ไหนบอกไม่ยุ่งเกี่ยวพวกล้มเจ้า?? มือดีแชะภาพ ทักษิณยิ้มระรื่น กินข้าว-ดื่มไวน์ กับ "ดารุณี" !! งานนี้จะฟ้องใครดี ?? (ชมภาพ)

จากกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวระบุว่า"ผมได้ทราบข่าวเรื่องข้อความจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยมีการกล่าวอ้างถึงชื่อผม ด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง

ผมขอยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบุคคลดังกล่าว และไม่เคยแม้แต่จะคิด ที่จะล่วงเกินสถาบันฯ เลยแม้แต่น้อย ผมขอประณามในวิธีการดังกล่าว และยืนยันที่จะเอาเรื่องจนถึงที่สุด ในการที่นำชื่อผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมขอประกาศให้ทราบไว้ ณ ที่นี้ว่า ไม่ว่าใครที่ผมจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม หากมีการแอบอ้างหรือพาดพิงถึงตัวผม โดยมีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูงอีก ผมจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินคดีกับทุกคน" 

 

ไหนบอกไม่ยุ่งเกี่ยวพวกล้มเจ้า?? มือดีแชะภาพ ทักษิณยิ้มระรื่น กินข้าว-ดื่มไวน์ กับ "ดารุณี" !! งานนี้จะฟ้องใครดี ?? (ชมภาพ)

ต่อมานายทักษิณ ชินวัตร ได้มีการมอบหมายให้ พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อมกับ นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความ เดินทางมายังสำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ อาคารเอ ถ.แจ้งวัฒนะ ยื่นหนังสือต่อ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงในกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่าอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นายทักษิณ ข้อหาหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และขอให้ทบทวนคำสั่งฟ้องดังกล่าว 

ทางด้าน นายโชคชัย กล่าวว่า เหตุที่มายื่นหนังสือ นั้นเนื่องจากนายทักษิณ ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่าอัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องตนในข้อหามาตรา 112 กรณีให้สัมภาษณ์สื่อที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเมื่อปี 2558 จึงต้องการทราบข้อเท็จจริงว่ามีคำสั่งฟ้องจริงหรือไม่ และหากมีคำสั่งฟ้องจริง จะขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าวใหม่ เนื่องจากเห็นว่ามีความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประการ

ทั้งนี้ ยืนยันว่า นายทักษิณ มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การมีคำสั่งฟ้องจึงอาจถูกแรงกดดันจากการเมือง โดยไม่ได้เป็นไปอย่างอิสระ ซึ่งนายทักษิณได้เคยร้องขอให้มีการสอบพยานที่เป็นผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ที่เกาหลี แต่ทรบว่ายังไม่มีการดำเนินการ และพยานที่มาให้ถ้อยคำหากเป็นพยานที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมือง อาจแปลคำให้สัมภาษณ์บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงได้

อย่างไรก็ตาม นายทักษิณ ขอให้มีการสอบปากคำให้การพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก เพื่อให้การสอบสวนได้มีการรับฟังความจากทุกฝ่าย และเป็นไปโดยความถูกต้องเที่ยงธรรม รวมถึงอยากฝากว่าการที่จะฟ้องผู้ใด จะต้องพิจารณาองค์ประกอบความผิดทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายในเรื่องเจตนาให้ชัดเจน ไม่ใช่การแปลความถ้อยคำให้เป็นผลร้ายโดยที่มิได้พิจารณาพฤติกรรมอื่นประกอบ

โดยจากกรณีดังกล่าวนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Chatpan Chotchuang  ได้มีการเผยแพร่ภาพลับที่ทำให้นายทักษิณ นั้นต้องไปทบทวนว่าจริงๆแล้วตัวเองนั้นคิดเช่นไร โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าวนั้นได้มีการโพสต์ภาพ พร้อมข้อความโดยระบุว่า ปฏิเสธลั่น ไม่เกี่ยวข้อง ไม่สนับสนุน ไม่คบหาพวกที่มีพฤติการณ์ล้มล้างสถาบัน.....มีความจงรักภักดีตลอดมา แต่พฤติกรรมมันฟ้อง เพื่อนส่งภาพจาก Washington D.C., U.S.A. สองวันที่ผ่านมา ที่ ภัตตาคารจีน แห่งหนึ่ง ผู้ร่วมโต๊ะกับทักษิณคนหนึ่ง คือ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย ผู้ต้องหาหลบหนีความผิดมาตรา 112 ........!?

ไหนบอกไม่ยุ่งเกี่ยวพวกล้มเจ้า?? มือดีแชะภาพ ทักษิณยิ้มระรื่น กินข้าว-ดื่มไวน์ กับ "ดารุณี" !! งานนี้จะฟ้องใครดี ?? (ชมภาพ)

ไหนบอกไม่ยุ่งเกี่ยวพวกล้มเจ้า?? มือดีแชะภาพ ทักษิณยิ้มระรื่น กินข้าว-ดื่มไวน์ กับ "ดารุณี" !! งานนี้จะฟ้องใครดี ?? (ชมภาพ)

ไหนบอกไม่ยุ่งเกี่ยวพวกล้มเจ้า?? มือดีแชะภาพ ทักษิณยิ้มระรื่น กินข้าว-ดื่มไวน์ กับ "ดารุณี" !! งานนี้จะฟ้องใครดี ?? (ชมภาพ)

ขอบคุณภาพจาก Chatpan Chotchuang

เสียงเนื้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ผ่านเว็บไซต์ 

และคดีพิเศษที่ 42/54 กล่าวหา นายมนูญ หรือ เอนก ชัยชนะ โทรศัพท์แสดงความคิดเห็นกับสื่อท้องถิ่นประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2549 กรณีการเลือกตั้งเป็นโมฆะ มีข้อความพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มีการดำเนินการขอให้มีการส่งตัวนายมนูญเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาไม่มีความผิดข้อหานี้ จึงไม่เข้าเงื่อนไขของการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 นายเอนกมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 10 ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 49/2557 ลงวันที่ 4 มิ.ย. 57 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม โดยในเวลานั้น นายเอนกให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะไม่เดินทางกลับมารายงานตัวต่อ คสช.เด็ดขาดโดยระบุว่าเพราะตนเป็นพลเมืองของประเทศอื่น ทั้งยังขู่ที่จะฟ้ององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อีกด้วย ทั้งนี้หลังรัฐประหาร 2557 เฟซบุ๊กร้านอาหาร King of Thai Noodle ยังปรากฎว่ามีการโพสต์เผยแพร่ข้อมูลของคนเสื้อแดงและการต่อต้านรัฐประหารในประเทศไทยจำนวนมาก

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ยังมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง สำหรับขบวนการล้มเจ้า หนึ่งในนั้นคือเครือข่ายแดงสยามของนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ที่เดินทางหลบหนีคดีไปต่างประเทศด้วยการชูธงปฏิวัติเปลี่ยนระบอบ และโค่นล้มสถาบันเบื้องสูง  เช่นการจัดรายการผ่านทางยูทูปเมื่อวันที่ 9พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ยังคงพูดถึงการเปลี่ยนระบอบเหมือนเดิม 

ในอดีตที่ผ่านมานายสุรชัยถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนจะได้รับการพระราชทานอภัยโทษออกมาและได้ร่วมเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงมาโดยตลอด อย่างเช่น เข้าร่วมการชุมนุมขับไล่ คมช. ที่ท้องสนามหลวง และต่อมาได้แยกตัวออกมาจัดตั้งกลุ่ม "แดงสยาม" ร่วมกับนายจักรภพ เพ็ญแข 

ชัดเจนว่านายสุรชัยมีแนวคิดทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนระบอบและโค่นล้มสถาบันอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำยังไม่เคยสำนึกแม้ว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา

แต่คำถามประการสำคัญก็คือ เหตุใดนายทักษิณ ที่อ้างตัวว่ามีความจงรักภักดีถึงให้การสนับสนุนนายสุรชัยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และไม่เคยพูดสักครั้งว่านายสุรชัยมีพฤติกรรมหมิ่นเหม่สถาบันอย่างไร

