หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า โลกของเราเกิดมักเกิดภัยพิบัติขึ้นมาบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุเฮอร์ริเคนต่างๆที่เข้ามาลูกแล้วลูกเล่า จนทำให้เกิดน้ำท่วม บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายไหลไปกับสายน้ำ นอกจากนี้ทางองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ได้มีการสำรวจเมืองท่าชายฝั่งทะเล 136 เมืองทั่วโลก พบว่า มีมหานครสำคัญของโลกถึง 10 เมืองที่เสี่ยงจะจมบาดาลภายในปี 2070 (พ.ศ. 2613) หรืออีก 53 ปีข้างหน้า เนื่องจากสภาพอากาศของโลกปั่นป่วนอย่างหนัก สร้างความเสียหายเป็นตัวเงินรวมกันถึงกว่า 26.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 846.8 ล้านล้านบาท และกระทบต่อประชากรของโลกอย่างน้อย 40 ล้านคน ซึ่งทาง OECD ได้มีการจัดอันดับ 10 เมืองที่มีความเสี่ยงจะจมบาดาลมีดังต่อไปนี้

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 1 นครไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา – เป็นเมืองที่มีความเสี่ยงที่สุดในโลก อาจจมอยู่ใต้น้ำทะเลลึก 150 ฟุต จะมีประชากรเสี่ยงถึง 4.8 ล้านคน 

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 2 นครกว่างโจว ประเทศจีน – ในอีก 53 ปี ข้างหน้า ประชากรกว่า 10.3 ล้านคนเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่ออุทกภัยและน้ำทะเลหนุนสูง

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อับดับ 3 นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา – หากเกิดภัยธรรมชาติร้ายแรงจะส่งผลกระทบต่อประชากร 2.9 ล้านคน

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 4 กัลกัตตา ประเทศอินเดีย – ประชากรกว่า 14 ล้านคนของเมืองนี้มีโอกาสเสี่ยงทนทุกข์จากน้ำท่วมใหญ่ ในปัจจุบันกัลกัตตามีระบบระบายน้ำที่ทรุดโทรมไม่เคยเปลี่ยนกว่า 140 ปี

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อับดับ 5 เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน – เริ่มทรุดตัวลงจากการสร้างตึกสูงมากเกินไป ทั้งยังอยู่ปากแม่น้ำแยงซีที่เกิดน้ำท่วมประจำ คาดว่าจะเกิดความสูญเสียกับประชากรถึง 5.5 ล้านคน

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 6 มุมไบ ประเทศอินเดีย – ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอินเดีย สูงกว่าระดับน้ำทะเลเพียง 46 ฟุต มีระบบระบายน้ำที่ล้าสมัย หากเกิดหายนะในอนาคตจะส่งผลต่อประชากรถึง 11.4 ล้านคน

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 7 เทียนจิน ประเทศจีน – เทียนจินไม่เคยเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 1963 แต่คาดว่าในปี 2070 อาจจะส่งผลต่อชีวิตผู้คนกว่า 3.8 ล้านคน 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 8 โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น – มีระบบป้องกันน้ำท่วมใหญ่ในรอบสหัสวรรษได้ดีกว่าเมืองใหญ่อื่นๆ ทั่วโลก แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง อาจจะกระทบต่อประชากรกว่า 2.5 ล้านคน

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 9 ฮ่องกง ประเทศจีน – ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยทะเล ทำให้มีความเสี่ยงในอันดับต้นๆ ประเมินกันว่าจะส่งผลกระทบกับประชากรเพียงแค่ 6.8 แสนคน 

 

หรือธรรมชาติกำลังเอาคืน!!! นักวิจัยเผย 10 อันดับเมืองที่เสี่ยงต่อหายนะของภัยธรรมชาติ ในอีก 53 ปีข้างหน้า 1 ในนั้นมีเมืองของประเทศไทย

 

อันดับ 10 กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ติดท๊อป 10 มหานครแห่งความเสี่ยงหลังจากประสบกับน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 และภายในปี 2070 หากสภาพอากาศโลกยังแปรปรวน ชาวกรุงจะได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน

 

จะเห็นได้ว่า 1 ใน 10 เมืองที่มีความเสี่ยงจะจมบาดาลมีกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศไทยติดอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งอาจจะสะท้อนให้เห็นว่าการวิจัยนี้อาจจะเป็นจริง เพราะว่ามีกรุงเทพฯในตอนนี้เวลาที่มีฝนตกหนักทีไร ก็จะเกิดน้ำท่วมขังตลอดทุกที และเมื่อปี พ.ศ.2554 พื้นที่กรุงเทพฯ ก็ได้เกิดน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 70 ปี นับจากเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯในปี 2485 อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างหนักทั้งทางภาคการเกษตร อุตสาหกรรม เศรษฐกิจ สังคม และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปยังภาคส่วนอื่นอีกเป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ เราไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้นักวิจัยได้ทำการวิจัยได้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เราก็ควรที่จะหันมาใส่ใจสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ไม่ควรตัดไม้ทำลายป่า หันมารักษ์โลก ปลูกต้นไม้เพื่อเป็นการคืนสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับโลก เพื่อให้คอยอุ้มดินอุ้มน้ำ ลดเลือนภาวะที่จะเกิดโลกร้อนจะดีกว่า

 

ขอบคุณข้อมูล : pathompong