จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

ติดตามเรื่องราวดีๆ อีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

             ไอ้สัง เสือร้ายจอมทมิฬ ถ้าเอ๋ยชื่อ "ไอ้เสือสัง" ตั้งเเต่จังหวัดตรังไปยันพัทลุงไม่มีใครไม่รู้จักนามนี้ เพราะคนคนนี้ไม่ผิดอะไรจากสัตว์นรกอเวจีมาเกิดมันเพียบพร้อมสมบูรณ์ด้วยความเหี้ยมโหดอำมหิตชนิดหาที่ติไม่ได้ไอ้สังเริ่มออกลายชั่วมาตั้งแต่หนุ่มรุ่น อันใดที่เป็นความเลวร้าย สิ่งนั้นแหละที่ไอ้เสือสังยินดีรับไว้ด้วยความเต็มอกเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง มันเริ่มต้นด้วยการลักเล็กขโมยน้อยเป็นปฐมแห่งวิถีดาวโจร ก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาลักขโมยวัวควายชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว พร้อมกับปิติยินดีในการที่ได้คบคนชั่วเป็นมิตร ทำให้มันเข้าไปอยู่ในชุมโจรเสือปล้นอย่างสะดวก

จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

           ครั้นได้ลงมือฆ่าคนเป็นศพแรกด้วยมือตนเอง กลับไม่มีความสะดุ้งสะเทือนต่อบาปเวรใดๆ ใจมันเหี้ยมหินผิดมนุษย์เหตุนี้ ไอ้สังจึงเพิ่มจำนวนศพให้กับสถิติการฆ่าของมันสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่การเป็นบริวารเสือใหญ่ ได้ส่วนแบ่งจากการปล้นเพียงน้อยนิด ไอ้สังคิดเเล้วเป็นการไม่ยุติธรรม ดังนั้นจึงออกจากชุมโจรมารวบรวมสมัครพรรคพวกแล้วสถาปนาตนเป็นเสือปล้นเสียเอง

คราวนี้ "ไอ้สัง" ธรรมดาๆ ก็กลายเป็น "ไอ้เสือสัง" เต็มขั้น

            ไม่ว่าจะเข้าปล้นชิงทรัพย์ที่ไหน ไอ้เรื่องที่ไม่ฆ่าเจ้าทรัพย์เป็นไม่มีด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของไอ้เสือสัง จึงระบือลือสนั้นเมืองในเวลารวดเร็ว ยามใดไม่มีจังหวะโอกาสเข้าปล้น เสือสังจะเข้าไปลักขโมยวัวควายไปขายบ้าง ฆ่ากินในหมู่พวกบ้าง ถือว่าเป็นอดิเรกลาภ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ เอกลักษณ์ในการลักขโมยควายและเสือสังเป็นแบบเฉพาะตัวจริงๆ คือต้อนวัวควายออกจากคอกไปเเล้ว มันจะตัดกิ่งไม้ขนาดเขื่องขวางทางเอาไว้ให้รู้ว่าเป็นฝีมือมัน ถ้าเจ้าของวัวควายติดตามไป ก็ต้องเสี่ยงเอาเองว่าอยากตายตามวัวควายไปด้วยหรือไม่ เพราะไอ้สังจะตั้งขบวนต้อนรับด้วยห่ากระสุนปืนอย่างไม่มีเสียดงเสียดาย

 

จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

            ด้วยเหตุนี้ กำนันผู้ใหญ่บ้านซึ่งได้รับเเจ้งให้ล่าเสือสังพากันแหยงๆ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตน เอาเป็นว่าจะให้ยกขบวนตามล่าก็ทำได้ แต่อย่าให้รู้ว่าเป็นเสือสังก็เเล้วกัน เคยมีอยู่เหมือนกัน ออกตามล่าอยู่ดีๆพอชักไปชักมารู้ว่าโจรที่ตามล่าอยู่เป็นเสือสัง กำนันเเละผู้ใหญ่บ้านหลายคนออกคำสั่งถอยกลับทันทีมาเเล้ว ชื่อ "ไอ้เสือสัง" ยิ่งดังมากเท่าไหร่ ตำรวจก็ยิ่งระดมกำลังตามเด็ดหัวมันมากขึ้นเท่านั้น แต่การจะเข้าถึงตัวไอ้เสือกับพวกเป็นเรื่องยากลำบากเหลือกำลัง เพราะมันอาศัยภูมิประเทศที่เป็นป่าเขาหลบซ่อนกบดาน จะย่างกรายออกมาปรากฏโฉมตามหมู่บ้านชุมชนมีเหตุผลเพียง ๓ ประการเท่านั้น

