สังคมถามหา "ลูกโอ๊ค-แวร์ อาร์ ยู"?! หลังพิษฟอกเงินฯ ทำเงียบจ้อย ผู้รู้ฟันธง 24 ต.ค.นี้ ส่อเบี้ยว DSI ตามถนัด ซ้ำรอยพ่อ-อาสาวประพฤติไว้ 

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

"ลูกโอ๊ค Where are you"!! พิษฟอกเงินกรุงไทยทำ"เสี่ยโอ๊ค"เงียบจ้อย ผู้รู้ฟันธง 24 ต.ค.นี้ ส่อเบี้ยว DSI ที่เรียกรับทราบข้อกล่าวหาคดีดังกล่าว แม้จะไม่ถึงกับย่ำรอยเท้าพ่อและอาสาว ที่กลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี เพราะกรณีของเขายังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน หรือ DSI แต่ผู้สันทัดกรณีหลายรายก็วิเคราะห์ตรงกันว่า 24 ตุลาฯ นี้ เขาคงไม่โผล่ไปที่กรมสวบสวนคดีพิเศษแน่ ๆ เพราะนั่นเป็นบุคลิกเฉพาะที่คนในครอบครัวนี้ก็ทำให้เห็นแล้ว 2 คนดังกล่าว และก่อนวันที่ 24 เขายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะเดินทาง...หรือจะเรียกว่าหลบหนีไปไหน...ยังไม่มีปัญหา หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่...จะใช้ช่องทางตามกฎหมายต่อสู้คดีอย่างไรค่อยว่ากัน  ขณะที่หากจับสังเกตจากทางสถานีโทรทัศน์ Voice TV ซึ่งถือเป็นสื่อในมือของเขา...ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ในกรณี "เสี่ยโอ๊ค" กรณีนี้...


อย่างไรก็ตาม หากจะทำความเข้าใจคดีนี้ต้องย้อนกลับไปถึงชั้นการสอบสวนของ “ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ซึ่งเกิดขึ้นหลังเกิดการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยพล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน โดยตอนที่ คตส. สรุปสำนวนคดีส่งให้ ป.ป.ช. ไต่สวนต่อนั้น (คือ คตส.หมดหน้าที่ และหน่วยงานที่ทำคดีต่อ คือ ป.ป.ช.)  ในสำนวนของ คตส. มีผู้กระทำความผิดถึง 31 คน  และกรรมการ คตส. บางท่าน เคยระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การดำเนินการปล่อยกู้มีการดำเนินการเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การอนุมัติสินเชื่อโดยเร่งด่วน มีเงินที่นำไปให้พวกพ้อง มีการ "โอนเงินให้ "ลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่" ที่เป็นผู้สั่งการให้อนุมัติสินเชื่อ จากนั้นก็โอนเงินให้บิดาของอดีต ส.ส.ลูกพรรค และโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของบิดา, เลขาฯ ส่วนตัว ของภรรยาหัวหน้าพรรค เป็นเหตุให้ธนาคารกรุงไทยเสียหาย 4.5 พันล้านบาท" กรรมการ คตส. ท่านหนึ่ง ให้เบาะแส ซึ่งเกิดจากการตรวจพบเส้นทางการเงินที่โยงใยถึง  "ลูกชายของหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่" ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน


 

และจากแฟ้มสำนวนคดีแบงก์กรุงไทยฯ ของ คตส. ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า มติของคณะกรรมการตรวจสอบฯ ซึ่งพิจารณาในการประชุมครั้งที่ 28/2551 เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ได้มีมติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนายพานทองแท้ ว่า “ส่วนผู้ที่ได้รับเงินจากการกระทำความผิด คตส. เห็นว่า ให้ดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ฐานรับของโจร เป็นจำนวน 4 ราย แม้บุคคลเหล่านั้นไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกับบุคคล 27 รายข้างต้น แต่ได้รับเงินที่ได้จากการกระทำความผิดฐานยักยอก และช่วยปิดบังซ่อนเร้นอันทำให้ยากต่อการติดตาม และบุคคลทั้งสี่นี้ให้แยกสำนวนไปดำเนินคดีในศาลอาญาต่อไป”

 

อย่างไรก็ตาม คดีนี้เมื่ออัยการสูงสุด ตัดสินใจเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย 2555 หรือเมื่อกว่า 5 ปีก่อน โดยมี นายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 นอกนั้นก็มี กรรมการบริหาร, กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย และกลุ่มบริษัทเอกชน รวม 27 รายเป็นจำเลยร่วม หลังจากถูกสังคมตั้งคำถามกรณีนี้อย่างหนักหน่วง ว่าเหตุใดจึงอึดอาดนัก ทว่าในคำฟ้องนั้นกลับทำให้สังคมคลางแคลงใจยิ่งขึ้นไปอีก เพราะพบว่ามีถึง 4 คน ที่เคยถูก คตส. กล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้อย่างชัดเจน กลับหลุดคดี คือ อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และ 1 ในคนที่ได้ประโยชน์นั้น ได้แก่ "นายพานทองแท้ ชินวัตร" ที่หวนกลับมามีชื่อในสำนวนอีกครั้งในวันนี้


และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทาง DSI ได้เรียก "นายพานทองแท้ ชินวัตร" และพวกมารับทราบข้อกล่าวหาคดีอาญานี้ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 หรืออีก 7 วันข้างหน้านี้ จากนั้น DSI จะเร่งสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จ และส่งให้อัยการพิจารณา ก่อนที่คดีจะครบอายุความ 15 ปี ภายในกลางปี 2561

แต่ทว่า...เมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 7 วัน แต่ร่องรอยของนายพานทองแท้ กลับเงียบหายไปอย่างผิดปกติ มีเพียงน้องสาวที่ยังคงส่งเสียงให้สังคมได้รับรู้ จากกรณีล่าสุดที่นายทักษิณผู้พ่ออาจจะถูกตั้งข้อหาหมิ่นเบื้องสูง... ก็มีเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้นที่เคลื่อนไหว...ขณะที่ตัวเองเงียบกริบ

ต่อกรณีนี้สังคมจึงถามกันอย่างอื้ออึงว่า ฤา...นายพานทองแท้ได้หนีไปแล้งจริง ๆ เรื่องนี้หากจะให้หาคำตอบแบบจริง ๆ คงยากที่ใครจะหาคำตอบได้ แต่หากประมวลจากร่องรอย...ก็มีผู้รู้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเรื่องนี้  ศาสตราจารพิชาน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง แห่งมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ต้องข้อสังเกตผ่านรายการ "มุมมองของเจิมศักดิ์" ทางช่อง "WATCHDOG CHANNEL" ซึ่งเผยแพร่วานนี้ และนับเป็นข้อมูลที่น่าสนใจยิ่ง โดยหลัก ๆ แม้ ดร.เจิมศักดิ์ จะไม่ระบุว่า นายพานทองแท้จะหนีไปแล้วหรือไม่ และไม่ยืนยันว่าวันที่ 24 ตุลาฯ นายพานทองแท้จะปรากฏตัวที่ DSI หรือไม่

 

แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์กันจริง ๆ ถ้าจะต้องหลบ  ดร.เจิมศักดิ์ ก็ให้น้ำหนักว่า นายพานทองแท้ คงต้องหลบไปก่อนวันที่ 24 ตุลาคมแน่ เพราะเขายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะเดินทาง...หรือจะเรียกว่าหลบหนีไปไหน...ยังไม่มีปัญหาเรื่องคดีความ 

แต่หากหลบหนีหลังจากวันที่ 24 และถูกตั้งข้อหาจริง ๆ ซึ่งก็อาจต้องประกันตัวออกมา และติดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ...นั่นยิ่งยุ่งใหญ่...เพราะถือเป็นผู้ต้องหาแล้ว...แต่ทั้งหลายทั้งปวง ดร.เจิมศักดิ์ ก็ยืนยันว่า ต้องรอดูวันที่ 24 ตุลาฯ นี้อย่ากะพริบตา แต่โดยส่วนตัว...ก็เชื่อว่า...ยากที่พานทองแท้จะปรากฏตัววันที่ 24 ต.ค.นี้

ทรรศนะของ ดร.เจิมศักดิ์ นับว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง และถือว่าสอดคล้องกับ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้เคยออกมาเตือนถึงกรณีนี้เมื่อเดือนก่อนว่า หากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ นายพานทองแท้ อาจหนีตามอาคือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไปอยู่กับพ่อคือนายทักษิณ ชินวัตรที่ต่างประเทศอย่างแน่นอน ไม่กล้าอยู่ประเทศไทยในยุคที่กฎหมายบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกันแน่


ไม่เพียงแต่เท่านี้ เพราะหากมองไปที่สถานีโทรทัศน์ Voice TV ซึ่งถือเป็นสื่อในมือของพานทองแท้โดยตรง จะพบว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา แทบไม่เคยนำเสนอข่าวคดีนี้เลย...แถมเมื่อวัน 2 วันก่อน กลับหันไปจับประเด็นเรื่อง "ตูน บอดี้แสลม" วิ่งหาเงินช่วยโรงพยาบาล แล้วให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเรื่องห้องพักแพทย์หรู แต่ รพ.ต้องรอเงินจาก "ตูน"  จนถูกผู้บริจาคสร้างห้อง และชาวเน็ตจวกเละมาแล้ว...แต่ทว่า เรื่องคดีความของพานทองแท้ กลับก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ...และนั่นยิ่งทำให้หลายคนเชื่อแน่ว่า ฤา...พานทองแท้จะหนีไปแล้วจริง ๆ เพราะนั่นเป็นบุคลิกเฉพาะที่คนในครอบครัวนี้ก็ทำให้เห็นแล้ว 2 คน ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น

 

ขอบคุณพิเศษข้อมูลจาก : ศาสตราจารพิชาน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผ่านรายการ "มุมมองของเจิมศักดิ์" ทางช่อง "WATCHDOG CHANNEL"