- 12 ต.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th
๓๖๔ วัน กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทย หลังจากที่ทางสำนักพระราชวังได้ปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๐ นับจากวันนี้ก็เป็นเวลากว่า ๓๖๓ วัน ในวันที่แผ่นดินสิ้นพ่อหลวง ผู้เป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย แต่ความดีและคำสอนของพ่อยังติดตรึงตราในหัวใจของคนไทยไปตลอดกาล
ย้อนไปเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ ก่อนที่คนไทยทั้งแผ่นดินจะหัวใจสลายกับข่าวร้ายที่เกิดขึ้น ทางสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ ๓๘ ว่า
วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ความดันพระโลหิตลดต่ำลงอีก พระชีพจรเร็วขึ้น ร่วมกับภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้นอีก ผลของการถวายตรวจพระโลหิตบ่งชี้ว่า มีภาวะการติดเชื้อและการทำงานของยกนะ (ตับ) ผิดปรกติ คณะแพทย์ฯ ได้ถวายพระโอสถปฏิชีวนะและแก้ไขภาวะพระโลหิตมีความเป็นกรด ตลอดจนถวายพระโอสถควบคุมความดันพระโลหิตเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งถวายเครื่องช่วยหายพระทัย (Ventilator) และถวายการรักษาด้วยวิธีทดแทนไต (CRRT) พระอาการประชวรโดยรวมยังไม่คงที่ ต้องควบคุมด้วยพระโอสถ คณะแพทย์ฯ ได้เฝ้าติดตามพระอาการและถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
สำหรับในวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๙ ยังมีพสกนิกรหลั่งไหลเดินทางเข้ามาถวายพระพรในหลวงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนบางส่วนปักหลักเฝ้าพระอาการประชวรของในหลวงอย่างใกล้ชิด รวมถึงพสกนิกรภายในต่างจังหวัดก็คอยติดตามพระอาการประชวรและร่วมกันสวดมนต์เพื่อถวายพระพรให้ในหลวงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน นอกจากนี้ภายในโรงพยาบาลศิริราชก็มีประชาชนนำพัดมาแจกจ่ายให้กับพสกนิกรที่เฝ้าติดตามพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลศิริราช พร้อมนำบทสวดมนต์มาแจกจ่ายให้พสกนิกรร่วมตั้งจิตอธิษฐานให้ในหลวงหายจากพระอาการประชวร
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักพระราชวัง