ตายกูก็พูดไม่ได้-เหมือนถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด! "อัยการ"เผยคำอุทธรณ์"จีทูเจี๊ยะ" เสร็จเดือนพ.ย.นี้ รอบนี้กวาดโรงสี พ่วง"บุญทรง-ภูมิ" อีกดอกใหญ่

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

ตายกูก็พูดไม่ได้-เหมือนถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็ไม่ปาน...เมื่อ "อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน" เผยเมื่อวัน 2 วันก่อนว่า ร่างคำอุทธรณ์คดี "จีทูเจี๊ยะ" น่าจะเสร็จทันเดือน พ.ย. นี้ ทั้งบุญทรง-ภูมิ โดนอีก แต่หลักใหญ่จะเน้นกลุ่มเอกชน และโรงสีข้าวที่ศาลฯ ยกฟ้องไป แต่คราวนี้จะพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ เพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่ง 


วันนี้ (3 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 2 วันก่อน นายกิตินันท์ ธัชประมุข อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้า การอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีว่า ต้นเดือน พ.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะทำงาน เพื่อสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดี ซึ่งได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางเช่นไร โดยหลักใหญ่จะเน้นกลุ่มเอกชน และโรงสีข้าวที่ศาลฯ ได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป 

 

"ในส่วนนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ เพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่ง โดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มิอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้” นายกิตินันท์ เผย

 

ขณะที่เมื่อถามว่า อัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 ช่วงสิ้นเดือน พ.ย.หรือไม่ นายกิตินันท์ กล่าวว่า น่าจะทันเพราะขณะนี้มีความพร้อมในการร่างอุธรณ์ไว้แล้ว เพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้ง โดยในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 1-2 นั้น ได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว และขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้ง 2 แล้ว ระหว่างนี้จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไป ซึ่งมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมาก ทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก

 

ส่วนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้น และยกประโยชน์ให้จำเลยบางกรณี ต่อเรื่องนี้จะมีผลอย่างไรหรือไม่นั้น นายกิตินันท์ กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว โดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวมทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อเนื่องมา จนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขาย ด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี ดังนั้นแม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบฯในช่วงของการระบายข้าว แต่ถือเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้อง และศาลมีคำพิพากษาตามบทลงโทษนั้นแล้ว โดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน