เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ เดินทางถึงเปอร์โตริโกเเล้ว ด้าน ทรัมป์ ถูกวิจารณ์ยับบริหารล่าช้า

จากกรณ๊เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา พายุเฮอริเคนมาเรียได้ถล่มเปอร์โตริโก ซึงเหตุการณ์นี้ถือว่ารุนเเรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลกระทบทำให้ปชช. ทั้งเกาะราว 3.5 ล้านคน บ้านเรือนเสียหาย ไฟฟ้าดับทั่วทั้งเกาะ ไม่มีไฟฟ้าใช้ สัญญาณโทรศัพท์ตัด ไม่สามารถติดต่อได้ โลกภายนอกได้ อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันจึงจะสามารถนำไฟฟ้ากลับมาใช้งานได้ เพราะการเดินทางบนเกาะค่อนข้างลำบากเนื่องจากเต็มไปด้วยป่าเขาจนต้องอพยพชาวบ้านราว 7 หมื่นคนไปท้ายเขื่อน

 

เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ เดินทางถึงเปอร์โตริโกเเล้ว ด้าน ทรัมป์ ถูกวิจารณ์ยับบริหารล่าช้า

 

 

 

 

 

 

เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ เดินทางถึงเปอร์โตริโกเเล้ว ด้าน ทรัมป์ ถูกวิจารณ์ยับบริหารล่าช้า

ทั้งนี้เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ Comfort ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากการสนับสนุนของรัฐบาลกลางในการสนับสนุนพื้นที่เกาะในผลกระทบของพายุเฮอริเคนมาเรีย เดินทางถึงเปอร์โตริโกในวันอังคาร หลังจากออกเดินทางจากฐานที่ Norfolk, Va 4 วันที่ผ่านมา เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ Comfort ได้รับการนำไปใช้ในการช่วยเหลือจากเหตุภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรงในเฮติในปี 2010

เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ เดินทางถึงเปอร์โตริโกเเล้ว ด้าน ทรัมป์ ถูกวิจารณ์ยับบริหารล่าช้า

เเละเนื่องจากมีอุปสรรคในการเดินทางของ้เรือเดินสมุทรโรงพยาบาลของกองทัพเรือ Comfort ประธานาธิบดี Donald Trump ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถูกมองว่าบริหารงานได้ล่าช้า  เกือบสองสัปดาห์หลังจากพายุกระหน่ำหลายพื้นที่ยังคงดิ้นรนเพื่อเข้าถึงสิ่งจำเป็นพื้นฐานเช่นอาหารน้ำจืดและเงินสด 
ทั้งนี้หน่วยงานบริหารจัดการเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ (Federal Emergency Management Agency - FEMA) สำนักงานอยู่ที่เกาะมากกว่า 10,000 แห่งสามารถใช้ได้ประมาณ 45% ลูกค้าสามารถเข้าถึงน้ำดื่มได้ เเละธุรกิจต่างๆเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งด้วย ขณะที่สถานีบริการน้ำมันรายย่อยร้อยละ 60 เปิดให้บริการแล้ว แผนกบริการด้านสุขภาพกล่าวว่าทีมแพทย์ของรัฐบาลกลางที่มีอุปกรณ์และอุปกรณ์ของตนเองได้รับการส่งเพื่อช่วยดูแล Centro Medico ผู้บาดเจ็บในเมืองซานฮวน เเละได้กระจายส่งไปยังโรงพยาบาล 5 แห่งในส่วนอื่น ๆ ของเกาะ

 

ขอบคุณที่มา Fox News