เลิกสร้างความยากลำบากใจ!! "รัฐมนตรี"ควรโชว์สปิริต "ต้องลาออก"!! เปิดทาง "บิ๊กตู่" ล้างไพ่ ครม. เรียกศรัทธาประชาชน

เลิกสร้างความยากลำบากใจ!! "รัฐมนตรี"ควรโชว์สปิริต "ต้องลาออก"!! เปิดทาง "บิ๊กตู่" ล้างไพ่ ครม. เรียกศรัทธาประชาชน

การปรับคระรัฐมนตรี (ครม.) "ประยุทธ์5"แต่แรกเริ่มเดิมทีมีกระแสสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความพยายามจะปรับ ครม.มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากติดงานพระราชพิธีสำคัญทำให้รัฐบาลต้องบริหารตามเดิมไปก่อน แต่เมื่องานใหญ่ได้ผ่านพ้นไป ประกอบกับเกิดกรณีที่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ต่อเนื่องจากการที่มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติปลดอธิบดีกรมการจัดหางาน และส่งผลให้ พล.อ.ศิริชัย พร้อมทีมงานยื่นใบลาออกยกทีม ดังนั้นทำให้มีการคาดการในการปรับครม.ในไม่ช้า ดีไม่ดีอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ เพราะรอนานไม่ได้ เดี๋ยวก.แรงงานเสียหาย!! และพิจารณาต่อไปว่าการปรับครมที่จะเกิด ขึ้น มีการพูดกันด้วยว่า “ทหารจะน้อยลง” มืออาชีพ หรือ คนนอก จะเข้ามามากขึ้น 

 

 การปรับครม.ของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ง่าย แต่คำพูดที่หลุดออกมา บอกทหารน้อย ดังนั้นทหารต้องกลับมาดู  ดังนั้นจึงต้องกลับมาพิจารณาตามกลุ่มก้อนของครม. โดยแบ่งได้

กลุ่มที่ 1. ” พี่ “..พี่2คนของพล.อ.ประยุทธ์ สำคัญมาก คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  อาจจะเรียกได้ว่า หากไม่มี”พล.อ.ประวิตร” ก็ไม่รู้จะมี “พล.อ.ประยุทธ์”หรือไม่??  แต่ไม่ได้หมายความว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีฝีมือ เพียงแต่เป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนกัน แต่ก่อนที่จะมี ป.”ประวิตร” แล้วมามี ป. ”ประยุทธ์” ต้องมีอีกคนหนึ่งอีก ป.เหมือนกัน คือ” บิ๊กป๊อก” หรือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นี่คือพี่ชาย 2 คน ที่พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่าเป็นพี่

 

กลุ่มที่ 2 “เพื่อน “  ที่สำคัญ เพราะตอนยึดอำนาจ เมื่อปี 2557 ได้ร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมา  เพื่อนที่เคยจับมือกัน เอาชีวิตเข้าแลก เพื่อรัฐประหาร ซึ่งหวังและต้องการแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งหากยึดอำนาจไม่สำเร็จ โทษถึงขั้นเป็นกบฏ ล้างบางกองทัพเลย  แต่ขณะนี้หลายคนก็มีปัญหา ยกตัวอย่างสะคนหนึ่งที่เพื่อนสนิทเพื่อนรักพล.อ.ประยุทธ์มาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ มิหน้ำซ้ำยังเรียนจบรุ่นเดียวกัน โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 12 (ตท.12) และ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 23 (จปร.23)  ซึ่งถูกโจมตีว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรได้เลย ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยาง หรือมัน

 

กลุ่มที่3 คือกลุ่มน้อง มองให้ชัด กลุ่มน้องคือ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ร่วมแล้วส่งต่อไม้ในการดูแลอำนาจในปีแรกๆ ซึ่งสถาการณ์ยังคงคุกรุ่นจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ได้ ช่วยกันดูแลค้ำยัน เป็นขาให้กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

กลุ่มที่4 เป็นกลุ่มที่มาทางเครือข่ายคนสนิทพล.อ.ประยุทธ์ เช่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เป็นเพื่อนที่อยู่ในวงรัฐวิสาหกิจ เช่น นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อย่างนี้เป็นต้น กลุ่มนี้จะจัดการดำเนินการอย่างไร มีปัญหากลุ่มชัดไม่ชัด ร่วมทั้งกลุ่มข้าราชการ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งตั้งแต่ไปอยู่ก็ไม่เห็นดำเนินการอย่างไร อาจจะเพราะเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่พล.อไพบูลย์ คุ้มฉายา แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

 

กลุ่มที่5 กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ ซึ่งนำโดย อ.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายกจะเอาอย่างไร วัดได้ไหมกลุ่มตัวเลขต่างๆ GDP ต่างๆขยับขึ้นไหม อะไรต่างๆที่ดีขึ้น ซึ่งทีมอ.สมคิดทำดีขึ้นดีไหม และตรงนี้ก็หนัก ถ้าอ.สมคิดทำได้ไม่ดี แล้วจะทำอย่างไรต่อ เอาใครมาทำแทน ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะมีอ.สมคิด หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคือ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล หม่อมอุ๋ย มาจากไหนก็เป็นทีมเซนต์คาเบรียล เป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทกับพล.อ.ประวิตร มาเพราะพล.อ.ประวิตรเซ็ททีม จากนั้นหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธรก็ไปเซ็ตทีมเศรษฐกิจ นักวิชาการรุ่นเก๋ามาชุดหนึ่ง ตอนนี้โละไปแล้ว เอาออกแล้วใครแทนขึ้นมา 

 

มาถึงตรงนี้ การปรับเปลี่ยนครม.ของพล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ง่าย และได้สร้างความยากลำบากใจให้พล.อ.ประยุทธ์เลยที่เดียว ทั้งนี้โดยสมาชิกของคณะรัฐมนตรีนั้นจะได้รับการเสนอชื่อโดยนายกรัฐมนตรีและได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการโดยพระมหากษัตริย์ไทยซึ่งประกอบไปด้วย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างๆ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี 2560 นี่คือขั้นตอนของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

 

และสำหรับการพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี นั้นใน มาตรา ๑๖๗  รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง เมื่อ

(๑) ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามมาตรา ๑๗๐

(๒) อายุสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร

(๓) คณะรัฐมนตรีลาออก

(๔) พ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา ๑๔๔


ขณะที่มาตรา ๑๗๐ ระบุว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) สภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่ไว้วางใจ
(๔) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐
(๕) กระทำการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา ๑๘๖ หรือมาตรา ๑๘๗
(๖) มีพระบรมราชโองการให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๗๑

 

ซึ่งทั่วไปรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เวลาจะปรับครม.ครั้งใหญ่ หรือที่เราเลือกว่า”ล้างไพ่” นายกรัฐมนตรี จะ “ลาออก” และคณะรัฐมนตรีที่เหลือทั้งหมดจะพ้นจากตำแหน่งโดยปริยาย จากนั้นสภาผู้แทนราษฎร ก็จะจัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ตอนนี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  อาจจะเลือกว่า วาระพิเศษ  ดังนั้นหากพิจารณาดูแล้ว ในทางกลับกัน ในรัฐธรรมนูญเอง ก็ได้เขียนเอาไว้ ว่า “รัฐมนตรี” สามารถออกได้ อีกทั้งตัวอย่าง อย่าง พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ก็เพิ่งจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ไปหมาดๆดังนั้น จึงขอเรียนนำเสนออีกหนึ่งแนวทาง เพื่อให้พล.อ.ประยุทธ์สบายใจ และสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นั้นก็คือ ให้รัฐมนตรีท่านที่เหลือ พร้อมใจกันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจในการเลือกตัว รัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ มีแนวคิดจะปรับครม.จริง

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า  ทุกครั้งที่ผ่านมานายกฯจะสอบถามความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวกับรองนายกฯ ครั้งนี้ก็เช่นกัน  ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานายกฯได้สอบถามความเห็นผ่านผู้ประสานงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว   โดยตนไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร  เพียงแต่เรียนนายกฯไปว่า..

 

"นายกฯติดตามผลงาน และมีความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีทุกคน  จึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะพิจารณาและตัดสินใจเรื่องดังกล่าว"

 

นี่คือสัญญาณจากพล.อ.ประยุทธ์ ส่งหารัฐมนตรี ทุกกระทรวงในการปรับครม. แม้หลายท่านจะออกมาปฏิเสธ ไม่รู้ไม่เห็นในสัญญาณดังกล่าวก็ตาม

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องที่ต้องถามนายกฯเอง เพราะตนอยู่ในข่ายที่จะถูกปรับ จะไปตอบอะไรได้ ส่วนที่ พล.อ.อ.ประจิน ระบุนายกฯได้ถามความเห็นจากรองนายกฯเรื่องการปรับครม.นั้น ด้วยความสัตย์จริงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ถามมาที่ตน จึงไม่ทราบ แต่อาจจะถามจากรองนายกฯคนอื่นก็ได้ ที่ถามพล.อ.อ.ประจิน นั้นคงเป็นเพราะว่าเป็นสมาชิกคสช. แต่ตนไม่ได้เป็นคสช.จึงไม่ทราบ

 

 

ขณะที่พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์  ที่ถูกพูดถึงกดดันให้ปรับอันดับต้นๆ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอพูดด้วยความสัตย์จริง นายกฯไม่เคยคุยเรื่องนี้กับตนเลย แต่ท่านคงคิดของท่านอยู่

 

ทุกครั้งที่มีข่าวการปรับครม.จะมีชื่อติดมาทุกครั้ง พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า “อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นเพื่อนนายกฯมั้ง” 

 

อีกทั้งเมื่อถามว่าถ้าโดนปรับออกจะเสียใจหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย ตอบทันทีว่า “เฮ้ย ผมเป็นทหาร ผมพร้อมที่จะทำงานตามที่รับมอบหมาย ถ้าท่านไม่มอบหมาย เราก็กลับ” 

 

 

 และนี่ “ความจำเป็น” ในวันนี้ที่คณะรัฐมนตรี ที่เหลืออยู่ สมควรอย่างยิ่ง ที่จะยืนใบลาออก เปิดทางให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ล้างไพ่  ปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์เองก็จะไม่ลำบากใจในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งไหนออก เพื่อที่จะได้เข้าถึงและรับฟังเสียงประชาชน เพราะที่คสช.และรัฐบาล ยังอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังให้การสนับสนุนและศรัทธาอยู่