อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th

อีกหนึ่งเรื่องเล่าจากคนใกล้ชิด ที่พูดถึงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับความกล้าหาญที่คนไทยหลายคนยังไม่เคยรู้มาก่อน โดยนางสนองพระโอษฐ์ ผู้ถวายงานใกล้ชิดกว่า 44 ปี ได้บอกเล่าเหตุการณ์สุดประทับใจตอนหนึ่งผ่านนิตยสารแพรว ไว้ดังนี้ว่า 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ (นางสนองพระโอษฐ์)

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ผู้อยู่เคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ว่าในหลวงจะเสด็จพระราชดำเนินไปแห่งหนใด เป็นภาพที่คุ้นตาและประทับใจคนไทยทั้งแผ่นดิน นอกจากความสง่างาม ความอ่อนหวานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พระผู้เปรียบเสมือนแม่ของแผ่นดิน ที่หลายคนได้เห็นเบื้องหน้าแล้ว ก็ยังมีอีกมุมหนึ่งแห่งความกล้าหาญ ความเข้มแข็งของพระองค์ที่ชาวไทยหลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน 
 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ นางสนองพระโอษฐ์และราชเลขานุการในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ผู้ตามเสด็จและถวายงานแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เป็นเวลานานกว่า 44 ปี ได้เปิดเผยกับนิตยสารแพรว ว่า ได้มีโอกาสตามเสด็จไปยังพื้นที่ทุรกันดารทั่วประเทศ ทำให้ได้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพ พระราชกรณียกิจ และพระเมตตาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ซึ่งหลายครั้งที่ตามเสด็จไปจะเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย โดยเฉพาะในสมัยที่พรรคคอมมิวนิสต์มีอิทธิพล 

    


ซึ่งเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปกิ่ง อ.ดงหลวง (ปัจจุบันเป็น อ.ดงหลวง) ตั้งอยู่ในจ.นครพนม ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่ค่อนข้างรุนแรงมาก ขณะนั้นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์และท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ มีหน้าที่สังเกตการณ์พื้นที่ล่วงหน้า และต้องปลอมตัวเป็นชาวบ้านเข้าไปที่ตลาดนาแก นุ่งผ้าถุง ไม่แต่งหน้า ใส่แว่นสายตา หิ้วตะกร้าหนึ่งใบ แล้วนั่งรถสองแถวเข้าไปในพื้นที่ พอไปถึงปรากฏว่าทางการเปลี่ยนแผนไม่ให้พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปบริเวณนั้น เพราะเกรงจะเกิดอันตราย 

 


 
ขณะนั้นชาวบ้านมารอกันเต็มไปหมดแล้ว พอรู้ว่าทางการเปลี่ยนแผนจึงน้อยใจว่าทำไมพระราชินีมาบ้านเขาไม่ได้ จากที่นั่งอยู่เป็นร้อย ๆ คนลุกเดินกลับเข้าหมู่บ้านหมดในทันที พอเห็นอย่างนั้น ท่านผู้หญิงสุประภาดาบอกดิฉันว่าท่านจะดูแลสถานการณ์ตรงนั้น ให้ดิฉันนั่งรถไปกับทหารเพื่อกราบบังคมทูลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ขอพระราชทานวินิจฉัยว่า เมื่อเสร็จพระราชกิจตรงนั้น จะขอพระราชทานให้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่ จากนั้นดิฉันก็นั่งรถยนต์ของทหารรีบไปถึงให้เร็วที่สุด พอไปถึงดิฉันรีบบอกท่านแม่ทัพตามที่เล่าไว้ข้างต้น ตอนนั้นพลเอกเปรมไม่อยากให้พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินไปและเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ก็รับสั่งทันทีว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไป โดยให้ทูลกระหม่อมทั้งสองพระองค์รออยู่ที่เดิม จะเสด็จพระราชดำเนินไปพระองค์เดียว

          


หลังจากนั้นท่านผู้หญิงจรุงจิตต์และท่านผู้หญิงสุประภาดา จึงแสดงตัวและประกาศว่าสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 จะเสด็จพระราชดำเนินชาวบ้านดีใจรีบกลับมากันเนืองแน่นเหมือนเดิมในพริบตา และเมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาถึงก็มีพระราชปฏิสันถารกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ระหว่างนั้นได้มีเครื่องบินอารักขาบินสังเกตการณ์อยู่รอบ ๆ พอเครื่องบินไปถึงชายป่าก็มีเสียงปืนดังปังๆ แสงไฟพุ่งวาบไปทางเครื่องบิน พระองค์ท่านก็ทรงได้ยิน แต่ไม่ทรงแสดงว่าจะต้องรีบเสด็จพระราชดำเนินกลับ ยังรับสั่งถามสารทุกข์สุกดิบ และทรงเยี่ยมราษฎรจนเสร็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงกล้าหาญเหลือเกิน พระองค์ท่านไม่เคยละทิ้งประชาชนเลย ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ของพสกนิกรเสมอ

 


นอกจากนี้ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ บอกว่า การที่ได้เข้ามารับใช้พระองค์ท่านอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ถือเป็นความภูมิใจสูงสุดของชีวิต และเมื่อมีโอกาสถวายงานก็ได้เห็นน้ำพระราชหฤทัยว่าทรงรักประเทศชาติ ทรงอยากให้ประเทศไทยมีความมั่นคงยั่งยืน คนไทยควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดูพระราชกรณียกิจของทั้งสองพระองค์ให้ลึกซึ้ง อย่าดูแต่ฉาบฉวย ทุกพระราชกรณียกิจทรงทำเพื่อประชาชนคนไทยทั้งสิ้น ทรงไม่เคยหวังผลตอบแทนใดๆ แม้แต่น้อย 

 

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

อ่านจบน้ำตาซึม... เรื่องเล่าจากนางสนองพระโอษฐ์ กับความกล้าหาญของ "สมเด็จพระราชินีฯ" ในรัชกาลที่ ๙  ที่คนไทยหลายล้านคนไม่เคยรู้มาก่อน

 

 

ขอบคุณข้อมูล : นิตยสารแพรว , kapook.com 

ขอบคุณภาพเฟซบุ๊ก : กรกฎ มโนรัตน์ทรรศมน สุนทรจักร