะต้องสืบค้นหาความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆว่า
นายนพรัตน์มีความสนิทสนมอยู่กับใครบ้าง
ไม่เว้นแม้แต่พระผู้ใหญ่บางรูป
เพราะได้ยินมาว่ามีการโยกย้ายทรัพย์สินจำนวนหนึ่งไปฝากเอาไว้กับพระผู้ใหญ่ที่สนิทชิดเชื้อกันดี
และเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีแผลเน่าในอยู่ด้วย
เรียกว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หากพระเดชพระคุณอมทรัพย์ของกระผม กระผมก็จะลากไส้เน่าของพระเดชพระคุณออกมาประจาน
พุทธะอิสระจึงอยากจะบอกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ป. ว่า
อย่าหลงประเด็นตรวจค้นเพียงแค่หมู่ญาติของนายนพรัตน์ เท่านั้น แม้แต่พระผู้ใหญ่ที่นายนพรัตน์ใกล้ชิดสนิทสนมด้วยก็ต้องตรวจค้น
ไม่เช่นนั้นเงินทอนวัดที่เป็นภาษีของประชาชนก็จะถูกเสือเหลืองบางคนสมคบซุกซ่อน
หากรัฐบาล ค.ส.ช. ต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจในเรื่อง ปราบปรามการทุจริต ก็มิควรละเลยใครที่รู้เห็นเป็นใจในการทำชั่วให้ลอยนวล
พุทธะอิสระ