ห้ามพลาด!!!... ปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ คืนนี้สังเกตดีดี ทางทิศตะวันออก พลาดแล้วต้องรอดูอีกทีปีหน้า

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://panyayan.tnews.co.th

ห้ามพลาด!!!... ปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ คืนนี้สังเกตดีดี ทางทิศตะวันออก พลาดแล้วต้องรอดูอีกทีปีหน้า
ห้ามพลาด!!!... ปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ คืนนี้สังเกตดีดี ทางทิศตะวันออก พลาดแล้วต้องรอดูอีกทีปีหน้า  สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เผยวันที่ ๒๑ ตุลาคมนี้ มีปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ อัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ ๒๐ ดวงต่อชั่วโมง สังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. เป็นต้นไป ทางทิศตะวันออก คืนดังกล่าวดวงจันทร์ขึ้น ๑ ค่ำ ไม่มีแสงจันทร์รบกวน เหมาะแก่การสังเกตการณ์ฝนดาวตกเป็นอย่างมาก แนะจุดชมให้อยู่ในที่มืดสนิทและห่างจากเมือง หากปลอดฝนชมด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ 

ห้ามพลาด!!!... ปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ คืนนี้สังเกตดีดี ทางทิศตะวันออก พลาดแล้วต้องรอดูอีกทีปีหน้า
ดร.ศรัณย์  โปษยะจินดา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ หรือ ฝนดาวตกกลุ่มดาวนายพราน เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ ๒ ตุลาคม – ๗ พฤศจิกายน ของทุกปี สำหรับปีนี้ มีอัตราการตกสูงสุดในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ ๒๐ ดวงต่อชั่วโมง มีศูนย์กลางการกระจายอยู่บริเวณแขนของกลุ่มดาวนายพราน ทางทิศตะวันออก สังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ ๒๓.๐๐ น. เป็นต้นไป ในคืนดังกล่าวตรงกับดวงจันทร์ข้างขึ้น ๑ ค่ำ เป็นคืนที่ท้องฟ้ามืดปราศจากแสงจันทร์รบกวน เหมาะแก่การสังเกตฝนดาวตกเป็นอย่างยิ่ง 

ห้ามพลาด!!!... ปรากฏการณ์ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ คืนนี้สังเกตดีดี ทางทิศตะวันออก พลาดแล้วต้องรอดูอีกทีปีหน้า
ดร. ศรัณย์ กล่าวเพิ่เติมว่า วิธีการสังเกตฝนดาวตกที่ดีที่สุด คือ มองด้วยตาเปล่า ในทิศทางการกระจายตัวของฝนดาวตก เลือกสถานที่ที่ห่างจากแสงเมืองให้มากที่สุดจะทำให้เห็นดาวตกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากฟ้าใสไร้ฝนสามารถชมด้วยตาเปล่าได้ทั่วประเทศ และหากพลาดชมฝนดาวตกครั้งนี้ สามารถติดตามชมฝนดาวตกลีโอนิดส์ ในคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ได้อีกเช่นกัน
ฝนดาวตกโอไรโอนิดส์ เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นทางการโคจรของดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) ที่หลงเหลือเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากทิ้งไว้ในวงโคจรขณะเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์เมื่อปี ๒๕๕๙ แรงโน้มถ่วงของโลกจึงดึงดูดเศษฝุ่นและวัตถุดังกล่าวเข้ามาเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการลุกไหม้ เห็นเป็นแสงวาบคล้ายลูกไฟพุ่งกระจายตัวออกมาบริเวณกลุ่มดาวนายพราน มีสีเหลืองและเขียว สวยงามพาดผ่านท้องฟ้า
ที่มา Facebook : NARITpage  กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) 
        Website : www.narit.or.th