นี่แหล่ะเศรษฐีชอบเอาเปรียบ! แฉลึก"เสี่ยเปี๋ยง"นอนคุก-ไม่ต่างอะไรคนอยู่ รพ. ขณะลูกสาวก็ใช้ความได้เปรียบเปิดทางหนีคดี ยึดทรัพย์เพิ่มไม่สะดุ้ง

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

แก้ไขล่าสุด 10 พ.ย. 60 เวลา 11.36 น.


วานนี้มีข่าวใหญ่ทางการเมืองชิ้นหนึ่ง นั่นคือ ข่าวที่ทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ได้เผยแพร่ คำสั่งคณะกรรมการการธุรกรรม ที่ ย.125/2560 ลงวันที่ 25 ต.ค.2560 เรื่องอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวกับการทุจริตจากนโยบายการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และ "นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร" หรือ "เสี่ยเปี๋ยง-คนสนิทนายใหญ่" กับพวก เพิ่มเติม โดยรอบนี้ยึดเพิ่มอีก 2,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ไปฝากไว้ในชื่อคนอื่น โดยเฉพาะลูกสาวของเขา โดยใช้นาม บริษัท ทีซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บังหน้า จำนวน 25 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโฉนดที่ดินที่มีมูลค่าสูง ทั้งที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ในต่างจังหวัด


หากไม่ใช่คนเกาะติดทางการเมือง อาจหลงลืมไปว่า  "ธันยพร-ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง" เป็นจำเลยลำดับที่ 21 จากทั้งหมด 28 รายจากคดีจีทูเจี๊ยะ และเป็น 1 ในผู้ต้องหาคดีจำนำข้าวที่หนีศาลไม่ยอมไปฟังคำพิพากษา ในวันที่  25 สิงหาคม เช่นเดียวกับ "หญิงปู" ซึ่งในวันนั้นเธออำมหิตพอๆ กับนายใหญ่ เพราะปล่อยให้ "ผู้พ่อ" ที่ว่ากันว่าเป็นอดีตผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ยุคทักษิณครองอำนาจต่อมาถึงยุคนารีปู โดนตัดสินจำคุกจากคดีเดียวกันนี้ไปถึง 48 ปี และสั่งให้ชดใช้เงินเป็นจำนวนกว่า  1.69 หมื่นล้านบาท


อย่างไรก็ดี ความจริง ตัวของ "เสี่ยเปี๋ยง" นั้น ก็ถูกจำคุกอยู่ก่อนแล้ว จากคดียักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องส่งไปขายอิหร่าน 2 หมื่นตัน มูลค่า 200 ล้านบาท ช่วงปี 2545-2546 หรือในยุครัฐบาลทักษิณ 1 ซึ่งศาลแขวงสมุทรปราการ  พิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 ปี ปรับ 12,000 บาท เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 57 ที่ผ่านมา 


ย้ำอีกครั้ง...เป็นคดียักยอกข้าวกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องส่งไปขายอิหร่าน...ซึ่งเป็นคดีเก่าตั้งแต่ยุคทักษิณ 1 และศาลฯ เพิ่งมาตัดสินไปเมื่อปี 2557 ...ไม่ใช่คดี จีทูเจี๊ยะที่มี "นายบุญทรง" เป็นหัวขบวน...ที่ถูกหลอกจนหยดสุดท้ายให้มาศาลในวันพิพากษา และทำให้ตัวเขาต้องระเห็จเข้าไปอยู่ในคุกถึง 42 ปีจากคดีดังกล่าวแบบเดียวดาย แล้ว ป.ป.ง. สั่งยึดทรัพย์เพิ่มในส่วนของ "เสี่ยเปี๋ยง" อีก 2,300 ล้านวานนี้

 
ผู้รู้ทันหลายคนตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า นับจากถูกตัดสินจำคุกเมื่อปี 2557 "เสี่ยเปี๋ยง" ก็ป่วยกระเสาะกระแสะมานับแต่นั้น และเข้าไปพัก-อยู่ในความควบคุมของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นว่าเล่น...มากกว่าจะอยู่ในเรือนจำเสียอีก

และในวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่พิพากษาคดีจำนำข้าวดังกล่าว ที่ลูกสาวของเขาหายจ้อยไป  "เสี่ยเปี๋ยง" ซึ่งอ้างว่าป่วยเกือบจะตลอดเวลา ก็ต้องถูกเบิกตัวออกมาจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อมาฟังคำพิพากษา ดังที่สื่อมวลชนทุกสำนักเผยแพร่ภาพข่าวไปแล้ว

 

ผู้รู้ฟันธงเลยว่า...นั่นเป็นแค่ละครฉากใหญ่ของ "เศรษฐีผู้ละโมภ" เมื่อยามเข้าตาจน...แต่ยังอยากมีอภิสิทธิ์...เหนือนักโทษคนอื่น ๆ ดังนั้น เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา...การที่เจ้าหน้าที่ราชฑัณท์ต้องเบิกตัวเขามาจากโรงพยาบาลฯ...จึงไม่ใช่เรื่องแปลก...เพียงแต่คำถามที่ต้องถามก็คือ...เจ้าหน้าที่รัฐฯ รู้เห็นเป็นใจในการป่วยการเมืองของ  "เศรษฐีผู้ละโมภ" นี้แค่ไหน...ทั้งหมดนั้น...ยังไม่เกี่ยวกับ "ลูกสาวของเศรษฐีขี้ฉ้อผู้นี้" หนีศาลไปตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม แล้วจนป่านนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่มีคำตอบเรื่องนี้ให้กับสังคม...โดยผู้สันทัดยืนยันอีกเช่นกันว่า...หากเป็นคนธรรมดา ๆ ที่ไม่มีสถานะทางเศรษฐกิจเช่นนี้...ไม่มีวันทำได้ เพราะนี่เป็นคดีใหญ่โตที่คนทั้งประเทศจับตามอง...ไม่ใช่คดีเล็ก ๆ ที่ผู้ต้องหาทำผิดแล้ว...กระเซอะกระเซิงดอดออกทางชายแดนแบบตัวคนเดียว....นี่เป็นคดีระดับประเทศที่ทุกฝายจับตา


ข้อมูลระบุชัดว่า น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร เป็นลูกสาว ""เสี่ยเปี๋ยง"  ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ตั้งแต่ยุคทักษิณครองอำนาจเมื่อปี 2544 ต่อมาจนถึงยุคนารีปู นายกฯ หญิงผู้นอมินี โดย น.ส. ธันยพร ตกเป็นจำเลยลำดับที่ 21 จากทั้งหมด 28 รายจากคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูเจี๊ยะ ที่มี "บุญทรง เตริยาภิรมย์-ต่อให้ตายกูก็พูดไม่ได้" กับ "นายภูมิ สาระผล-ผู้ได้รับบาปเคราะห์มาจากกิตติรัตน์ ณ ระนอง" เป็นตัวละครหลักในคดี


และน่าสนใจตรงที่ในวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ศาลฯ นักการเมืองนัดฟังคำพิพากษาในคดีดังกล่าว น.ส.ธันยพร กลับไม่ได้เดินทางไปฟังคำตัดสินดังกล่าวอย่างที่บอก โดยเธออ้างว่าป่วยกระทันหัน ด้วยอาหารเป็นพิษ และอ้างต่อว่าเข้ารักษาตัวที่ รพ.ในค่ายสุรสีห์ฯ จ.กาญจนบุรี แต่แปลกเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของ รพ. ทั้งหมอ พยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกแผนก ไม่มีใครรู้เรื่องการป่วยของ น.ส.ธันยพร สักราย ไม่มีใครรู้ว่า เธอเข้ามาเมื่อไหร่ พักอยู่เตียงไหน หมอท่านใดเป็นเจ้าของไข้ ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นคำกล่าวแบบเลื่อนลอยจากฝั่ง น.ส.ธันยพร เท่านั้น โดยทนายของเธอบอกกับศาลฯ ว่าป่วยด้วยอาการดังกล่าว แต่แปลกกลับไม่มีใบแพทย์จากหมอไปยืนยัน และทาง รพ.ในค่ายสุรสีห์ฯ ก็ไม่มีใครรู้อย่างที่กล่าว

 

เมื่อทุกอย่างเป็นเท็จ ศาลฯ จึงออกหมายจับ น.ส.ธันยพรในวันนั้นเลย และเป็นเหตุให้วันพิพากษาคดีโกงข้าวที่ผ่านมา มีหญิงสาว 2 รายถูกศาลฯ ออกหมายจับ คือนอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะโดนซึ่งสังคมรับทราบกันดีในกรณีนี้ แต่ในส่วนของ  น.ส.ธันยพร เชื่อว่า น้อยรายจะล่วงรู้ว่าเธอก็โดน และหนีศาลไปเฉกเช่นเดียวกับ "หญิงปู"

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ศาลฯ จะตัดสินคดี ก่อนหน้านั้นสัก 3-4 เดือน คือ เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ง. ได้เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย.52/2560 เรื่องอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายบุคคลที่เกี่ยวกับการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยสั่งอายัดทรัพย์ 4 เอกชนที่เกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งบุคคล วงเงิน 687 ล้านบาท พร้อมดอกผล ซึ่งหนึ่งในรายชื่อเจ้าของทรัพย์สินที่ถูก ปปง. อายัดในครั้งนั้น ได้แก่ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ที่หนีศาลฯ จนถูกออกหมายจับไปในวันนั้นนั่นเอง

 

...หลายคนบอก ลักษณาการของ "หญิงปู...เสี่ยเปี๋ยง....และลูกสาวของเขา" เป็นลักษณาการของเศรษฐีขี้โกงที่มักเอาเปรียบสังคม และจะทำอย่างนั้นทันทีเมื่อมีโอกาส...ไม่เช่นนั้น...เราคงไม่มีทางได้เห็น "เสี่ยเปี๋ยง" ซึ่งทุกฝ่ายยืนยันตรงกันแล้วว่า เขาอยู่ในความควบคุมของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นว่าเล่น...มากกว่าจะอยู่ในเรือนจำเช่นภาพที่ปรากฎ

 

 

โดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ถึงกับเคยโพสต์เฟซบุ๊คถึงเรื่องนี้ "เสี่ยเปี๋ยง-อภิชาติ จันทร์สกุลพร" นอนสบายอยู่ที่โรงพยาบาลรวมถึงอีกหลายๆ คน ที่ศาลเพิ่งตัดสินจำคุกไป ทั้งคดีธนาคารกรุงไทย คดีกกต คดีทุจริตปุ๋ย ก็ป่วยไปทางเดียวกันหมด.

 

โดยรายละเอียดที่นายสมชาย ระบุ คือ

 

 อ่านข่าวนี้เสร็จ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี.

 

กว่าตำรวจอัยการศาลจะดำเนินคดีเสี่ยเปี๋ยงเสร็จ.จนตัดสินจำคุกได้. ไม่รู้ว่าหมดทรัพยากรเเละงบประมาณไปเท่าไรเเต่อำนาจของเรือนจำยิ่งใหญ่กว่า สามารถบันดาลให้ใครต่อใคร ย้ายไปนอนห้องวีไอพี โรงพยาบาลตำรวจ สั่งอาหารชั้นดีเลิศจากโรงเเรมหรู ย่านราชประสงค์มากินเลี้ยงฉลอง พบปะเพื่อนฝูง เเบบเย้ยฟ้าท้าศาล

 

เเม้กระทั่งศาลจะเรียกตัวมาให้การ. ผบเรือนจำก็ปฎิเสธถึง 2 นัด อ้างป่วยอยู่โรงพยาบาลตำรวจ. จนศาลต้องสั่งถอนเเละเพิ่มวงเงินประกัน เพราะท่าทาง มีเเนวโน้มจะหนีออกนอก 100% ตามนายใหญ่

 

ร้อนถึงผู้ใหญ่ศาลต้องฝากผมไปเตือนรัฐบาล ถึงพฤติกรรมนักโทษ VVIP รายนี้ ว่า สุดทน. จึงมีคำสั่งให้ย้ายไปอยู่เรือนจำพิเศษ. เเต่อะไรๆคงจ้างผีโม่เเป้งได้จริง. ระดับ VVIP เช่นเสี่ยเปี๋ยง. พอย้ายเรือนจำปุ้บก็เข้ารพราชทัณฑ์ทันท่วงที

 

เฉกเช่นVVIP อีกหลายๆคน ที่ศาลเพิ่งตัดสินจำคุกไป ทั้งคดีธนาคารกรุงไทย คดีกกต คดีทุจริตปุ๋ย ก็ป่วยไปทางเดียวกันหมด. ก็คนอายุเลย55ปี ส่วนใหญ่ก็มีโรคประจำตัวทั้งนั้น

 

ทุกคนมีใบรับรองเเพทย์ว่าป่วยนั่นนี่โน่น ตั้งเเต่ความดันสูง เบาหวาน หยุดหายใจขณะหลับ. หัวใจ จนถึงมะเร็งฯลฯว่ากันว่าบางคนยังไม่เคยลิ้มรสห้องขังรวมเเดนไหนสักเเดนเลย!ทันทีที่ลงจากรถผู้ต้องขังเข้าเรือนจำ ก็ตรวจร่างกายเเล้ว.

 

ป่วยหมดครบทุกราย.!!!!!สงสัยต้องถามหาจรรยาบรรณกันละครับว่า โรคเเบบนี้ที่อ้างๆ กันนั้นนักโทษคนอื่นได้รับสิทธิทุกคนมั้ย.จะได้ให้นักโทษ 3-400,000คน ไปตรวจสุขภาพบ้าง เพราะโรคความดัน เบาหวาน โรคเครียด โรคหัวใจ เป็นกันทั้งน้านเเหละครับ ฯลฯ

 

 

นี่แหล่ะเศรษฐีชอบเอาเปรียบ! แฉลึก"เสี่ยเปี๋ยง"นอนคุก-ไม่ต่างอะไรคนอยู่ รพ. ขณะลูกสาวก็ใช้ความได้เปรียบเปิดทางหนีคดี ยึดทรัพย์เพิ่มไม่สะดุ้ง

 

ขณะที่หากมองกลับมาที่ตัวลูกสาวเองก็จะพบว่า เธอนั้นทุจริตคดโกง และเอาเปรียบสังคมไม่แพ้ผู้พ่อ คือนอกจากจะเอาเงินที่โกงได้ไปแปลงเป็นทรัพย์สิน และซุกซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ มากมาย ก่อนจะโดนเช็คบิล ยังอาศัยอำนาจเงิน และ ความเหนือกว่าทางเศรษฐกิจที่ตัวเองมีอยู่ เปิดทางให้ตัวเองหนีคดี...แบบที่ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม...ไม่มีวันทำได้...และยังคงไร้ร่องรอยแบบฝั่งตำรวจยังได้แต่ร้อง...แบะๆ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบ  แล้วจะว่าไป...ทั้งหมดนั้นก็เป็นแนวทางเดียวกับ...นายใหญ่ และนายหญิงน้อยของพวกเขาทำไว้ไม่มีผิด...นั่นคือ ใช้สถานะที่เหลือกว่าคนอื่นทางสังคม...เอาเปรียบคนอื่น...พร้อม ๆ กับย่ำยีกระบวนการยุติธรรมของไทย

 

ขอบคุณพิเศษข้อมูลจาก :  สมชาย แสวงการ