ทำไมราคาหุ้น KBANK ถึง แพงกว่า SCB???

ติดตามรายละเอียด /เพจRichman can do

ติดตามรายละเอียด /เพจRichman can do

ทำไมราคาหุ้น KBANK ถึง แพงกว่า SCB???

น่าตามไปดูว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) เพราะขณะนี้โบรกเกอร์จากหลายค่ายต่างให้ น้ำหนัก หุ้น KBANK มากกว่า หุ้น SCB  โดยให้ราคา หุ้นกสิกร อยู่ระหว่าง 240-250 บาท ส่วน ไทยพาณิชย์  150-180  บาท
ทั้ง ๆ ที่ ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนในปีนี้  จะพบว่า ไทยพาณิชย์ ทำกำไรได้ถึง 33,953 ล้านบาท ส่วนกสิกรไทย 28,631 ล้านบาท ซึ่ง SCB มีผลดำเนินงานที่ดีกว่ากสิกร

 

 

ทำไมราคาหุ้น KBANK ถึง แพงกว่า SCB???

อย่างไรก็ตาม ถ้าดูเนื้อในจะพบว่า KBANK มีจุดเด่นกว่า SCB คือ
1.การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ลดลง  ความสามารถทำกำไรจะมากขึ้น
ขณะที่ SCB ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น    กำไรก็น่าจะลดตามภาระจ่ายเพิ่ม 
2.ขณะนี้มูลค่าบริษัทของกสิกรไทย คือ Market Capitalization ได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 มีมูลค่า 526,517 ล้านบาท ส่วน SCB อยู่ที่ 499,681 ล้านบาท
ประเด็นเหล่านี้น่าจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้ โบรกเกอร์กลับใจ หันมาซื้ออนาคต หุ้นKBANK มากกว่า SCB  เช่น ....  บล.ทิสโก้ แนะนำ“ซื้อ” KBANK มูลค่าเหมาะสม 240 บาท
โดยให้เหตุผลว่า เป้าหมายทางการเงินในปี 2018  ตั้งเป้าหมายสินเชื่อโต 5-7%  CEO แบงก์ มองเศรษฐกิจมหภาคในเชิงรับ  เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ไม่เกิน 4% หากรัฐบาลไม่สามารถเริ่มการปฏิรูปประเทศได้ ในด้านของสินเชื่อมองว่าสินเชื่อของ SME จะมีการเติบโตที่ต่ำ และได้มีการตั้งสำรองตามมาตรฐานบัญชีใหม่แล้ว นอกจากนี้ผู้บริหารยังมองว่าระบบของรายได้แบบเก่าจะไม่สามารถใช้งานได้ดี ทำให้ต้องมีการออกแบบระบบ IT และการตลาดใหม่เพื่อรองรับลูกค้ารุ่นใหม่ที่ไม่นิยมเข้าสาขา และ KBANK ต้องการอุปกรณ์ในการวิเคราะห์ Big Data เพื่อสร้างช่องทางใหม่ๆ ในการสร้างรายได้ และรักษาการเติบโตของ RoE แผนดังกล่าวจะช่วยให้ KBANK มีความเป็นผู้นำในการเติบโตของเศรษฐกิจยุคใหม่ และเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เป็นใจ
บล.บัวหลวง  บล.เคทีบี บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ บล.หยวนต้า และให้ราคาที่ 240-250 บาท    

 

ทำไมราคาหุ้น KBANK ถึง แพงกว่า SCB???

ด้าน หุ้น SCB หรือ ธนาคารไทยพาณิชย์ 
บล.ทิสโก้ และ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส มีมุมมองคล้ายกัน แนะนำ“ถือ” มูลค่าที่เหมาะสม 157 บาท บล.หยวนต้า ให้ราคาเหมาะสม 180 บาท 
เหตุผลที่ ทำให้โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ปรับราคาหุ้น SCB ลงมา จะเทน้ำหนักไปที่เรื่องการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น จึงกังวลว่า ความสามารถทำกำไรจะลดลงตามไปด้วย 
SCB เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2560 ว่ามีกำไร 10,130.22 ล้านบาท หรือ 2.98 บาท/หุ้น ลดลง 12.2% จากงวดเดียวกันปี 2559 ที่มีกำไร 11,532.89 ล้านบาท หรือ 3.40 บาท/หุ้น  เป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่ม เตรียมการปฎิบัติตามมาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่จะใช้ในปี 2562 และค่าใช้จ่ายการดำเนินงานพุ่งเพื่อปรับองค์กรสู่ดิจิทัล ด้านราคาหุ้นทำนิวโลว์รอบ 2 เดือน อยู่ระดับ 147 บาท หลังประกาศงบไตรมาส 3/60 กำไรต่ำกว่าคาด เหตุสำรองหนี้พุ่ง 
อย่างไรก็ตาม วันนี้ 1 พ.ย. ผู้บริหาร SCB จะให้ข้อมูลกับนักวิเคราะห์ คงต้องชี้แจงและตอบคำถามหนักเรื่องตั้งสำรองหนี้ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งคงหนีไม่พ้นลูกหนี้เจ้าดังอย่าง บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ  PACE ที่ทำธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับราคาแพง และเป็นปัจจัยเสี่ยงของ SCB ….. Richman can do จะติดตามคำชี้แจงของผู้บริหาร SCB มานำเสนอต่อไป............