เปลือยหมดเปลือก-ความละโภบ"คนในระบอบทักษิณ"?! ทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ-เงินตรา สมคำ"เงินจ้างผีโม่แป้งได้" จริงไม่จริง "เบญจา"ก็เป็นรายล่าสุด! 

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


เปลือยความละโภบ "คนในระบอบทักษิณ" มัวเมาลุ่มหลงในอำนาจ-เงินตราที่ "นายใหญ่" หยิยยื่นให้ สมคำร่ำลือ "เงินจ้างผีโม่แป้งได้"...จริงหรือไม่ "เบญจา หลุยเจริญ" ที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับ ลูกชาย-ลูกสาวนายใหญ่ ซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯ ก็เป็นตัวอย่างรายล่าสุดที่สังคมได้ประจักษ์...อย่าว่าแต่ก่อนหน้านี้   "แกนนำเสื้อแดง" ตระกูล "สู้แล้วรวย" หลายคนก็อู้ฟู้ขึ้นแบบผิดหูผิดตา...จากการจัดม็อบคนเสื้อแดงขย่มประเทศไทย ก่อนจะจบลงด้วยการทิ้งบาดแผลไว้กับแผ่นดิน...เผาบ้านเผาเมือง ขณะแกนนำผู้จัดม็อบก็รับ "ท่อน้ำเลี้ยง" ไปเมื่อปี 2553


เมื่อวัน 2 วันก่อนมีข่าวใหญ่สั่นสะเทือน "ระบอบทักษิณ" เป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ คดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยศาลอุทธรณ์ฯ ได้พิพากษจำคุก นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร และพวก รวมทั้ง น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรยานายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ คนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา...คำพิพากษานั้นชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่า...คนในเครือข่ายทักษิณ...ฉ้อฉลเช่นไร...และบั้นปลายชีวิตจะจบลงเช่นไร 


โดยเฉพาะ "นางเบญจา" ที่ได้เป็นใหญ่ เพราะ "ระบอบทักษิณ" หยิบยื่นให้เป็นตัวอย่างที่ดี ข้อมูลระบุ นางเบญจา ได้ดีในยุค "ไทยรักไทย" ครองเมืองโดยแท้ ว่ากันว่าเธอเป็นสายตรงของ "บ้านจันทร์ส่องหล้า" ทีเดียว เพราะก่อนหน้าที่เมืองไทยจะมีนายกฯ ชื่อทักษิณ ชินวัตร จากไทยรักไทยเมื่อปี 2544 ก่อนหน้านั้นช่วงปี 2533-2539 นางเบญจา เป็นแค่ข้าราชการระดับหัวหน้าฝ่ายธรรมดา ๆ เท่านั้น

 

...คือ เธอเป็น "หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบภาษี 1 สำนักงานสรรพากรเขต 7 และหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบภาษีอากร 1 กองตรวจภาษรอากร" ตามลำดับ ก่อนจะขึ้นมาเป็น "สรรพากรพื้นที่" ในช่วงปี 2539-2541 และก้าวกระโดดขึ้นเป็นระดับ "ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบภาษี" เมื่อปี 2544 อันเป็นปีเดียวกับที่ "ระบอบทักษิณ" สยายปีกเข้าครองอำนาจในเมืองไทย...และจากนั้นเธอขยับฐานะเรื่อยมา....กระทั่งเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร ในปี  2546  และต่อมาถึงเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต ในปี พ.ศ. 2554  ก่อนจะลาออกจากราชการ เพื่อมารับตำแหน่ง รมช.คลัง ในยุค "หญิงปู"  เมื่อปี 2556 ภายใต้โควต้าพิเศษ...สายตรง "จันทร์ส่องหล้า"

 

และในห้วงยามที่เป็น "รองอธิบดีกรมสรรพากร" นั่นเอง...ที่เธอใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับ ลูกชาย-ลูกสาวนายใหญ่ ซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปฯ โดยหลีกเลี่ยงภาษี หรือเสียน้อยกว่าที่ควรจะต้องเสีย และเป็นเหตุให้ ศาลอุทธรณ์ฯ ตัดสินจำคุกเธอ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญาเมื่อ 2-3 วันก่อน

 

