ขอตอบเอง!! "สนธิญาณ"ฟันธงอนาคต"บิ๊กตู่" เดินหน้าทางการเมือง!! คาดนำพาไปสู่การ "ปรับครม." ในระยะเวลาอันใกล้ หลังงานมหามงคลของชาติ!!

จากกรณีนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาชี้แจงอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชน บางช่วงว่า ตนอยากถามว่านายวรชัยเป็นใคร เเล้วตนเป็นใคร เเละไม่จำเป็นต้องไปตอบคำถามเขา แต่เขาควรจะตอบคำถามตนมากกว่า เอาแค่นั้น ขอให้อนาคตเป็นเรื่องของตนเอง

 

จากนั้นทางคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานบริหาร และบรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอระเด็นดังกล่าว ..วันนี้การเมืองได้เดินมาถึงจุดเปลี่ยนอันสำคัญ คุณวรชัย เหมะขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบเสียทีว่าจะเอาอย่างไร ความจริง ตนตอบคุณวรชัย แทนพล.อ.ประยุทธ์ได้เลย ว่าอนาคตจะเอาอย่างไร พล.อประยุทธ์ ถามว่าจะถามทำไม เป็นเรื่องท่าน พอจะนึกออกหรือไม่ แต่ตนตอบได้เลยว่า พล.อ.ประยุทธ์คิดเรื่องการเมืองในวันข้างหน้า เพราะถ้าไม่คิดพล.อ.ประยุทธ์ จะปฏิเสธไปแล้ว ดังนั้นต้องทบทวนเรื่องนี้กันดู จะได้เข้าใจบริบททางการเมือง คือพล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจในช่วงปีปฏิเสธว่าไม่สืบทอดอำนาจ และปฏิเสธมาโดยตลอด แต่พอมาถึงระยะของปีที่2 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พูดเรื่องปฏิเสธเลย คือไม่ปฏิเสธเท่ากับยอมรับ เพียงแต่ไม่พูดตรองๆ ทำไมตอนถึงพูดแบบนี้ เป็นการให้ร้ายหรือไม่ เพราะว่าการเมืองที่บอกว่ามาถึงจุดเปลี่ยน และอยากให้เข้าใจ ก่อนหน้าจะเกิดเหตุการยึดอำนาจ การเมืองได้แบ่งเป็น2ขั้ว แต่ความจริงไม่ใช้2ขั้ว มัอยู่4-5ขั้ว แต่ มันมีโครงสร้างทางการเมืองใหญ่อยู่2โครง โครงหนึ่งคือโครงที่เชียร์ "ระบอบทักษิณ" อีกโครงหนึ่งเป็นโครงที่เชียร์ "สถาบันพระมหากษัตริย์"  ซึ่งในฝั่งที่เชียร์"ระบอบทักษิณ" ก็มีอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง 1.นักวิชาการ นักประชาธิปไตยที่มีจิตใจบริสุทธิ์จริงๆ คิดให้มุมของตนเอง ต่อมา 2.เป็นนักการเมือง ที่ทำมาหากินอยู่กับการเมือง 3.คือพวกขบวนการล้มเจ้าที่มาแห่อยุ่กับระบอบทักษิณและระยะหลังนคุณทักษิณก็เข้ามาสำพันธ์เกี่ยวข้องกับคนกลุ่มนี้

ต่อมาอีกฝั่งหนึ่งก็แบบเดียวกัน คือฝั่งที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ข้างในก็ตีกันเละ ก่อรูปก่อร่างมาด้วย "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" แต่ในนั้นก็มีฝั่ง พันธมิตรฯ กับฝั่ง"พรรคประชาธิปัตย์" วันหนึ่งตอนที่ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาเป็นนายกฯ พันธมิตรฯก็จวกรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นว่าต่างก็มีขั้วของกันและกัน ซึ่งในพันธมิตรฯเอง ที่มารวมกันมีทั้ง นักวิชาการ ผู้ใช้แรงงาน ผู้มีปัญญาชน คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ASTV เป็นแกนนำ วันหนึ่งกลุ่มสหภาพแรงงานก็แตกไปเลย กลุ่มคุณสมศักดิ์ โกศัยสุข กลุ่มคุณสาวิทย์ แก้วหวาน กลุ่มแรงงานก็แตกออกไป ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่อมาเป็นกลุ่มกปปส. กลุ่มเดิมๆ3-4กลุ่มก็มารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ รวมเสร็จก็ไม่ได้คิดเหมือนกันหมดแยกกัน และในพรรคประชาธิปัตย์เอง ที่มาร่วมในกปปส.วันนี้ก็แยกเป็นสองส่วนแล้ว ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับกลุ่มกปปส. นี่คือสภาพการทางการเมืองที่เกิดขึ้

 
เลือกตั้งประชาชนเอง ต้องมีมุมคิดอะไรที่แปลกใหม่ขึ้น ตั้งคำถามว่า "เอ๊ะ!! จะยังไงนะ ? " ให้เห็นภาพดังนี้ ..วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย พูดเป็นเสียงเดียวกัน และพูดเป็นเสียงเดียวมาตลอด ตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญมาแล้ว ว่ารับไม่รับ ซึ่งทั้งสองพรรคพูดเป็นเสียงกันเลยว่า "ไม่รับ" อีกฝั่งหนึ่งคือใคร? นั่นก็คือฝั่งที่ร่างรัฐธรรมนูญ ก็คือคสช.และกองทัพ ซึ่งมีฐานหลักอยู่ เพราะฉะนั้นตอนที่รับ-ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญแบ่งเป็น 2ขั้ว คือขั้วที่ ฝั่งพรรคการเมืองเป็นผู้นำ และฝั่งทั้คสช.เป็นผู้นำ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นของคสช. คนส่วนใหญ่รับร่างรัฐธรรมนูญ แน่นอนทิศทางมองเห็นว่า ฝ่ายรับ "เชียร์คสช."
 
 
 
แต่ข้อเท็จจริงทางการเมือง.. ก็คือเวลาเลือกตั้งถ้าคสช.ไม่ตั้งพรรค และคสช.จะเอาอะไรไปเลือก ? ก็แสดงว่าการเมืองวนมาอยุ่ในมือของฝั่งนักการเมือง แต่ในรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำอย่างนั้นทีเดียว ไปเปิดช่องเรื่องนายกคนนอกเอาไว้ด้วย เหมือนกับเปิดช่องไว้ให้คสช.หรือกองทัพที่จะเข้าไป พร้อมทั้งให้มีวุฒิสภา250คน ในการที่จะเลือกนายก ซึ่งความรู้สึกของประชาชน ในตอนนี้คิดไม่ได้ว่านี่คือประชาธิปัตย์ นีคือเพื่อไทย นีคือกปปส. ..ไม่ใช่!  ภาพรวมของการเมืองมันมีความซับซ้อนอยู่ในตัวของการเมืองเอง เราก็ต้องมาดูกันต่อว่า เมื่อถึงเวลานี้ อย่างไรก็ตามแต่จะเรียกพรรคหรือไม่ มันมีการเดินเกมในอำนาจทางการเมืองเป็น 2ขั้วแน่นอน ระหว่างนักเลือกตั้ง กองทัพ และคสช. ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถามเลยว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเอาอย่างไร จะเดินหน้าไม่เดินหน้า

ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เดินหน้าอยู่แล้ว แต่จะเดินในรูปแบบไหนก็ไม่เผยไต๋ออกมา อยู่ที่ประชาชนจะเชียร์หรือไม่เชียร์ อยู่ที่กระแสตอนนี้ เป็นไงเรื่องราคายาง แก้ปัญหาจริงไหม ไม่แก้ ดีแต่พูดแต่ปาก หรือแก้จริงแต่ 
เงื่อนไขข้อจำกัดมันเป็นอย่างนี้ เรื่องน้ำ ทำแล้วจริง เห็นผลเป็นบางส่วน หรือเหลว เหมือนสมัยคุณยิ่งลักษณ์ มันมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบอยู่ ดังนั้นในระยะที่จะเดินต่อไป การเมืองก็ต้องออกมาเป็น2กระแส ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีพรรคทหารหรือคสช. ที่ไม่ได้จดทะเบียนในรูปลักษณ์ของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคนี้ตอนนี้ควบคุมอำนาจในการบริหารบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้รู้สึกแบบเดิม ที่จะเข้ามาขั้นเวลา แต่เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง มีหน้าที่ต้องทำ และไม่รู้สึกผิดที่ตนยึดอำนาจเข้ามา ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย ภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนเข้ามาด้วยซ้ำไป ว่าเขามาเพื่อทำงานให้บ้านเมือง "ดูสิผมทำไปตั้งเยอะแล้ว" ถามกลับว่าพรรคการเมืองทำอะไรบ้าง  
 

 

ซึ่งตนก็พูดจริงๆกับพรรคการทั้ง2ฝ่ายที่ตนรู้จัก ตนถามว่าคุณทำไมไม่พูดเรื่องนโยบายบาง ทำไมคุณไม่พูดบ้างว่าเลือกตั้งครั้งหน้าคุณจะพาประเทศให้พ้นวิกฤตอย่างไร เพราะที่ผ่านมาประชาชนเขามองว่า วิกฤตมันเกิดขึ้นเพราะนักการเมือง ทำไมไม่นำเสนอว่าตอนนี้ นโยบายโลกเป็นแบบนี้ ต่างประเทศเป็นกันอย่างไร สภาวะอากาศโลกเป็นอย่าไร ซึ่งมันไม่มีข้อห้ามแต่พรรคการเมืองก็ไม่ทำ เหมือนที่นายกเขามา แล้วทำไมคุณไม่ตอบ  มาพูดเรื่องปลดล๊อคเพื่อต้องการเคลื่อนไหวของการเมือง แต่เรื่องที่ทำได้ในเชิงแจกแจงนโยบาย ที่ตนเองจะบริหาร นายกเป็นคนพูดเอง ซึ่งถ้าถามแบบนี้แปลว่านักการเมืองพูดได้ ก็ออกมาพูด เพราะเป็นงานทางวิชาการแต่สิ่งที่ตนเองมาเรียกร้อง "ปลดล็อค" ทั้ง2พรรคเหมือนกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ประชาชนคิดใคร่ครวญ และเชื่อวันทีมงานของนายกก็คิดเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้จะนำพาไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีในระยะเวลาอันใกล้ หลังงานมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

 เพราะถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้คิดเรื่องการเมืองจะไม่มีการปรับ มาด้วยกัน ตายไปด้วยกัน แต่ถ้าเดินทางการเมืองต่อ ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้กระแสเสียงในการสนับสนุน ที่มีอยู่2ขั้วระหว่างนักเลือกตั้ง กับฝั่งกองทัพที่มีพล.อ.ประยุทธ์ มันเห็นอยู่แล้ว ไม่ปรับไม่ได้ มีคนที่มีจุดอ่อน จุดบอด  พล.อ.ประยุทธ์ ในแง่ของโพลทุกสำนักเข้ามา ไม่เคยมีนายกคนไหนได้รับความนิยมเท่านี้ แม้ในปัจจุบัน แต่6เดือนหลังลดลงเลื่อยๆ มันเป็นธรรมดา แต่ถึงลดลงก็ยังสูงกว่าเดิมๆที่เคยได้  เพราะฉะนั้น ตนขอฟันธงว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์เดินต่อจึงหน้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี