นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

           บรรดาศิษย์สายกรรมฐานส่วนใหญ่มักจะคุ้นชื่อและได้ยินกิตติศัพท์ของ "หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม" เป็นอย่างดี ท่านมีปฏิปทาที่แปลก น้ำใจเด็ดเดี่ยว โผงผาง ตรงไปตรงมา มีแง่มุมต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์มักจะกล่าวถึงเสมอๆ และเล่าถ่ายทอดต่อกันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นที่น่าสนใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง จัดได้ว่า หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม  เป็นพระป่าที่ดังมากองค์หนึ่ง ในบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆ ของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

 

นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

(หลวงพ่อผจญ อสโม)

 

           เรื่องราวปฏิหาริย์ของหลวงปู่ตื้อนั้น หลวงพ่อผจญ อสโม เคยเล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งยังปฏิบัติธรรมอยู่กับ "หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม" ว่า คืนหนึ่ง ท่านได้ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ตื้อ จู่ ๆ หลวงปู่ก็เตือนท่านว่า "พรุ่งนี้ยามบ่ายอย่ามาแถวกุฏิเรานะ พญาครุฑเขามาบอกว่าจะมีอสุนีบาต (สายฟ้า) ฟาดลงมาที่ต้นไม้ตรงกุฏิ"

นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

         พอถึงช่วงบ่ายของวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อผจญก็ออกไปทำกิจตามปกติ  ช่วงนั้นเป็นฤดูแล้ง ไม่มีฝน ท้องฟ้ามีแดดเปรี้ยง  แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ คือ อยู่ดี ๆ ก็มีเมฆดำทะมึนจับตัวลอยเข้ามา แล้วก็มีสายฟ้าฟาดลงมาที่ต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นลงไปบริเวณห้องน้ำของหลวงปู่ตื้อ แต่เคราะห์ดีที่กิ่งไม้พาดเว้นห่างออกไป หลวงพ่อผจญจึงไปกราบเรียนหลวงปู่ตื้อที่ศาลาว่ามีฟ้าผ่าลงมาตรงบริเวณห้องน้ำ แต่ไม่มีอะไรเสียหาย  หลวงปู่ตื้อก็พยักหน้า โดยไม่ได้ว่าอะไร  แต่หลวงพ่อผจญกลับนึกไปถึงคำพูดที่หลวงปู่ตื้อเตือนไว้เมื่อคืนเกี่ยวกับเรื่องของพญาครุฑที่มาเตือน  ในใจก็อยากจะถามท่าน แต่ก็ไม่กล้าถาม จึงขอตัวไปทำกิจต่อ

 

นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

          ตกกลางคืน หลวงพ่อผจญก็ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ตื้อตามปกติ  สักพักหนึ่งเมื่อรวบรวมความกล้าได้ ท่านก็ถามหลวงปู่ตื้อว่า

"หลวงปู่... พญาครุฑมีจริงหรือครับ ไม่เคยได้ยิน...เคยได้ยินว่ามีแต่พญานาค"

พอได้ยินหลวงพ่อผจญถามเท่านั้น หลวงปู่ตื้อก็ยกมือขึ้นแล้วฟาดลงมาที่ตักของท่านอย่างแรงจนตกใจ  หลวงปู่ตื้อลุกขึ้นมานั่งแล้วด่าเป็นชุดว่า

"มึงมันโง่...ไม่รู้จักภาวนา ของอย่างนี้มันมีอยู่ แต่ตาของมึงก็ไม่รู้ไม่เห็น หัดภาวนาให้มันดีซี จะได้รู้ได้เห็นมั่ง" หลวงพ่อผจญเล่าเรื่องนี้ไปก็ขำไป

นิมิตบอกเหตุล่วงหน้า!! เมื่อพญาครุฑ มาเตือน "หลวงปู่ตื้อ" ว่าพรุ่งนี้จะมีอสุนีบาต ฟาดลงต้นไม้หน้ากุฏิ แล้วก็เกิดขึ้นจริงอย่างน่าอัศจรรย์ !!

            หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโมเกิดสมัยรัชกาลที่ ๕ ณ ตำบลบ้านข่า อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม เป็นบุตรของนายปา และนางปัตต์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวมทั้งหมด ๗ คน หลวงปู่ตื้อ เป็นลูกคนที่ ๕ ในญาติทั้งหมดของหลวงปู่ตื้อ นับเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกับวัดมาก มีความฝักใฝ่ต่อพระพุทธศาสนา ถ้าลองสังเกตให้ดี ในบรรดาญาติของท่าน ถ้าเป็นชายล้วน แต่ก็มาบวชเป็นพระภิกษุ แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ก็ยอมสละบ้านเรือน มาบวชชีพราหมณ์จนหมด 

           ก่อนที่หลวงปู่ตื้อจะบวช ได้มีนิมิตมาบอกท่านมากมาย เช่น ในคืนก่อนที่ท่านจะบวช ท่านได้ฝันถึงชีปะขาว มาถึง ๒ คน และท่านฝันอีกว่า ท่านได้เห็นพระภิกษุที่น่าเลื่อมใสอีก ๒ รูป ท่านคิดว่าเป็นผู้วิเศษ จึงได้เข้าไปกราบนมัสการ และนิมิตครั้งสุดท้าย มีพระภิกษุท่านได้เข้ามาพูดกับท่านว่า หนูน้อย เจ้ามีกำลังแข็งแรงมาก เท่านั้น พระท่านก็หายไป ท่านก็มีความมั่นใจ เพราะท่านเชื่อว่า วันนี้จะมีเรื่องดี ที่ท่านจะได้บวชตามใจปรารถนา จะได้มีการประพฤติธรรมอย่างจริงจัง

          หลวงปู่ตื้อ ได้เริ่มเรียนศึกษาคำภีร์ มูลกัจจายน์ ในสมัยนั้น โดยมีพระอาจารย์คาน เป็นเจ้าสำนัก หลังจากออกพรรษาได้เพียง ๑ พรรษา ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษาพระธรรม ที่ วัดโพธิชัย ตำบลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม หลวงปู่ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่รวมระยะเวลา ๔ ปี ก็จบหลักสูตรมูลกัจจายน์ จึงได้รับฉายาว่า นักปราชญ์ ด้วยความที่ท่านเป็นคนที่ใฝ่ในการเรียนรู้ อยู่ในสายเลือด ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาต่อไป หลวงปู่ท่านได้เปลี่ยนใจปฏิบัติออกธุดงค์ ปฏิบัติกรรมฐาน เพราะมันเป็นกริยาของท่านอยู่แล้ว และต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปประเทศลาว ก็ขยันเดินทางไปศึกษาพระธรรมต่อ ไม่มีวันหยุด และก็ได้ไปหลวงพระบาง และไปเจอชีปะขาวไปดูสมบัติในถ้ำ ชีปะขาวก็สอนว่า ถ้าคนเราพยายามทำสิ่งที่เราต้องกัน สิ่งนั้นจะมาเร็ว และก็ได้เดินทางไปยังประเทศพม่า และก็ได้ไปศึกษาวิชาอาคมกับพระเถระในพม่า และก็ได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ต่อมาท่านก็มีอาการอาพาธ และถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ รวมสิริอายุได้ ๘๖ ปี บวชพระธรรมนิกาย ๑๙ พรรษา ธรรมยุติได้ ๖๕ พรรษา

 

 

 

ที่มาจาก : บันทึกของหลวงพ่อผจญ อสโม (พลังจิต)