ถอดรหัส!! 1ในบิ๊กพศ. หลังโยกย้ายครั้งใหญ่ เผยเป็น1ใน9 ผู้ต้องหา พัวพันเงินทอนวัด พบ ดูแลเงินอุดหนุน??

ถอดรหัส!! 1ในบิ๊กพศ. หลังโยกย้ายครั้งใหญ่ เผยเป็น1ใน9 ผู้ต้องหา พัวพันเงินทอนวัด พบ ดูแลเงินอุดหนุน??

การกลับคืนสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติของพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์  เรียกว่าไม่ธรรมดาจริง นอกเหนือเราจะเห็นคำสั่งที่มหาเถรสมาคมไม่เคยมีมาก่อนอย่างการออกมาจัดระเบียบสงฆ์ กำกับ ควบคุม ดูแล จัดการพฤติกรรมนอกรีตของภิกษุสงฆ์ บางกลุ่ม เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมเสื่อมเสีย แต่เรื่องที่ทำเอาเดือดร้อนกันทั้ง วงการคือการห้ามติดแผ่นป้ายโฆษณาหรือจำหน่ายวัตถุมงคล ห้ามขึ้นป้ายงาน พุทธาภิเษก พิธีปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่างๆนานๆ ตามที่เป็นข่าวเป็นคร่าวโดงดังอยู่ในขณะนี้ ซึ่งนอกเหนือจากการเปลี่ยนของคณะสงฆ์แล้ว ล่าสุดเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของคนที่ทำงานใกล้ชิดกับคณะสงฆ์ อย่างข้าราชการระดับในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มากถึง12-14ตำแหน่ง ซึ่งมีรายงานว่าพ.ต.ท.พงศ์พร ได้เซ็นเมื่วันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา การโยกย้ายครั้งนี้มีขึ้นหลังจากพ.ต.ท.พงศ์พร เข้ามาทำงานในวันที่ 2 ต.ค.เพียง 1 วันเท่านั้น โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการปัญหาเงินทอนวัดหรือไม่

ดังนั้นเราจะมาทำความรู้จักกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เข้าใจอย่างละเอียด ลึกซึ้งเป็นอย่างดีเสียก่อน โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือพศ. เป็นหน่วยงานที่ไม่สังกัดกระทรวงใด แต่มีฐานะเป็นหน่วยงานราชการของรัฐระดับกรม ขึ้นตรงต่อการบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2545 มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานสนองงานคณะสงฆ์และรัฐโดยการทำนุบำรุง ส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา ให้การอุปถัมภ์ คุ้มครองและส่งเสริมพัฒนางานพระพุทธศาสนา ดูแล รักษา จัดการศาสนาสมบัติ พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งให้การสนับสนุนส่งเสริม พัฒนาบุคลากรทางศาสนา
ในอดีตที่ผ่านมาการศาสนา และการศึกษา จะดำเนินควบคู่กันมาโดยตลอด ซึ่งในอดีตนั้นงานด้านการศาสนา จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ "กระทรวงธรรมการ" ซึ่งต่อมาในปี พ.ศ. 2484 ได้มีการประกาศพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม จึงเปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการ เป็น "กระทรวงศึกษาธิการ" และมีการจัดตั้ง "กรมการศาสนา" ขึ้น

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2545 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรมอีกครั้งหนึ่ง จึงมีการแบ่งส่วนราชการของกรมการศาสนาเดิม ออกเป็น 2 ส่วน คือ กรมการศาสนา สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นหน่วยงานขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แบ่งหน่วยงานภายในออกเป็น 12 หน่วยงาน ได้แก่ กลุ่มงานพัฒนาระบบบริหาร ,กลุ่มงานตรวจสอบภายใน, กลุ่มป้องกันและปราบปรามการทุจริต , กลุ่มคุ้มครองและส่งเสริมจริยธรรม
สำนัก/กอง ได้แก่  สำนักงานเลขานุการกรม , กองพุทธศาสนศึกษา ,กองพุทธศาสนสถาน ,สำนักงานพุทธมณฑล ,สำนักงานศาสนสมบัติ .สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม
มี สถาบันพระสังฆาธิการ อีก 1 หน่วยงาน  ได้แก่  กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
อีกทั้งหน่วยงานส่วนภูมิภาค คือ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด 75 จังหวัด


ซึ่งพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้เซ็นคำสั่งที่ 1064/2560 และ1066 ลงวันที่ 3 ต.ค. เรื่องย้ายข้าราชการ จำนวนมากว่า 12-14 ราย แต่ที่น่าสนใจ จากการตรวจสอบได้ปรากฏ หนึ่งรายชื่อที่น่าสนใจ ก็คือ “นายฉัตรชัย ชูเชื้อ” เดิมผอ.กองพุทธศาสนสถาน มาเป็นผอ.พศจ.ปทุมธานี เหตุผลที่น่าสนใจ เพราะนายฉัตรชัย เป็น1 ใน 19 ผู้ต้องหา กลุ่มก้อนเดียวกับนายพนม ศรศิลป์ และนายนพรัตน์ เบญจวัฒนะ 2อดีตผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)  อยู่ในส่วนการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดครั้งที่สอง ซึ่งเป็นการตรวจสอบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภท คือ 
1.อุดหนุนบูรณะปฎิสังขรณ์วัดและพัฒนาวัด 
2.อุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
 และ 3.อุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา-แผนกธรรม-แผนกบาลี มีวัดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน 23 วัด พบเส้นทางทุจริตตั้งแต่ปี 55-60 ความเสียหายสูงถึง 141 ล้านบาท

และในกองพุทธศาสนสถาน ที่นายฉัตรชัยได้ประจำอยู่ก่อนถูกโยกย้ายมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
     1. กลุ่มศาสนสถานและควบคุมทะเบียนวัด
         มีหน้าที่ในการดำเนินการ สร้างวัด ตั้งวัด ยุบ รวม ย้าย เปลี่ยนชื่อ เพิ่มชื่อลงในทะเบียนวัด ถอนชื่อวัดจากระบบทะเบียนวัด จัดสรรเงินอุดหนุนพระอารามหลวง และมีหน้าที่รับผิดชอบการขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมา การจัดพิธีมอบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การพระราชทานวิสุงคามสีมา
     2. กลุ่มบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์
         มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดสรรเงินบูรณะพัฒนาวัด ที่วัดได้ทำเรื่องขอมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในรูปแบบเงินอุดหนุนสบทบทุนก่อสร้าง บูรณะวัด การจัดสรรเงินให้แก่วัดที่ประสบวินาศภัย อุทกภัย วาตภัย จัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่พระและวัดในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น
 

   3. ฝ่ายออกแบบและก่อสร้าง
         มีหน้าที่เกี่ยวกับการพิจารณาแบบการก่อสร้างวัด การให้แบบมาตรฐานของสิ่งก่อสร้างในวัด เกี่ยวกับการก่อสร้าง การตกแต่ง ต่อเติม อาคาร สถานที่ที่จะดำเนินการสร้าง 
     4. ฝ่ายสำรวจและรังวัดที่ดิน
         มีหน้าที่เกี่ยวกับการสำรวจรังวัด  พื้นที่ที่จะสร้างวัด และพื้นที่ที่มีกรณีพิพาทระหว่างวัดกับเอกชน ราชการ หรือหน่วยงานอื่นๆ และพื้นที่ที่เป็นศาสนสมบัติกลาง ที่วัดร้าง

 

 ทั้งนี้นายฉัตรชัยได้เข้าพบพนักงานสอบสวนตำรวจป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)  เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้การปฏิเสธ ระบุเพียงว่าเพิ่งมารับตำแหน่งได้ไม่นาน จึงไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องดังกล่าวและยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน 

อย่างไรก็ตามสำหรับการโยกย้ายครั้งใหญ่ในครั้งนี้ มีอีกหนึ่งประเด็นที่หน้าสนใจ นั่นก็คือตำแหน่งผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสำคัญในการประสานงานกับมหาเถรสมาคม(มส.)นั้น ยังคงไม่มีการแต่งตั้งให้ข้าราชการคนใดมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว และอาจเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.พงศ์พร จะเข้ามาดูในตำแหน่งดังกล่าวด้วยตนเอง
ทั้งนี้ต้องจับตากันต่อไปว่าการโยกย้ายในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเข้ามาดำเนินการสะสาการทุจริตเงินทอนวัดหรือไม่ ที่สำคัญบทบาทต่อไปของพ.ต.ท.พงศ์พรจะเป็นอย่าง เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกวัน