ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

ดูว่าเป็นใคร !?!?! เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

26 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึง ตนไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก ถ้าเรามองว่าวันพรุ่งนี้เหมือนกันวันอื่นๆ เหมือนวันที่มีการตัดสินคดีทุกคดี ซึ่งมีคดีมาตลอดเวลา ทั้งคดีเล็กและคดีใหญ่ เราไปให้ความสำคัญมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งถือเป็นพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรมปกติ และทุกคนก็ทราบดีถึงความเป็นมา ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งมีผู้พิพากษาตั้งหลายท่าน และการตัดสินก็ยังไม่รู้ล่วงหน้าหรอก เพราะผู้พิพากษาทั้งหมดจะมาเจอกันในตอนเช้า เพื่อเรียบเรียงคำตัดสินใหม่ เพื่อรวบรวมสรุปเป็นคำตัดสินของคณะผู้พิพากษา

อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีนี้ ที่ทุกคนซักถามทั้งรองนายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาตลอด ผมคิดว่าเรื่องเส้นทางอะไรต่างๆ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่าเอามาพันกัน เรื่องนั้นเป็นกระบวนการสอบสวนสืบสวนจะดำเนินการ ผมยังไม่อาจกล่าวว่าใครผิดใครถูก จะบอกว่าผิดหรือไม่ก็ไม่ใช่ หรือจะบอกว่าถูกก็ไม่ใช่ ทั้งนี้ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้นหลังวันที่ 27 ก.ย.ไปแล้ว ผมมีข้อมูลแต่ยังพูดอะไรไม่ได้ ฉะนั้นอย่าไปถามท่านอีกเลย เห็นใจบ้าง บางทีก็อึดอัด แต่ก็ไม่อยากให้ทุกอย่างออกมามะรุมมะตุ้มก่อนวันที่ 27 ก.ย. จนทุกอย่างสับสนอลหม่านไปหมด เพราะต้องดูกฎหมายที่มีหลายฉบับ


ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมสงสัยตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนี เหตุใดจึงไม่มีความผิด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ต้องดูมันมี 2 กรณี เขาอาจจะพูดเหมารวมหรือไม่ ผมไม่รู้และไม่ได้แก้ตัว ประเด็นแรก คือการใช้รถผิดมันผิดหรือไม่ เขาก็ชี้แจงว่ามารถได้ทีหลัง ทางกล้องเห็นชัดเจน แต่ไม่เห็นหน้า ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญที่เขียนไปในเรื่องกฎหมายป.วิอาญา เขียนไว้ว่าหากตรวจสอบแล้วรถคันนี้ผิดกฎหมาย คราวนี้จะผิดในเรื่องของการใช้รถ แต่หากหลักฐานยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งม. 29 เขียนไว้มองทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าจะไปช่วย มันช่วยไม่ได้หรอก ประเด็นที่สองคือการพาออก ต้องดูว่าผิดกฎหมายป.วิอาญาตรงไหน ถ้าพาออกไปจริง พาออกไปตั้งแต่เมื่อไร มีหมายจับเมื่อไร อะไรทำนองนี้ โทษทางวินัยก็มีอยู่ด้วย ถ้าไปช่วยเหลือจริงๆ ก็จะมีคดีอาญาด้วย ก็ให้เวลาหน่อย เดี๋ยวถ้ารู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ซึ่งตอนนี้ก็พอรู้ แต่ผมยังพูดไม่ได้ ขอให้พ้นวันที่ 27 ก.ย.ไปก่อน”

เมื่อถามว่า ต้องดูที่เจตนาของตำรวจที่พาน.ส.ยิ่งลักษณ์หนีด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูด้วย เจตนาถ้าไปจริงก็ช่วยเขาแน่นอน เจตนามันไม่ต้องแปลอย่างอื่น เมื่อถามว่า แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคำสั่งศาลห้ามออกนอกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูกันอีกที อย่าเพิ่งเอากฎหมายมาสู้กัน เราก็ไม่ได้รู้กฎหมายกันทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเดี่ยวจะกลายเป็นเอาความรู้สึกไปตัดสินคนทั้งหมด ก็จะวุ่นวายไปกันใหญ่ อีกหน่อยจะเป็นตัวอย่างให้คดีอื่น แล้วจะทำอะไรกันไม่ได้ เดี่ยวก็คลี่คลายขอให้ใจเย็นๆ

เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้ทราบความคืบหน้าของน.ส.ยิ่งลักษณ์แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บอกแล้วว่ารู้ แต่ยังไม่บอก หลังวันที่ 27 ก.ย. ผมถึงจะบอกว่าอยู่ไหน

เมื่อถามว่า ทราบแล้วหรือไม่ว่าใครเป็นผู้สั่งการ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อนำเสนอนายก. นายข. แล้วมันใครกัน คงไม่เรียกว่าสั่ง แต่คงอยู่จักใครก็ไปฝากคนนี้คนนั้นช่วยกัน อาจเป็นลูกน้องเก่าหรือเปล่าที่เขามาขอให้ทำ มันก็แค่นั้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าประเทศปลายทางแจ้งกลับมาแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยัง เขาจะแจ้งอะไร มีใครเขาจะแจ้ง แต่สายลับตนก็มี เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลี้ภัยไปประเทศใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี จะไปลี้ภัยเรื่องอะไร ภัยอะไรเหรอ ภัยการเมือง การเมืองที่ไหน คดีอยู่ในศาล ตอนนี้ยังไม่รู้ เพราะเขายังไม่ได้ลี้ภัยเลย สื่อก็เขียนกันเองว่าเขาจะลี้ภัย มันจะลี้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้พอรู้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์พำนักอยู่ประเทศไหน แต่ต้องขอให้เขายืนยันอีกสักหน่อย อย่าเพิ่งไปพูดก่อนเลย

เมื่อถามว่า ถ้าประเทศใดยืนยันมาจะขอให้ส่งตัวกลับมาเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องดูด้วยว่ามีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ แล้วเขาเลยส่งหรือไม่ และเราเคยขอไปกี่คนแล้ว ซึ่งประเทศที่เราเคยขอตัวก็มีสัญญาทุกประเทศ ขณะเดียวกันต่างประเทศเขาก็มีกับเรา แต่บางคนเราให้เขาไม่ได้ เพราะเราต้องดำเนินคดีในประเทศของเรา ซึ่งเป็นเรื่องแต่ละประเทศเขา จะไปบังคับอะไรเขาได้มากมาย

เมื่อถามว่า ดูทิศทางจะซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ คนไปไม่ค่อยมีปัญหา ไอ้คนอยู่ซวยทั้งปี วันนี้ทุกอย่างมันก็ชัดเจน คดีความเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มันไม่ดีกว่าไม่มีอะไรหรือ ต้องการแบบนั้นหรือ วันนี้ทุกคดีก็ออกมาหมด ขึ้นอยู่กับศาลที่จะตัดสิน รู้จักคำว่าศาลหรือไม่ รู้จักกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ อย่ามาเถียงกันเองซิ

เมื่อถามว่า ต้องให้ตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพเข้ามาช่วยด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า เขาก็ร่วมมือกันมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถ้าถึงเวลาเขาผิดแล้วเขาหนี มันก็ต้องเอาตำรวจสากลมา เมื่อตำรวจสากลติดต่อไป เขาไม่ให้มาตำรวจสากลจะไปทำอะไรล่ะ ก็ติดต่อไปทุกที่ แล้วเป็นยังไง ตำรวจสากลแจ้งคดีไป 129 ประเทศ เขาให้มาหรือยังละ ปัดโธ่

เมื่อถามว่า ในแง่การดำเนินการเรื่องพลาสปอร์ตจะมีแนวทางอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าผิดถูกหรือไม่ก่อน ศาลตัดสินว่าอย่างไร ถ้าตัดสินผิดก็เป็นผู้ต้องหา ถ้าเป็นผู้ต้องหาก็ทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ทุกอย่างมีกติกาหมด อย่าไปพลีพลามทำส่งเดชตามใจชอบ มันไม่ได้ นี่คือการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถ้าทำเร็วไปก็บอกว่าใจร้าย อีกพวกก็บอกว่ารัฐบาลซ้ำเติม ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง มันมีคนอยู่หลายประเภท ต้องใช่กฎหมายเป็นเครื่องชี้วัดว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป แล้ววันนี้บ้านเมืองสงบสุขกันหรือไม่

เมื่อถามว่า หลังวันที่ 27 ก.ย. รัฐบาลเตรียมความพร้อมในการดำเนินการเรื่องเหล่านี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ต้องเตรียมอะไร เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เตรียมพร้อมตามคำร้องขอของศาลอยู่แล้ว และก็เป็นพื้นที่ของศาล จะต้องคุ้มครองศาลอย่างไร เขาเตรียมมาตรการและมีแผน มีการตัดสินคดีมากี่ครั้ง ครั้งก่อนก็เตรียมเก้อไปรอบหนึ่ง 

เมื่อถามว่า หลังวันที่ 27 ก.ย. นายกฯจะมาแถลงที่พำนักของน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ต้องแถลงเอง ก็ให้เขาชี้แจงว่าอยู่ที่ไหน ทำไมตนต้องมียืนแถลงด้วย เรื่องนี้จะเปิดเผยผ่านใครก็ได้ โฆษกตนก็มี ไม่เช่นนั้นนายกฯเป็นโฆษกเอง เป็นมันทุกเรื่อง เป็นลูกไล่ทุกเรื่อง ลูกไล่สื่อไง เราไม่ใช่ลูกไล่หรือลูกไม่ไล่ แต่เราเป็นเพื่อนกัน เราทำเพื่อประเทศชาติไม่ใช่หรือ ฉะนั้นอย่าหาจำเลยให้มากขึ้นเลย วันนี้จำเลยมีเยอะกันพอสมควรแล้ว จะเอานายกฯเป็นจำเลยอีกเรื่องมันไม่ไหว แล้วถ้าตนไปตกอยู่ในฐานะนั้นแล้วจะทำงานได้หรือไม่
 

ย้อนกลับไป  เมื่อคืนวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา มีการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย มีทั้งยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งรอง ผบก. ,ยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง สว.สส. และชั้นประทวน ยศ ด.ต. มาสอบสวนพร้อมรถยนต์เก๋ง โตโยต้าแคมรี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี 

กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็มีหนังสือบันทึกข้อความ เรื่อง รายงานการซักถามผู้เกี่ยวข้องกรณีการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์  หลบหนี ถึง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ของพล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.๑.บช.ปส. ร่วมกับพล.ต.วิจารณ์ จดเเตง หัวหน้าฝ่ายกฏหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช.ทำการซักถามบุคคลผู้เกี่ยวข้องในกรณีการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี จำนวน 4 ปาก  ในช่วงหนึ่งระบุว่า

พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 บช.น.ให้การว่าเมื่อวันที่ 23 ส.ค.2560 เวลาประมาณ 18.20 น.ได้ขับรถยนต์เก๋งสายตรวจยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลตริส สีบรอนเทา หมายเลขโล่ 0980 ไปจอดรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริเวณลานจอดรถหน้าห้างโลตัส สาขาวัชรพล หลักจากนั้นประมาณ5นาทีต่อมา ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน โดยทราบว่าภายในรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ดังกล่าวมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ด้วย จากนั้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์ได้ขับออกไปมุ่งหน้าไปทางหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล จึงได้ขับรถยนต์ตามไป จนถึงหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล รถยนต์เก๋งยี่ห้อเบนซ์เข้าไปทางป้อมยามของหมู่บ้าน เข้าไปในซอย 23 ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จอดรถรออยู่ที่ปากซอย 23 ไม่เข้าตามไปด้วย ต่อมาอีกประมาณ 2 นาที ได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นเเคมรี่ สีบรอนเทา มีซันรูบ ติดเเผ่นป้ายทะเบียน ฌย 2123 กรุงเทพมหานคร ขับมาและขับนำรถยนต์คันที่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ไป โดยเเคมรี่คันดังกล่าวนั้น มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งมาโดยเป็นการเปลี่ยนรถยนต์นั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จนถึงซอย 38 รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นเเคมรี่ ก็ได้ขับเข้าไปยังบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ซึ่งอยู่ท้ายซอย โดย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เองก็ได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดไว้ในบ้านพักของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์


จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ไปขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นเเคมรี่ ซึ่งในรถเก๋งคันดังกล่าวมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเลขา ที่เป็นผู้หญิงอีก 1 คน นั่งอยู่ (โดยทั้งสองคนได้ใช้หน้ากากอนามัย(แมส)สีดำปิดปากและจมูกไว้ และสวมหมวกเเก๊ปสีเข้มไว้ทั้งสองคน) มุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้ามีนบุรี จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าจ.ฉะเชิงเทรา พอผ่านตัวจ.ฉะเชิงเทราได้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึงต.เขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวามุ่งหน้าจ.สระเเก้ว ผ่านจ.สระเเก้ว พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถมุ่งไปยัง อ.อรัญประเทศ เมื่อถึงตัวอ.อรัญประเทศ ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 23 สิงหาคม 2560 จากนั้นได้ขับรถไปตามถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมายโดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศไปประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งบริเวณดังกล่าว ไม่มีไฟส่องสว่างจากที่ใดๆ
เมื่อไปถึง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ เห็นรถยนต์กระบะสี่ประตู สีทึบ โดยไม่ได้สังเกตยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จอดรออยู่และมีชายลักษณะสูงประมาณ 180 ซม. ซึ่งมองเห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นชายไทยหรือไม่ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เปิดไฟกระพริบซ้ายขวาด้านหลังไว้ด้วย ซึ่ง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้จอดรถยนต์คันที่ขับมาต่อท้าย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาหญิง ไปขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวแล้วขับออกไป


ส่วนพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ขับรถต่อไปอีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อนอนพักผ่อนชั่วคราว โดยตื่นขึ้นมาเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.2560 จึงได้ขับรถยนต์กลับ กทม.ตามเส้นทางเดิม ถึงบ้านพักของพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล ในเวลาประมาณ 06.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค.2560 โดยไม่ได้แวะพักที่ใดแต่อย่างใด และได้จอดรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่คันดังกล่าวไว้ที่บ้าน

จนเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2560 พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่คันดังกล่าว โดยเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็น ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร แล้วนำแผ่นป้ายทะเบียนเดิมห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณที่เก็บยางอะไหล่ภายในกระโปรงท้ายรถคันดังกล่าว แล้วนำไปให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน ซึ่ง ด.ต.พรพิพัฒน์ เคยรับราชการและทำการร่วมกันกับพ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ในสมัยที่เคยรับราชการอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามด้วยกันเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในวันต่อมา พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้โทรศัพท์ไปบอก ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้นำป้ายทะเบียนที่ซุกซ่อนไว้ในรถไปทำลายด้วย

ขณะเดียวกันล่าสุด สมชาย แสวงการ ได้แชร์ภาพพร้อมข้อมูล ระบุว่า 27กย60 ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาโดยไม่มีตัวจำเลยแน่นอน ข่าวผมยืนยันแน่นอนมาแต่ต้น ว่า เธอออกจากไทย วันพุธที่23สค เข้าไปกัมพูชาในตอนค่ำ และขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกไปตอนเที่ยงคืน20นาที บินถึงดูไบ เช้าวันพฤหัสที่24สค และล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา 

บินออกจากดูไบ ใช้พาสปอร์ตเอกสิทธิเล่มแดงไปลอนดอน  งานนี้จะปล่อยใครต่อใครทำผิดกฎหมายกันให้ลอยนวลหรืออย่างไร  ขอแรงนักสืบเฉพาะกิจ ช่วยงานความมั่นคง แจ้งเบาะแสกันดีมั้ยครับ


ภาพบุคคลนี้เป็นบุคคลที่อยากให้ช่วยกันดูครับว่าเป็นใคร ขับรถเบนซ์คันนี้เข้าไปรับเธอที่บ้านโยธิน เวลา17:30 น นำไปส่งที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เวลา18:26 น ก่อนออกเดินทาง
ไปข้ามชายแดนสระแก้ว-ปอยเปต
ใครมีเบาะแสวานแจ้งครับ

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

ดูว่าเป็นใคร !?!?!  เปิดภาพ เอ็กซ์คลูซีฟ ซูมหน้าคนขับรถเบนซ์ไปรับ "ยิ่งลักษณ์" ส่งที่ วัชรพล ...จะปล่อยคนทำผิดกฎหมายลอยนวลหรืออย่างไร(มีภาพ)

 

อ้างอิงจาก สมชาย แสวงการ