เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน” พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

หลังจากตามหากันอยู่นานว่าใครเป็นคนพาอดีตนายกฯหญิงประวัติศาสตร์อย่างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีจากอ่านคำพิพากษากรณีปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าว ณ ศาฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกไปชายแดน

 ล่าสุดทาง “บิ๊กปู”พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.และคณะได้จับกุมตัวนายตำรวจต้องสงสัยและทีมงาน  พร้อมยึดรถที่เป็นพาหนะในการนำน.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไปสอบเค้นจนได้เส้นทางหลบหนีหมดแล้ว  งานนี้เพจเฟซบุ้ค “อีกา” นำรายละเอียดมาลงถี่ยิบเนื้อหาใจความระบุว่า 

เปิดคำให้การตำรวจที่ถูกจับกุมพร้อมรถยนต์ที่ระบุว่านำพาอดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนีไปจ.สระแก้ว ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ เรื่องจริงหรือนิทานที่ต้องว่าไปตามบท 

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

เพจอีกา นำคำให้การของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีตรองผู้บังคับการนครบาล 5 ก่อนที่จะมี คำสั่งย้ายและถูกตั้งกรรมการสอบสวนกรณีเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี ไม่มาฟังคำพิพากษาของ ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 นี่เป็นลำดับเหตุการณ์ที่ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เวลา18.20 น.

 

พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถยนต์เก๋งสายตรวจยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนเทา หมายเลขโล่ 09807 ไปจอดรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริเวณลานจอดรถห้างโลตัวส สาขาวัชรพล หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีต่อมา ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยทราบว่าภายในรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์คันดังกล่าว มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ด้วย 

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

 

จากนั้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ได้ขับออกไปมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล จึงได้ขับรถยนต์ตามไป จนถึงหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ ได้เข้าไปทางป้อมยามของหมู่บ้านเข้าไปในซอย 23 ส่วนพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ จอดรถรออยู่ที่ปากซอย 23 ไม่ได้เข้าตามไปด้วย ต่อมาอีกประมาณ 2 นาที ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีบรอนเทา มีซันรู๊ฟติดแผ่นป้ายทะเบียน ฉฮ-2123 กรุงเทพมหานคร ขับมา และขับนำรถยนต์คันที่พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ไป โดยพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ได้ขับตามรถยนต์คันดังกล่าวไป ซึ่งพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ก็ทราบว่าเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นแคมรี่คันดังกล่าวนั้น มี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งมา โดยเป็นการเปลี่ยนรถยนต์นั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนถึงซอย 38 รถยนต์เก๋งยี่ห้อโยโยต้ารุ่นแคมรี่ ก็ได้ขับเข้าไปยังบ้านพักของพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ซึ่งอยู่ท้ายซอยโดยพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์เองก็ได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดไว้ในบ้านพัก จากนั้นพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ได้ไปขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นแคมรี่

ซึ่งในรถเก๋งคันดังกล่าว มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเลขาที่เป็นผู้หญิงอีก 1 คนนั่งอยู่ โดยทั้งสองคนได้ใช้หน้ากากอนามัย (แมส) สีดำปิดปากและจมูกไว้ และสวมหมวกแก๊ปสีเข้มไว้ทั้งสองคน มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าจ.ฉะเชิงเทรา พอผ่านตัว จ.ฉะเชิงเทรา ได้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึงตำบลเขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวามุ่งหน้าจังหวัดสระแก้ว ผ่านจังหวัดสระแก้ว พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ได้ขับรถมุ่งไปยังอำเภออรัญประเทศ เมื่อถึงตัวอำเภอปรัญประเทศ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 23 ส.ค.60 

 

จากนั้นได้ขับไปตามถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมายโดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งบริเวณดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่างจากที่ใดๆ เมื่อไปถึงพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ เห็นรถยนต์กระบะ 4 ประตู สีทึบ โดยไม่ได้สังเกตยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จอดรออยู่และมีชายลักษณะสูงประมาณ 180 ซ.ม. ซึ่งมองเห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นชายไทยหรือไม่ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ได้เปิดไฟกระพริบซ้ายชวาด้านหลังไว้ด้วย ซึ่งพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ได้จอดรถยนต์คันที่ขับมาต่อท้าย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯหญิง ไปขึ้นรถกระบะ แล้วขับออกไป 

 

ส่วนพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ได้ขับรถต่อไปอีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อนอนพักชั่วคราว โดยตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.60 จึงได้ขับรถยนต์กลับ กทม. ตามเส้นทางเดิม ถึงบ้านพักของพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.60 โดยไม่ได้แวะพักที่ใด แต่อย่างใด ต่อมาได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถแคมรี่ เป็น ฌข-5323 กรุงเทพมหานคร แล้วนำแผ่นป้ายทะเบียนเดิมห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณที่เก็บของอะไหล่ภายในกระโปรงท้ายรถยนต์ แล้วนำไปให้ ดาบตำรวจ พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน 

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

ซึ่ง ดาบตำรวจ พรพิพัฒน์ เคยรับราชการและทำการร่วมกันกับพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ในสมัยที่เคยรับราชการอยู่ที่กงอบังคับการปราบปรามด้วยกันเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในวันต่อมาพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ได้โทรศัพท์ไปบอกดาบตำรวจพรพิพัฒน์ให้นำป้ายทะเบียนที่ซุกซ่อนไว้ในรถไปทำลายด้วย

 

ขณะที่ ดาบตำรวจพรพิพัฒน์ มาบุญงาม ผู้บังคับหมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม ให้การว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค. พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ได้นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลข ฌข-5323 กรุงเทพมหานคร มาให้และให้ช่วยติดต่อหาคนเพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน โดยได้นำมาที่ร้านอาหารแสงจันทร์ ของดาบตำรวจพรพิพัฒน์ ในตัวเมืองนครปฐม ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร และได้จอดไว้ที่ร้านอาหารของดาบตำรวจพรพิพัฒน์เอง โดยยังไม่ได้ทำอะไรกับรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 30 ส.ค.60 ดาบตำรวจพรพิพัฒน์ จึงได้ติดต่อให้พันตำรวจโทสามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.สส.ภ.จว.นครปฐม ซึ่างเป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกันมานำรถยนต์คันดังกล่าวไป เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐานต่อไป

หลังจากนั้นดาบตำรวยจพรพิพัฒน์ ไม่ทรายรายละเอียดว่าจะได้มีการนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐานแล้วหรือไม่ อย่างไร โดยหลังจากที่พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ นำรถยนต์คันดังกล่าวมาจอดไว้ที่ร้านอาหารของดาบตำรวจพรพิพัษฒน์แล้ว ได้โทรศัพท์มาบอกให้ดาบตำรวจพรพิพัฒน์ นำแผ่นป้ายทะเบียนอีกชุดหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในที่เก็บยางอะไหล่ในกระโปรงท้ายรถยนต์คันดังกล่าวให้กับพันตำรวจโทสามมิตร ไป ซึ่งแผ่นป้ายทะเบียนชุดดังกล่าวมีกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อไว้ 

 

จนกระทั่งต่อมาในวันที่ 21 ก.ย พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์คันดังกล่าว และมีผู้บังคับบัญชาได้นำตัวมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว และซักถามถึงแผ่นป้ายทะเบียนชุดดังกล่าว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบที่ร้านอาหารของดาบตำรวจพรพิพัฒน์ จึงทราบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข ฌย-2123 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการยึดแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

ขณะที่ พันตำรวจโทสามมิตร ไชยอิ่นคำ สว.สส.ภ.จว.นครปฐม ให้การว่า เมื่อ วันที่ 30 ส.ค. ดาบตำรวจ พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ติดต่อมาให้ไปช่วยนำรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลข ฌข-5323 กรุงเทพมหานคร ไปยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน จากนั้นได้ไปนำรถยนต์คันดังกล่าวจากร้านอาหารแสงจันทร์ ของดาบตำรวจพรพิพัฒน์ ไปจอดไว้ใต้ต้นไม้บริเวณบ้านของดาบตำรวจธนรักษ์ ชาวสวนแก้ว ผบ.หมู่งานสืบสวน ภ.จว.นครปฐม ผู้ใต้บังคับบัญชาของพันตำรวจโทสามมิตร โดยยังไม่ได้นำไปแยกชิ้นส่วนแต่อย่างใด ต่อมาในวันที่ 21 ก.ย. ดาบตำรวจพรพิพัฒน์ และผู้บังคับบัญชาของพันตำรวจโทสามมิตร ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์คันดังกล่าว และให้นำรถยนต์คันดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมาให้ปากคำเพื่อให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว

 

 

ด้าน พันตำรวจโททนงศักดิ์ คำมาตย์ รอง ผกก.6 ทล. ให้การว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.60 ได้รับคำสั่งจาก พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ให้มารับมอบหมายภารกิจ ทำการสืบสวนรวบรวมข้อมูลรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ 3.5Q พันตำรวสจโททนงศักดิ์ กับพวกจึงร่วมกันตรวจสอบข้อมูลทั้งจากข้อมูลในระบบ POLIS ที่มีการเชื่อมโยงกับกรมการขนส่งทางบก และได้ตรวจสอบกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย จึงทราบว่ารถยนต์รุ่นนี้ไม่มีการผลิตในประเทศไทย และได้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 (พ.ศ.2549) จำนวน 283 คัน

 

ซึ่งมีข้อมูลสี หมายเลขตัวถัง ปีที่จดทะเบียนทั้ง 283 คัน และเมื่อไดตรวจดูแล้ว พบว่ารถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ ติดแผ่นป้ายทะเบียนฌข-5323 เดิมติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌย-2123 มีหมายเลขตัวถังไม่ตรงกับรถยนต์ที่ได้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ทั้งจำนวน 283 คัน แต่จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวระบุเลขตัวถัง MR053BK4107001933 หมายเลขเครื่อง คือ 2AZ1197836

 

 

ข้อมูลนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ที่มีรายงานข่าวว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังการช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี ไม่ต่ำกว่า 10 คน มีระดับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย และจะมีปฏิบัติการครั้งใหญ่หลังวันอ่านคำพิพากษาของศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 27 กันยายนนี้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าปฏิบัติการตรวจสอบเส้นทางหลบหนีของอดีตนายกรัฐมนตรี เป็น เรื่องจริง หรือ นิทานเรื่องหนึ่ง ที่ต้องว่าไปตามบท !!!

 

เปิดเส้นทาง“ชัยฤทธิ์และทีมงาน”  พาปูหนีคุกไปชายแดน “เรื่องจริงหรือนิทาน”

 

ขอบคุณข้อมูลจากเพจเฟซบุ้ค.....อีกา
/////////////////