“สนธิญาณ “ชี้ พล.อ.ประยุทธ์ แม้อยากปรับครม.ก็ไม่ง่าย!!!!

ค่อนข้างแน่ชัดแล้วสำหรับประแสข่าวการปรับ ครม. ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมากระหึ่มขึ้นอีกครั้ง หลังมีข่าวการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ของ พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล แบบยกทีม  ซึ่งเกิดขึ้นภายหลัง พลเอกประยุทธ์  ใช้ มาตรา 44 ออกคำสั่งให้ นายวรานนท์ ปีติวรรณ พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมการจัดหางาน  ซึ่งทำให้ถูกจับตามองว่า การลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของ พล.อ. ศิริชัย เพื่อเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนตำแหน่งใน ครม. ได้อย่างสะดวกขึ้น เพื่อนำไปสู่การปรับใหญ่คณะรัฐมนตรี ในเร็ว ๆ นี้

 

ทางคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ประธานบริหาร และบรรณาธิการอำนวยการ สำนักข่าวทีนิวส์ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอระเด็นดังกล่าว ..

ทางเดียวไม่เลี้ยวไปไหนแน่นอนอยู่แล้ว !! ต้องเลี้ยวไปสู่ทางปรับครม. เป็นอย่างอื่นไม่ได้ประเด็นที่กำลังออกข่าวใครผิดใครถูกก็ว่ากันไป เพราะมันเป็นแหล่งข่าว แต่สิ่งที่เป็นจริง ตนเชื่อว่าทุกเรื่องจะมีระบอบของการจัดสรรคมันเมื่อถึงเวลา มันจะต้องมีเหตุให้เกิดอย่างหนึ่ง เพื่อนำไปสู่เหตุการณ์อย่างหนึ่ง เพื่อคนๆหนึ่งทำหน้าที่อย่างหนึ่ง คนๆหนึ่งไม่ต้องทำหน้าที่อย่างหนึ่ง เรียกว่า”กรรมจัดสรรค” ไม่เกิดกรณีที่ก.แรงงาน เรื่องปรับครม. มันจะล่องลอยมาก ซึ่งทุกคนคาดคิดได้ ว่ากการปรับครม.จะเกิด แต่มันจะล่องลอย วันนี้ข้อที่1 ปรับครม. 100% และ100%ข้อที่2 ปรับก่อนปีใหม่ หลังงานมหามงคลบรมราชาภิเษกเสร็จ ต้องมีการปรับ ทำไม??วันนี้ชัดเจน นายกฯบอกเลย เดี๋ยวมีคนรักษาการที่ก.แรงงาน การรักษาการแปลว่า “เดียวมีเรื่องต้องทำ...ตอนนี้รักษาการไปก่อน” รอทั้งโขยงที่เดียว ทั้งคณะ จะมากจะน้อยก็ตามแต่ เพราะฉะนั้น 3 เหตุผลนี้ปรับครม.ก่อนสิ้นปีแน่นอน เพราะรอนานไม่ได้ เดี๋ยวก.แรงงานเสีย!! เราก็มาดูต่อไปว่าการปรับครมที่จะเกิด ขึ้น มีการพูดกันอีก “ทหารจะน้อยลง” มืออาชีพ หรือ คนนอก จะเข้ามามากขึ้น 

 

มีประเด็นที่น่าสนใจและต้องพิจารณาอยู่เรื่อง ต้องเรียนให้เข้าใจว่า ตนเป็นคนที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเชียร์พล.อ.ประยุทธ์ นี่พูดเรื่องจริง ไม่มีการเล่นลิ้น เพราะฉะนั้น การปรับครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่เอาทหาร จะเอาใครเข้ามา? การเป็นในรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต่างกัน!! แต่ขอไม่พูดเกร่งจะหาว่าไปโจมตีนักการเมืองจะโกง จะกิน จะทุจริต คอรับชั่น แต่การเป็นรัฐมนตรี มันมีอำนาจที่จะนำงบประมาณลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชน ทำให้คะแนนเสียงกว้างขว้างได้ ไม่ต้องทุจริต คอรับชั่นมันก็มีประโยชน์ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

 

เพราะฉะนั้นนักการเมืองเขาจึงอยากมาเป็นรัฐมนตรี แต่คนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มีแต่จะเสมอตัวกับเสีย นี่เรื่องจริง ทำไม่ดีโดนจวก ทำดี ปั้นปลายชีวิต วิถีชีวิตที่เหลืออยู่เพียงปีเศษๆ มันจะคุ้มไหม ในการมาเป็นรัฐมนตรีที่เหนื่อยยาก เพราะฉะนั้นที่ผ่านมา เรียนเลยเคยมีคนได้รับการทาบทามอย่าว่าเป็นรัฐมนตรีเลย กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ งานอื่นๆที่นายกไปเชิญมา มีคนปฏิเสธเยอะ ประเภทที่เก่งๆ เพราะฉะนั้นไม่ง่าย! การปรับครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ง่าย แต่คำพูดที่หลุดออกมา บอกทหารน้อย ดังนั้นทหารต้องกลับมาดู มีอยู่3กลุ่ม 1. พี่ ..พี่2คนของพล.อ.ประยุทธ์ สำคัญมาก คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  พูดได้ ..ไม่มี”ประวิตร” ก็ไม่รู้จะมี “ประยุทธ์”หรือป่าว  แต่ไม่ได้หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีฝีมือ ส่งเสริมสนับสนุนกัน แต่ก่อนที่จะมี”ประวิตร” แล้วมามี”ประยุทธ์” ต้องมีอีกคนหนึ่งอีก ป.เหมือนกัน คือพี่ป๊อก  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นี่คือพี่2คน ที่พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นพี่!!

 

ก.แรงงาน เคยมีการบาดหมางกันมาแล้ว ระหว่าง กระทรวงกับนายก ตอนตั้งปลัดข้ามห้วยมาจากก.มหาดไทย ครั้งหนึ่งแล้ว มันเกิดความรู้สึกในใจ และแน่นอนว่าต้องมาจากพล.อ.อนุพงษ์ เพราะฉะนั้นต้องจับตา พี่2 คนนี้จะตั้งอยู่ที่ไหน จะตั้งอยู่เหมือนเดิมจะกอดคือไปจนสุดปลายทางหรือไม่

กลุ่มที่ 2 เพื่อน ..เพื่อนเนี่ยสำคัญ เพราะตอนยึดอำนาจเสี่ยงตายร่วมกันมา ยึดไม่สำเร็จบอกว่า คุณทักษิณสั่งรัฐบาลคอขาดลงเลย และล้างบางกองทัพเลย ประเทศจะเปลี่ยนไปเลย ซึ่งเมื่อเปลี่ยนไปแล้ว และหากบ้านเมืองมีเหตุการณ์ที่สำคัญจะเป็นอย่างไร? บอกแล้วกรรมจัดสรรค เทพ เทวดา พระสยามเทวาธิราช มีตา จึงทำให้เกิดขึ้น เพื่อนที่เคยจับมือกัน เอาชีวิตเข้าแลก เพื่อรัฐประหาร เพื่ออำนาจของตนเองหรือไม่ ?? ตอบว่าไม่ ย้ำเลยไม่ได้เพื่อตอนเอง แต่เพื่อต้องการแก้ปัญหาบ้านเมืองแน่นอน ฝั่งคนเสื้อแดง -พรรคเพื่อไทย อาจจะบอกเลย พวกคุณคือพวกอำมาตย์ ก็จัดกระบวนการ ดังนั้นกลุ่มนี้ก็ต้องจับตาอีก

หลายคนก็มีปัญหา ยกตัวอย่างสะคนหนึ่งที่เพื่อนสนิทเพื่อนรักพล.อ.ประยุทธ์มาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ คือให้เตรียมรับกระแสเรื่องข้าว กระแสเรื่องยาง บรรดาพรรคพวกพี่น้องกปปส.ที่อยู่ภาคใต้เชียร์พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด รับรัฐธรรมนูญก็รับ เจอเรื่องยางแบบนี้ก็ทนความกดดันของชาวบ้านไม่ไหว เพราะระหว่างที่เป็นแกนนำกปปส.  เขาก็เป็นนักการเมือง ต้องลงเลือกตั้งในสมัยต่อไป ข้อสรุปของฝั่งนี้ก็คือว่าคำตอบมีอย่างเดียวเลยว่า เป็นไปตามสถานการณ์ตลาดโลก แต่ก็ต้องมีมาตราการที่ชัดเจนในการแก้ไข  5เสือผูกขาดก็ยังผูกขาด ถ้ารัฐบาลทำแล้วก็ต้องไปชี้แจง ไปตอบกัน การดำเนินการขอ3ประเทศใหญ่ที่เป็นผู้ค้า อินโดเนียเซีย มาเลเซีย และไทย ที่คุมสถาการณ์ยาง แม้ที่อื่นจะผลิตเพิ่มขึ้น จีน อินเดียก็ตามแต่ แต่เขาก็บอกไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะฉะนั้นราคายาง ก็40บาท ขี้ยาง ติดลบหมด มันก็ยังค้างคาอยู่ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกพล.อ.ฉัตรชัย ยังทำงานดี อันนี้ก็เป็นประเด็น

 

กลุ่มที่3 คือกลุ่มน้อง มองให้ชัด กลุ่มน้องคือ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ร่วมแล้วส่งต่อไม้ในการดูแลอำนาจในปีแรกๆ ซึ่งสถาการณ์ยังคงคุกรุ่นจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ได้ ช่วยกันดูแลค้ำยัน เป็นขาให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

 

กลุ่มที่4 เป็นเพื่อนพล.อ.ประยุทธ์ และมาทางเครือข่ายคนสนิทพล.อ.ประยุทธ์ เช่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เป็นเพื่อนที่อยู่ในวงรัฐวิสาหกิจ เช่น นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อย่างนี้เป็นต้น กลุ่มนี้จะจัดการดำเนินการอย่าไงร มีปัญหากลุ่มชัดไม่ชัด ร่วมทั้งกลุ่มข้าราชการ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งตั้งแต่ไปอยู่ก็ไม่เห็นดำเนินการอย่างไร อาจจะเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่พล.อไพบูลย์ คุ้มฉายา แตกต่างกันเยอะ

 

กลุ่มที่5 กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งนำโดย อ.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายกจะเอาอย่างไร วัดได้ไหมกลุ่มตัวเลขต่างๆ GDP ต่างๆขยับขึ้นไหม อะไรต่างๆที่ดีขึ้น ซึ่งทีมอ.สมคิดทำดีขึ้นดีไหม และตรงนี้ก็หนัก ถ้าอ.สมคิดทำได้ไม่ดี แล้วจะทำอย่างไรต่อ เอาใครมาทำแทน ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะมีอ.สมคิด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคือ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล หม่อมอุ๋ย มาจากไหนก็เป็นทีมเซนต์คาเบรียล เป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทกับพล.อ.ประวิตร มาเพราะพล.อ.ประวิตรเซ็ททีม จากนั้นหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรก็ไปเซ็ตทีมเศรษฐกิจ นักวิชาการรุ่นเก๋ามาชุดหนึ่ง ตอนนี้โละไปแล้ว เอาออกแล้วใครแทนขึ้นมา ..ไม่ง่าย

 

ที่ลำดับความให้ฟัง เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนมาก็พูดได้มาเพื่อแก้ไขประเทศ แต่มาหลายๆปี พล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดถึงความเสียสละ ก็พูดมาเลื่อย แต่เรียนว่า การพูดบ่อยๆประชาชนก็รู้สึกเหมือนกัน ทุกคนทราบว่าท่านเข้ามาเพื่อแก้ไขบ้านเมือง แต่ก็รู้สึก เพราะ ไม่ว่าท่านจะเลือกตั้ง หรือ รัฐประหารเข้ามาก็แล้วแต่ เป็นการเสนอตัว  นักการเมืองเสนอตัวเพื่อให้ชาวบ้านหย่อนบัตร แต่ ท่านเสนอตัวโดยมีกองทัพมาอยู่ข้างหลัง ทั้งสองฝั่งคิดเหมือนกัน เป็นการเสนอตัวเข้ามา แต่นักการเมืองไม่น่าเชื่อถือเท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ หรือกองทัพ เพราะประวัติที่ผ่านมาของนักการเมืองซึ่งเห็นชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง จนคนส่วนใหญ่เขาเอือมระอา แต่ท่านจะบอกไม่ได้ว่าท่านไม่ใช่นักการเมือง จะปฏิเสธไม่ได้ ว่าท่านเสนอตัวเข้ามาวันนี้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ท่านจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง  เป็น 2ขยัก ขยักแรก คือ สถานการณ์ไปจะเรตติ้งที่สูงริ้ว จนมาถึง A++ มาถึงA+  จนA แต่ตอนนี้ลดลง ต้องจับให้ได้ระดับAเท่าเดิม ไปจนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าอย่างไรก็ตามแต่ ประชาชนส่วนใหญ่ยังหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกคนนอก