- 31 ต.ค. 2560
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/
จากเหตุการ เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2560 ตั้งแต่เวลา 17.40 น. ประชาชนจำนวนมากรวมตัวบริเวณจุดจัดตั้งพระเมรุมาศจำลอง ศาลากลางจังหวัดชลบุรี เรียกร้องให้นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตอบคำถามถึงการจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนที่มารวมตัวระบุว่าไม่ได้วางดอกไม้จันทน์ในวันดังกล่าว ชาวบ้านระบุว่า ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถวางดอกไม้จันทน์ได้ เนื่องจากการจัดงานไม่มีระบบ แถมผู้ว่ายังมาเปิดงานช้าคนต่อแถวรอกันยาว ขณะที่คนแก่หลายคนเป็นลมเพราะแดดที่ร้อนจัด พอเปิดงานเสร็จก็ให้ข้าราชการลัดคิววางได้ตามใจชอบไม่จำกัดเวลา ซึ่งทำให้ประชาชนมองว่านี่คือ 2 มาตารฐานรึป่าว ทำไมถึงไม่มาต่อคิวเหมือนชาวบ้านเขา แล้วกว่าชาวบ้านตาดำๆจะได้เข้าไปวาง ก็ใช้เวลานานมากเพราะต้องรอข้าราชการวางหมดก่อน ดูแล้วไม่เป็นธรรม จนหลายเพจสาธารณะได้นำไปโพส์และแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ชื่อว่า ตามุย ยายเอียด ได้โพสต์ข้อความไว้อย่างน่าสนใจ และกินใจ จนคนมากมายแห่แชร์ รายละเอียดดังภาพ
ต่อมา นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เปิดเผยว่า การจัดงานให้ประชาชนวางดอกไม้จันทร์เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร ในครั้งนี้ขอชี้แจงให้ทราบว่า ข้อแรกคือเป็นพระราชพิธี ทางจังหวัดชลบุรี ได้ทำตามประเพณีที่ได้รับสั่งมาซึ่งทุกจังหวัดทั่วประเทศก็ถือปฎิบัติกัน ทางจังหวัดชลบุรี ได้เตรียมการพร้อมไว้ทุกด้าน นับตั้งแต่พระราชพิธีเริ่มเวลา 09.00 น.ตนมาถึงก่อนประมาณ 8 โมงเช้า พอถึง 9 โมงตนเป็นประธานก็เริ่มวางดอกไม้จันทน์ ต่อมาก็เป็นพระสงฆ์ และตามด้วยข้าราชการที่แต่งกายเต็มยศ และประชาชน เป็นพระราชพิธีที่การวางวดอกไม้จันทร์นั้นต้องเดินมาที่พระเมรุมาศจำลอง เพื่อความเรียบร้อยได้จัดให้วางครั้งละ 4 พาน ต่อมาประชาชนมามากขึ้นก็เพิ่มเป็น 8 พาน และในช่วงบ่ายเห็นว่าประชาชนยังมากอยู่ก็เพิ่มเป็น 20 พาน ขั้นตอนการวางดอกไม้จันทน์ก็วางไปเรื่อยๆ และหยุดพักคอยก็ทำพร้อมกับพระราชพิธีที่กรุงเทพฯ ประชาชนชาวจังหวัดชลบุรีมาเยอะมาก เราก็มีประชาชนจิตอาสา นำน้ำดื่ม อาหารเตรียมไว้ให้ และได้เตรียมที่นั่งสำหรับประชาชน 1 หมื่นที่นั่งภายในเต้นส์ แต่คนที่เหลือก็ต้องยืนเข้าแถวรอ และตนก็เปิดให้ประชาชนทุกคนได้วางดอกไม้จันทร์จนครบทุกคนตนยืนยัน
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่ทีนิวส์สอบถามจากผู้รู้มา คือ ธรรมเนียมนี้เคยเป็นพระราชประเณีในช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในสมัยนั้นผู้มีตำแหน่งเฝ้าในงานพระราชพิธีต้องเป็นข้าราชการหรือผู้ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาพิเศษ เช่น นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง (วชิราวุธวิทยาลัย) เท่านั้น แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลประชาธิปไตยท่านว่าคนไทยทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ผู้ที่จะเข้าเฝ้าฯ ในงานพระราชพิธีจึงไม่จำกัดเฉพาะข้าราชการ ประชาชนทั่วไปก็สามารถเข้าเฝ้าในงานพระราชพิธีได้ จึงได้มีการออกกฎหมายว่าด้วยเครื่องแต่งกายขอเฝ้า
นักเรียนรัฐศาสตร์ถูกสอนกันมาว่า ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์เสมอหน้ากัน แต่เวลาอย่างนี้ศิษย์เก่ารัฐศาสตร์กลับไปอ้างพระราชประเพณีในยุคก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือรัฐศาสตร์เขาสอนมาว่า อะไรที่เป็นประโยชน์กับตัวให้รับคว้าไว้ก่อน