นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช. และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร กับพวก รวม 5 คน

    วันนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 18.00 น. ที่บริเวณหน้า ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีบุตรชาย ญาติพี่น้อง และทนายความ นางเบญจา มารอรับการปล่อยตัวของ นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร,น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย, และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร  กระทั่งเวลา 19.14 น.นางเบญจา ได้เดินออกมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง โดยมีบุตรชายนำร่มสีขาว มากางเพื่อปิดบัง ก่อนนำรถตู้โฟร์ค คาราเวล สีดำ ทะเบียน ฮธ 8888 กรุงเทพฯ ที่มาจอดรับที่หน้าประตูทัณฑสถานหญิงกลาง ออกไปทันที โดยไม่ให้สัมภาษ์ใด ๆ ส่วนด้าน นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ได้รับการปล่อยตัวเช่นกัน ที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

 

 

     โดย นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช. และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร กับพวก รวม 5 คน ได้รับการปล่อยตัวหลังศาลฎีกาอนุญาติให้ประกันตัวชั่วคราว พร้อมยึดพาสปอร์ตห้ามออกนอกประเทศ

ย้อนกลับไป เมื่อวันที่19 ตุลาคม ที่ผ่านมา  ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ถ.สีคาม ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย , น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย , นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดของเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 

ยึดพาสปอร์ต!! ปล่อยตัวชั่วคราว "เบญจา หลุยเจริญ " พร้อมลูกน้อง ...สั่งห้ามออกนอกประเทศ!! (รายละเอียด)

 

 

คดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องแผนกคดีทุจริตฯ ในศาลอาญา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม58 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากรปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งการกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย