#กำลังใจล้นหลาม..!! ขอกำลังใจส่งให้ "พลายชมพู" มีอาการดีขึ้น ทีมสัตวแพทย์ระดมกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และสุดกำลัง..!?(ชมคลิป)

พลายชมพูถึงลำปางแล้ว เมื่อเช้ามืดของวันนี้ 20 ตุลาคม 2560 เวลา 05.00 น. โดยได้ออกเดินทางจาก อ.เนินมะปรางมาตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของวันที่ 19 ตุลาคม 2560 ใช้เวลาในการนำพลายชมพูมาถึงลำปางกว่า 10 ชั่วโมง โดยรถบรรทุกได้นำพลายชมพูช้างป่าที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดลอยมาในคลองชมพู หมู่ 3 บ้านชมภู ต.ชมพู อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาและได้นำมาทำการรักษาที่โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ  ถ.ลำปาง-เชียงใหม่ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง

ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ระดมทีมสัตวแพทย์จากหลายที่ อาทิ คณะทีมสัตวแพทย์กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คณะทีมสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะทีมสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตร และคณะทีมสัตวแพทย์โรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ เข้ามาช่วยทำการรักษาพลายชมพูเป็นการเร่งด่วน เพราะพลายชมพูมีร่างกายอ่อนเพลีย ขาไม่มีแรง โดยเฉพาะขาหลังทั้งสองข้างไม่สามารถใช้การได้และขาด้านหน้าทั้งสองข้างไม่มีแรง ไม่สามารถยืนได้เอง ต้องใช้รถแบ๊คโฮสองคันช่วยในการพยุงตัวพลายชมพูให้ลุกขึ้นยืนและได้ให้น้ำเกลือ ยาแก้ปวด ยาบำรุง แก่พลายชมพู โดยได้นำกองหญ้าและทรายมาวางไว้ข้างๆลำตัวพลายชมพูเพื่อให้เอนตัวพักได้สบายเวลาที่อ่อนเพลีย

ทางด้านนายภพปภพ ลรรพรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ กล่าวว่า"หลังจากได้ช่วยกันนำช้างออกมาจากที่เกิดเหตุที่พิษณุโลก ทุกภาคส่วนได้บูรณาการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยใช้อุปกรณ์ในการยึดตึงช้างและหลังจากทำการยึดตึงช้างได้ก็จะได้ทำการรักษาช้างในขั้นตอนต่อไป และทำการบำรุงตามหลักวิชาของทีมสัตวแพทย์และพิสูจน์ทราบเกี่ยวกับการบาดเจ็บของช้างว่าสาเหตุของการยืนด้วยขาหลังไม่ได้เป็นด้วยเหตุใด เพราะที่สถานบันคชบาลแห่งชาติแห่งนี้มีความพร้อมและอุปกรณ์ในการรักษา 90 เปอร์เซนต์ มีเครื่องมือเอ๊กซเรย์ มีทีมแพทย์ ที่เดินทางมาจากหลายๆที่ พร้อมทุ่มเทให้กับการรักษาพลายชมพูอย่างเต็มที่และจะมีการประชุมกันตลอดเพื่อหาวิธีรักษาช้างทุกวิถีทาง และฝากวิงวอนพี่น้องชาวไทยส่งแรงใจมาให้พลายชมพูมีอาการดีขึ้นด้วย"

ข่าว.อัมรินทร์ วะนะวิเชียร ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักทีนิวส์ จังหวัดลำปาง.
(ขอขอบคุณภาพข่าว.ภาวินันท์ บุตรหล้า)