สุดลึก-ต้องอ่าน! "หลวงปู่ฯ" ปอกเปลือก"พนม อดีตผอ.พศ" ผู้เอี่ยวโกงเงินทอนวัด ที่แท้เดิมเป็นแค่ "ครูประชาบาล" แต่ด้วย"ลิ้นกระดาษทราย"จึงได้ดี

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


สุดลึก-ต้องอ่าน! "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ปอกเปลือก"พนม ศรศิลป์" อดีต ผอ.พศ ผู้เอี่ยวโกงเงินทอนวัด และถูก บก.ปปป.บุกค้นบ้านวานนี้  และทำให้สังต้องตื่นตะลึง เพราะพบทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งพระเครื่องเบญจภาคีชุดใหญ่ ทองคำแท่งหนักถึง 80 บาท รวมทั้งเอกสารการซื้อหุ้นสหกรณ์อีกจำนวนมาก ก่อนจะพบจุดจบ เจอแจ้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเบียดบังทรัพย์สินของรัฐเป็นของตัวเอง

 

โดย "หลวงปู่ฯ" สืบค้นไปถึงฐานรากของนายพนม ว่าที่แท้เดิมเป็นแค่ "ครูประชาบาล" แต่ด้วยอำนาจบารมีของพระผู้ใหญ่ ระดับกรรมการมหาเถรฯ ดันก้นจนกลายมาเป็นลูกหม้อของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ คนแรก และด้วยพฤติกรรมที่มีลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลค ที่ต้องท่องจำจนติดปากว่า "ใช่ครับหลวงพี่ ดีครับท่าน สมควรชอบแล้วครับพระเดชพระคุณ" จึงถีบตัวจากครูประชาบาลที่ฐานะระดับปากกัดตีถีบกลายมาเป็นระดับเศรษฐี ซึ่งมีคฤหาสน์ ราคา ๓๐ ล้านอัพ ไม่ต่ำกว่า ๓ หลัง ก่อนจะแจ้งข้อหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเบียดบังทรัพย์สินของรัฐเป็นของตัวเอง ตามมาตรา 147 ประมวลกฎหมายอาญาจากคดีโกงเงินทอนวัดดังกล่าว 


โดยรายละเอียดทั้งหมดที่  "หลวงปู่พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าาวาสวัดอ้อน้อย องกำแพงแสน จ.นครปฐม ระบุไว้ในเฟซบุ๊กของท่าน คือ


ทีนี้รู้หรือยังว่า ทำไมพุทธะอิสระจึงต้องเที่ยวตะลอนโวยวาย ร้องเรียนไปทั่วในเรื่องเงินทอน

๒๒ กันยายน ๒๕๖๐

พวกที่ชอบเข้ามาด่าพุทธะอิสระซึ่งก็มีทั้งพระและทั้งฆราวาส ลองอ่านข่าวนี้ดูบ้าง
จะได้ตาสว่าง รู้เห็นผลว่า ทำไมพุทธะอิสระจึงต้องเที่ยวตะลอน ๆ ไปยื่นหนังสือร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน เพื่อให้ตรวจสอบเรื่องเงินทอนวัด

โดยเฉพาะนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผ.อ. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเรื่องทุจริตเงินทอนวัด
ซึ่งตามประวัติของนายพนม ก่อนจะมาเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักพุทธฯ ก็มีอาชีพเป็นแค่ครูประชาบาล

แต่ด้วยอำนาจ บารมีของพระผู้ใหญ่ ระดับกรรมการมหาเถรสมาคมฝากฝังผลักดันจนกลายมาเป็นลูกหม้อของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ คนแรก

 

และด้วยพฤติกรรมที่มีลิ้นกระดาษทราย น้ำลายแชลค ที่ต้องท่องจำจนติดปากว่าใช้ครับหลวงพี่ ดีครับท่าน สมควรชอบแล้วครับพระเดชพระคุณ
จากครูประชาบาลที่ครอบครัวที่มีฐานะระดับปากกัดตีถีบก็กลายมาเป็นระดับเศรษฐี
ซึ่งมีคฤหาสน์ ราคา ๓๐ ล้านอัพ ไม่ต่ำกว่า ๓ หลัง
มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นในระดับ ๑๐ ล้านบาท
มีโฉนดที่ดินราคาหลายสิบล้านบาทไม่ต่ำกว่า ๑๐ แปลง


มีทองคำแท่งซุกซ่อนเอาไว้ทั้งในบ้านตนและคนใกล้ชิดมูลค่าไม่ต่ำกว่า๕๐-๖๐ ล้านบาท มีเงินสดที่เก็บไว้ในเซฟโดยไม่ฝากธนาคารในบ้านทุกหลังอีกไม่ต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท มีรถยนต์ไฮคลาสไม่ต่ำกว่า ๕ คัน

 

มีอสังหาริมทรัพย์ที่ไปลงทุนซื้อเอาไว้ที่สหรัฐ โดยการแนะนำของนายนพรัตน์ ลูกพี่เก่าอีกหลายสิบล้านบาท

 

แถมยังเลี้ยงกิ๊กเอาไว้อีกไม่ต่ำกว่า ๓ คน ซึ่งก็มีทั้งคนในสำนักพุทธฯเอง และคนนอก
ซึ่งแต่ละคนก็เป็นผู้ถือทรัพย์สินของนายพนมเอาไว้จำนวนมากทั้งนั้น
หาก ป.ป.ป. ต้องการจักตรวจสอบเส้นทางทรัพย์สินของอดีต ผ.อ. สำนักพุทธฯ ผู้นี้จริง ๆ

 

ควรจะต้องสืบค้นหาความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆว่า นายนพรัตน์มีความสนิทสนมอยู่กับใครบ้าง ไม่เว้นแม้แต่พระผู้ใหญ่บางรูป เพราะได้ยินมาว่ามีการโยกย้ายทรัพย์สินจำนวนหนึ่งไปฝากเอาไว้กับพระผู้ใหญ่ที่สนิทชิดเชื้อกันดี และเป็นพระผู้ใหญ่ที่มีแผลเน่าในอยู่ด้วย


เรียกว่าไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ หากพระเดชพระคุณอมทรัพย์ของกระผม กระผมก็จะลากไส้เน่าของพระเดชพระคุณออกมาประจาน


พุทธะอิสระจึงอยากจะบอกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ป. ว่า อย่าหลงประเด็นตรวจค้นเพียงแค่หมู่ญาติของนายนพรัตน์ เท่านั้น แม้แต่พระผู้ใหญ่ที่นายนพรัตน์ใกล้ชิดสนิทสนมด้วยก็ต้องตรวจค้น ไม่เช่นนั้นเงินทอนวัดที่เป็นภาษีของประชาชนก็จะถูกเสือเหลืองบางคนสมคบซุกซ่อน


หากรัฐบาล ค.ส.ช. ต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจในเรื่อง ปราบปรามการทุจริต ก็มิควรละเลยใครที่รู้เห็นเป็นใจในการทำชั่วให้ลอยนวล

พุทธะอิสระ

 

 

สุดลึก-ต้องอ่าน! "หลวงปู่ฯ" ปอกเปลือก"พนม อดีตผอ.พศ" ผู้เอี่ยวโกงเงินทอนวัด ที่แท้เดิมเป็นแค่ "ครูประชาบาล" แต่ด้วย"ลิ้นกระดาษทราย"จึงได้ดี