หากยังจำกันได้นายสุรชัย เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ภายหลังพ้นโทษว่า เสื้อแดงใหญ่ ขนาดติดคุกผู้คุมยังไม่กล้า เดี๋ยวนี้เสื้อแดงเข้าคุกไม่ใช่ถูกผู้คุมขู่ แต่เสื้อแดงกลับขู่ผู้คุม ตนอยู่ในคุกเป็นพี่ใหญ่ เสื้อแดงเข้ามาต้องดูแล ขนาดเสื้อเหลืองเข้ามาตนก็ต้องดูแล ที่น่าสงสารคือ คนเสื้อเหลืองที่เริ่มเข้าคุกกันแล้ว ที่น่าสงสารเพราะเขาไม่มีสถานภาพอะไรเลย ฝ่ายประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยมาดูแล พันธมิตรฯ ก็ไม่มาดูแล ไม่เหมือนเสื้อแดงมีนักโทษเก่า ผู้คุม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ดูแล แม่แต่นายใหญ่ดูไบก็ดูแล ส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 3,000 ทุกเดือน

นายสุรชัย ขอขอบคุณรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ที่ดูแลเป็นอย่างดีในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ โดยดูแลต่างจากนักโทษทั่วไป

ไม่เพียงเท่านั้นรอบตัวนายทักษิณ ยังมีบุคคลที่หลบหนีหมายจับศาลและพำนักอยู่ต่างประเทศ และมีพฤติกรรมส่อเสียดต่อการล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงมาโดยตลอด เพื่อให้เห็นภาพยกตัวอย่างเช่น นางดารุณี กฤตบุญญาลัย

หากถามถึงพฤติกรรมของ ดารุณี กฤตบุญญาลัย   เมื่อวันที่  22 ก.พ. 2555  ทอล์คโชว์บนเวทีปราศรัย ในงานครบรอบ 1 ปีการถูกจองจำของนาย สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ด้วยการพูดคำสรรพนามถึงบุคคลที่สามว่า ไอ้นั่นกับอีนี่ พร้อมกับพูดถึงความหมายโดยอ้อมว่าเรื่องราวของบุคคลทั้งสอง ถูกปิดเป็นความลับ ทำให้ประชาชนหูหนวกตาบอดเป็นใบ้ เพราะเห็นอะไรก็พูดไม่ได้    หรือในงานฌาปนกิจศพนายอำพล  ตั้งนพกุล   เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2555 นางดารุณีก็พูดถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ว่าเป็น "มาตราบังคับรัก"    

กระทั่งย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3  1ธ.ค.2554 ในงาน COUNTDOWN หน้าเรือนจำพิเศษ นางดารุณี  ก็ร้องเพลงตะโกนบอกฟ้า ซึ่งเป็นรหัสลับในหมู่คนเสื้อแดง ที่ต่างรู้กันดีว่าฟ้าที่ว่านั้นหมายถึงใคร  เป็นต้น

ขณะที่ขบวนการล้มเจ้า ก็เคลื่อนไหวสอดรับ โดยคลิปที่มีการเผยแพร่เมื่อ 5 พ.ย. 58 ไฮไลท์เข้มข้นเสวนาข้ามโลกรำลึก 9 ปี นวมทองไพรวัลย์ ปัญหาหลักและทางออกของประเทศและประชาชนไทย

มีเสียงของผู้จัดตอนหนึ่ง ซึ่งเรียกตัวเองว่าพี่ดา มีน้ำเสียงคล้ายคลึงกับนางดารุณี กฤตบุญญาลัย พูดถึงการเปลี่ยนระบอบให้เป็นสาธารณรัฐอย่างชัดเจน

ซึ่งอีกหนึ่งคนที่จะนำยกมาให้เห็นภาพ ก็คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ก็เคยถูกดำเนินคดีในการกระทำความผิดมาตรา 112  คดีนี้เกิดขึ้นจากกรณีที่ นายจักรภพ กล่าวคำบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ เรื่องประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2550 โดยมีเนื้อหาการบรรยายที่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112