โดยขณะนั้นเธอดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี (ซี 10) ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากร ได้ลงนามในหนังสือกรมสรรพากรที่ กค 0706/7896 ตอบข้อหารือนางสาวปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ ว่า “กรณีนายพานทองแท้ และนางสาวพินทองทา ชินวัตร ซื้อหุ้นชินคอร์ปในราคาต่ำกว่าราคาตลาด เป็นการซื้อทรัพย์สินในราคาถูก ซึ่งเป็นเรื่องของการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย อันเป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปของการซื้อขายตามมาตรา 453 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ส่วนต่างของราคาซื้อกับราคาตลาดไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนกรณีบริษัทแอมเพิลริชขายหุ้นชินคอร์ปฯ ให้นายพานทองแท้และนางสาวพินทองทา ชินวัตร ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ก็ไม่เข้าข่ายพนักงาน หรือกรรมการได้รับแจกหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 เพราะหุ้นชินคอร์ปฯ ที่บริษัทแอมเพิลริชซื้อไว้ถือเป็นทรัพย์สินหรือสินค้าของบริษัท ไม่ใช่หุ้นที่บริษัทแอมเพิลริชเป็นผู้ออกเอง

 

นั่นเองจึงเป็นที่มาของการถูกจำคุก 3 ปี เพราะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และจะว่าไปแล้ว...เส้นทางของนางเบญจา แทบไม่ต่างอะไรกับ "แกนนำเสื้อแดง" ตระกูล "สู้แล้วรวย" รวมทั้งข้าราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่น ๆ ที่ยอมสวามิภักดิ์เป็น..."ม้าใช้"....ให้ "ระบอบทักษิณ" ทั้งหลายแหล่เลยสักนิด...


แน่นอน...เมื่อกล้าเสี่ยงทำงานให้...ย่อมได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า...จาก "ระบอบทักษิณ" เรื่องนี้คอการเมืองรู้กันดี เช่นกับที่...นางเบญจา...ได้รับมาโดยตลอด...นับจากที่ยอมเป็น "คนในระบอบทักษิณ" ขณะที่  "แกนนำแดงสู้แล้วรวย" หลายคนก็มีฐานะอู้ฟู้ขึ้นแบบผิดหูผิดตา...กระทั่งบางคนขึ้นไปเป็นถึง "รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์" และถูกเรียกว่า "อำมาตย์" เสียเองก็เคยมาแล้ว

 

...หลายคนว่า...ความที่ "ทักษิณ" เข้าใจความละโมภของมนุษย์นี่เอง...จึงยังคงมี "คนทำงานให้เขา" ไม่ขาดสาย ทั้งที่ตัวอย่างก็มีให้เห็นเยอะแยะว่า...บั้นปลายคนพวกนี้ล้วนจบลงที่ "คุก-ตะราง" ทั้งกรณีปล่อยกู้กรุงไทยฯ ยักยอกข้าวไปขาย หวยบนดิน แก้สัญญาสัมปทานดาวเทียม (หมอเลี้ยบคุก 1 ปี) โกงจำนำข้าว-บุญทรง ฯลฯ และล่าสุด "เบญจา"  

 

แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ..."เงินจ้างผีโม่แป้งได้ฉันใด" อำนาจเงิน และอำนาจในเชิงอำนาจ...ที่ทักษิณ หยิบยื่นให้แก่คนที่ทำงานให้เขา...ก็ยังคงเป็นที่โหยหาของผู้ละโมภทั้งหลาย...ดังที่อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ท่านหนึ่ง เคยพูดไว้ว่า "อย่าประมาทเงินทักษิณ"...ดังเราท่านทั้งหลายคงได้ประจักษ์แล้ว...จากคดีความต่าง ๆ ที่ลิ่วล้อของเขาต้องประสบ รวมทั้งกรณีการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเมื่อปี 53 ก่อนจะจบลงด้วย...การเผาบ้านเผาเมือง...ก็ล้วนเกิดจาก...""เงินจ้างผีโม่แป้งได้" ทั้งสิ้น


...ส่วนคดีของเบญจานั้น...เป็นแค่หนึ่งในกระพี้ความผิดที่คนพวกนี้กระทำต่อบ้านเมือง เพราะจะยังมีเหตุการณ์ทำนองนี้...หมายถึงคดีความผิดที่คนในเครือข่ายทักษิณ กระทำต่อแผ่นดิน...ตามมาอีกมากมายหลายต่อหลายคดีนัก