พล่าน!! "เพื่อไทย" ดาหน้าขย่ม"คสช." ยกใหญ่ หลังความนิยมวูบ ล่าสุดออกแถลงการณ์จี้ ปลดล็อคพรรคการเมือง อ้างเพื่อคืนอำนาจให้ ปชช.

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th


ดูเหมือนช่วงนี้ทางพรรคเพื่อไทย ซึ่งนับเป็นขั้วตรงข้ามกับรัฐบาล คสช. อย่างเต็มตัว จะดาหน้ากันออกมาขย่มรัฐบาลทหารกันอย่างต่อเนื่องไม่เว้นวัน หลังนายอนุสรณ์ รักษาการรองโฆษกพรรค และนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.ของพรรค ออกมาโหนปมการปิดเหมืองทองที่พิจิตร แล้วจุดพลุว่า รัฐบาล คสช.กำลังทำให้ไทยเสียค่าโง่กรณีเหมืองเป็นเงินถึง 3 หมื่นล้าน ทั้งที่เหมืองเปิดในยุคที่ทักษิณเป็นรัฐบาล และรัฐมนตรีของเพื่อไทยหลายก็พัวพันการอนุมัติประทานบัตร จน ป.ป.ช. ต้องตั้งอนุกรรมการไต่สวน ล่าสุดวันนี้ได้ ออกแถลงการณ์จี้ รัฐบาล คสช. ให้เร่งปลดล็อคพรรคการเมือง โดยอ้างเพื่อคืนอำนาจให้ ประชาชน พร้อมระบุหากไม่ทำ แสดงว่า คสช. ต้องการยื้อเลือกตั้งออกไป เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง

 

ความจริงก่อนหน้าที่จะโหนกระแสเรื่องการปิดเหมือง แล้วจุดพลุเรื่องค่าปรับ 3 หมื่นล้าน (ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม ออกมาระบุล่าสุดแล้วว่า เรื่องยังไม่ถึงขั้นนั้น) คนของพรรคเพื่อไทยหลายต่อหลายคน ได้เคยออกมาพูดเรื่อง การปลดล็อคพรรคการเมืองมาพักหนึ่งแล้ว โดยนายอนุสรณ์ ก็เคยกระแทกรอบนี้มารอบหนึ่ง หลังแว่ว ๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช. ออกมาเปรย ๆ ว่า รำคาญนักการเมืองที่ออกมาเรียกร้องให้ปลดล็อกพรรคการเมืองไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โดยนายอนุสารณ์ ระบุว่า ตนไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรำคาญเสียงของประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะตอนนี้โพลส่วนใหญ่ ต่างสะท้อนความเห็นของประชาชนในทิศทางเดียวกันว่า ประชาชนกว่า 70% เห็นด้วยที่อยากให้ปลดล็อกพรรคการเมือง

 

"ความงดงามของระบอบประชาธิปไตย คือการรับฟังเสียงของประชาชน วันนี้ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองที่เรียกร้องให้มีการปลดล็อกเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาในขณะนี้ ประชาชนต่างสะท้อนว่า ต้องการให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ เพื่อจะนำไปสู่การเลือกตั้ง" นายอนุสรณ์ ระบุ

 

 

แต่ไม่ทันที่ข้อเรียกร้องของ นายอนุสรณ์ จะจางหายไป ในเวลาไล่เลี่ยกัน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ก็ออกมารับลูกเรื่องนี้ทันที พร้อมกับขู่สำทับ คสช. ทำนองว่า หาก คสช. ยังยืดระยะเวลาการปลดล็อกคำสั่งประชุมพรรคออกไป ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมคิดแนวทางที่จะไปยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้ ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะขณะนี้กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว

 

โดย นายชูศักดิ์ ระบุด้วยว่า ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองยังคอยสัญญาณปลดล็อกจากทาง คสช.อยู่ เพราะมีเรื่องให้พรรคการเมืองต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง อีกหลายเรื่องที่ต้องทำให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่จนถึงขณะนี้ คสช.ยังไม่ปลดล็อก โดยอ้างความมั่นคงที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ไม่ได้คำนึงว่าบ้านเมืองต้องก้าวไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

 

"ไม่แปลกใจที่ คสช.ยังไม่ปลดล็อกคำสั่ง เพราะเป็นมุมมองของรัฐบาลทหารที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคง แต่มุมของพรรคการเมือง หาก คสช.ยิ่งทอดเวลาออกไปจะยิ่งได้รับผลกระทบ เพราะเมื่อยังไม่ปลดล็อก พรรคต่างๆ ก็ยังไม่สามารถดำเนินการเรื่องใดที่เป็นประโยชน์ได้ ตอนนี้ต้องรับสภาพแบบนี้ไปก่อน และหวังว่า คสช.จะปลดล็อกคำสั่งห้าม และพรรคสามารถดำเนินกิจกรรมได้ตามปกติเสียที" ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย อ้าง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเพื่อไทยเคลื่อนไหวทางการเมือง ย่อมขาดนายวัฒนา เมืองสุข ไปไม่ได้ เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้นายใหญ่ เห็นผลงสานของเขา โดยนายวัฒนา รับลูกออกมาโพสต์ถล่มรัฐบาล คสช. ในประเด็นเดียวกันนี้ทันที ด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงว่า

 

“ถ่วงความเจริญ”

 

“คำพูดของพลเอกประยุทธ์ที่อ้างเหตุยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมืองว่า ขอเอาเรื่องประชาชนก่อนการเมืองเอาไว้ทีหลัง ทำให้ผมสิ้นสงสัยถึงระดับสติปัญญาและพฤติกรรมที่กลับกลอกของท่านผู้นำ ท่านคงไม่ทราบว่าการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน การจำกัดสิทธิทางการเมืองคือการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งที่ท่านผู้นำเพิ่งไปทำแถลงการณ์ร่วมกับสหรัฐตกลงจะปกป้องและสนับสนุนสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน (ตามข้อ 8)ไม่ทันไรท่านผู้นำก็ทำตรงข้ามกับที่พูดไว้อันเป็นนิสัยถาวรของท่าน

 

พลเอกประยุทธ์ไปพูดที่โรงเรียนเก่าของตัว อวดอ้างความกล้าหาญที่ยอมเสี่ยงชีวิตเข้ายึดอำนาจ ความจริงคือการขนกำลังทหารพร้อมอาวุธมายึดอำนาจจากรัฐบาลมือเปล่าที่มีผู้นำเป็นหญิง เกือบสี่ปีที่บริหารประเทศมีแต่เรื่องฉาวโฉ่ของตัวและพวกพ้อง เริ่มจากการอนุมัติให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกรับงานโดยไม่ต้องประกวดราคาแล้วเอางานไปขายชักหัวคิวแบ่งกัน อุทยานราชภักดิ์ แอบซื้อเรือดำน้ำช่วงสงกรานต์ อนุมัติงบกลางจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็ว ที่เสียหายมากคือการใช้อำนาจเผด็จการสั่งปิดเหมืองทองจนอาจถูกเรียกค่าไร้สติปัญญาถึง 30,000 ล้าน แต่ท่านผู้นำกลับอ้างว่าตนไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมีมาตรา 44 จะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีใครทำอะไรท่านได้

พลเอกประยุทธ์มักยกย่องตัวเอง แต่ชอบกล่าวหานักการเมืองที่มาจากประชาชนว่าทำบ้านเมืองเสียหาย ถ้าพลเอกประยุทธ์กล้าไปเดินตลาดคนเดียวจะทราบว่าประชาชนยากลำบากเพราะการยึดอำนาจและการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพเพียงใด หรือหากอยากรู้ความจริงลองกำหนดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นและประกาศว่าท่านจะวางมือจากการเมือง ถ้าหุ้นตกแปลว่าท่านเป็นที่ต้องการของประชาชน แต่ถ้าหุ้นขึ้นและสัญญาณทางเศรษฐกิจดีขึ้นนั่นคือคำตอบว่าใครเป็นตัวถ่วงความเจริญของบ้านเมือง อยากรู้มั้ยท่านผู้นำ” นายวัฒนา ระบุ

 

อีกทั้งก่อนหน้านั้น ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ได้ออกมาเล่นเรื่องนี้เช่นกันโดยอ้างว่า รัฐบาล คสช. ควรรีบคืนอำนาจให้ประชาชน เพราะรัฐธรรมนูญก็กำหนดกรอบเวลาเอาไว้ชัดเจนแล้ว แต่รัฐบาลกลับทำท่าจะยื้อเวลาออกไปให้นานที่สุด เหมือนกับเสียดายอำนาจ และอยากสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่...เธอว่า

 

อย่างไรก็ตาม อาการดิ้นพล่านของพรรคเพื่อไทยในรอบอาทิตย์ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นการปลดล็อคพรรคการเมือง กระทั่งเลยมาถึงค่าปรับเหมืองทอง 3 หมื่นล้าน ที่พวกเขาดาหน้ากันออกมาถล่ม และรับส่งกันเป็นทอด ๆ ราวกับนัดกันไว้นั้น ผู้สันทัดกรณีตั้งข้อสังเกตว่า...เรื่องนี้ตีความไม่ยาก เป็นเพราะพวกเขาต้องการดึงให้สังคมคล้อยตาม....และเพิ่มแรงกดดันไปที่รัฐบาลทหาร พวกเขาจึงผลิตซ้ำ "วาทกรรม-ปลดล็อคพรรคการเมือง" หลายต่อหลายครั้งในช่วง 1 และ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างน้อยก็เป็นการส่งสัญญาณถึงคนเสื้อแดง เพื่อให้ร่วมสร้างแรงกดดัน คสช. จากทุกทิศทุกทางเอาไว้ก่อน ทั้งที่ว่าไปแล้วตารางเวลาในโรดแม็ปที่ คสช. วางไว้ก็ยังไม่ผิดไปจากกรอบกำหนดเดิมมากนัก

 

กอรปกับพักหลังคะแนนนิยมของรัฐบาล คสช. หล่นวูบอย่างน่าใจหาย อันเป็นผลพวงมาจากคนรอบข้างตัวนายกฯ ทำหลายอย่างที่ทำลายความศรัทธาของประชาชน ซึ่งจากผลสำรวจล่าสุด โดยเฉพาะจาก "ซูเปอร์โพลล์" ทำให้คะแนนนิยม “บิ๊กตู่” ดิ่งลงอย่างหนักกว่า 26 จุด จากที่สำรวจหนก่อนเคยได้คะแนนนิยม 78.4 ลงมาเหลือแค่ 52.0  นั่นย่อมทำให้ พรรคการเมืองเขี้ยวลากดินอย่าง "เพื่อไทย" จับสัญญาณออก และเชื่อว่า หากการปรับ ครม. "บิ๊กตู่ 5" ซึ่งเชื่อว่า เกิดขึ้นแน่ เพราะ "บิ๊กตู่" หรือ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เปรยออกมาเอง...ไม่สามารถช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์ที่กำลังเสื่อมทรุดได้...รับรองว่า...เวลานั้น "เพื่อไทย" จะดาหน้ากันออกมา ขย่มหนักกว่านี้อีกเป็นเท่าทวีคูณ