"หนึ่ง…หาเสบียงอาหาร  สอง…ไปหลับนอนกับเมีย สาม…เข้าปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ผู้มีอันจะกิน"

           การตามล่าเสือปล้นรายนี้หากไม่มี "สาย" แอบรายงานความเคลื่อนไหว หรือชี้ช่องเบาะเเสว่ามันพำนักอยู่ที่ใด ก็ยากที่จะได้ตัวคนร้าย มีตำรวจพยายามเกลี่ยกล่อมให้ชาวบ้านเป็นสายให้หลายคน และบุคคลเหล่านั้นก็แอบส่งข่าวการเคลื่อนไหวของเสือร้ายให้แก่ตำรวจเท่าที่จะทำได้เสือสังเกือบพลาดท่าถูกตำรวจล้อมจับตัวได้หลายครั้ง ไอ้เสือสังเริ่มระเเวงว่ามันคงถูกดัดหลังเเน่ๆ จึงส่งลูกน้องออกสืบหาว่าไอ้หน้าไหนกล้าบังอาจทรยศมันทันทีที่รู้ว่าใครเป็นสายให้ตำรวจ มันจะไปหาพร้อมไฟโทสะที่โชติช่วง และคนผู้นั้นจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างสุดสยอง เสือสังเคยลากคอ "สาย" มาสับปากด้วยพร้าอันคมกริบหรือไม่ก็ผ่าปากจนถึงกราม แล้วมันจะเฆี่ยนด้วยหวายด้วยหนาม "สาย" บางคนตายคามือมันมาเเล้ว เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แต่บางรายหาโอกาสจับมาทรมานไม่ได้ มันก็จะซุ่มยิงทิ้งเสียเลย
แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าเป็นสายให้ตำรวจอีก

            ความหฤโหดของเสือปล้นผู้นี้ ทำให้ชาวบ้านพากันปิดปากเงียบสนิท แต่ตำรวจเมือตรังไม่ย่อท้อ คงระดมกำลังออกตามล่าเสือสังไม่หยุดยั้ง แต่ทุกครั้งมันหลบรอดเงื้อมมือกฏหมายไปได้ตลอดเวลาด้วยอิทธิพลอันชั่วร้ายและโหดหิน ไม่มีชาวบ้านช่วยเหลือตำรวจให้มันหลุดหนีไปได้นั่นเอง พอตำรวจเมืองตรงวางกำลังกวาดล้าง มันก็เผ่นมากบดานอยู่ในเขตพัทลุง และเช่นกัน หากตำรวจพัทลุงเข้ากวาดล้าง มันก็หนีไปจังหวัดตรัง เป็นเช่นนี้ประจำ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้เสือสังมันมีเมียที่พัทลุงถึงสองคน เมียหลวงชื่อ "มิก" เมียน้อยชื่อ "ขลิบ" นางทั้งสองอยู่ที่บ้านห้วยกราดตำบลป่าพยอม อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ซึ่งบ้านไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก

            เสือสังหลบฉากจากเมืองตรังมาอยู่กับเมียทั้งสองที่บ้านห้ายกราดอย่างเงียบเชียบ เสือร้ายมิได้หวาดหวั่นพรั่นพรึงตำรวจพัทลุงแม้เเต่น้อย เพราะเชื่อมั่นจะไม่มีชาวบ้านคนใดกล้าไปบอกตำรวจว่า มันอยู่ที่ห้วยกรวดเด็ดขาด ตราบใดที่ตำรวจไม่รู้เบาะเเส ตราบนั้นมันย่อมนอนกอดเมียทั้งสองอย่างสุขสำราญ จะนานแค่ไหนก็ได้ แต่มันหารู้ไม่ว่า ขณะนั้น "ว่าที่ร้อยตรีบุตร์ พันธรักษ์" ได้รับคำสั่งให้มาฝึกราชการที่โรงพัก อ.เมืองพัทลุง ก่อนหน้าที่มันจะลงมากบดาน ที่สำคัญมันไม่มีทางรู้เลยว่า นายร้อยหนุ่มร่างสันทัดผู้ซึ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยหัวจระเข้ พระปฐมมาหมาดๆ คนนี้เป็นคนจริงขนาดไหน มีสายเลือดผู้พิทักษ์สันติราษฏร์เข้มข้นสักเพียงใด โดยเฉพาะหัวใจแกร่งกล้ายิ่งกว่าเหล็กเสียอีก

            แม้ว่าไอ้เสือสังจะซ่อนเร้นอำพรางร่องรอยของมันสักปานใดข่าวที่มันหนีมากบดานก็แว่วเข้าหูว่าที่ ร.ต.ต.บุตร์จนได้ นายร้อยหนุ่มเปิดแฟ้มประวัติอาชญากรรมของเสือสังอ่านแล้ว ปรากฏความชั่วในคดีปล้นฆ่าแทบนับไม่ถ้วน เป็นไอ้ตัวร้ายที่สร้างความพินาศวอดวายให้กับสุจริตชน ทั้งทรัพย์สินและชีวิตอย่างเหลือคณานับว่าที่นายร้อยหนุ่มตัดสินใจในบัดนั้นทันที ไอ้เสือสังสมควรถูกลากคอเข้าหลักประหารเพียงสถานเดียวเท่านั้น

           ดังนั้น นายร้อยบุตร์จึงออกสืบหาแหล่งกบดานของไอ้เสือร้ายด้วยตัวเอง โดยมีนายขี้คร่ง เหรียญขำ นักเลงเจ้าถิ่นซึ่งยอมมาเป็นลูกน้อง เพราะนับถือน้ำใจ และเป็นคนชำนาญท้องที่เป็นผู้นำทางให้ วิสัยผู้ร้ายจะเหี้ยมเกรียมเก่งกาจสักปานใดก็ตาม ในที่สุดมักหนีไม่พ้นเรื่องอิสตรี คือต้องกลับมาหาเมีย จุดอ่อนตรงนี้ทำให้นายร้อยบุตร์ และนายขี้ครั่งแอบแฝงเข้าไปหาข่าวที่บ้านห้วยกราด กระทั้งรู้ว่าไอ้สังมันเข้ามาซบ อกเมียทั้งสองจริงๆ

 

จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

           วันที่ ๓๑ กรกฏาคม ๒๔๗๓ ประมาณ ๔ นาฬิกา ร.ต.ต.บุตร์ พันธรักษ์ พลฯ เผือก ด้วงชู และนายขี้ครั่งเดินทางไปถึงบ้าน นายอินทร์เเก้ว ช่างเหล็ก ซึ่งมีเขตบ้านติดต่อเขตบ้านไอ้เสือสัง นายร้อยหนุ่มกับพลฯ เผือกเเต่งกายนอกเครื่องแบบ โดยเฉพาะนายร้อยบุตร์ ใส่โสร่งเหมือนชาวบ้านทั่วไป นายอินทร์แก้วเมื่อเห็นหน้านายร้อยหนุ่มถึงกับถลาเข้ามารายงาน ปากคอสั่นว่า ไอ้เสือสังมันบุกเข้ามาจับตัว นายทองบุตรของตนไป เพราะสงสัยว่านายทองเป็น "สาย" ให้ตำรวจเนื่องจากไอ้เสือร้ายเห็นนายร้อยบุตร์ และนายขี้ครั่งเเวะมาพูดคุยกับนายทอง ขณะนั้นไอ้เสือสังนำตัวนายทองไปล่ามโซ่ไว้ที่บ้านนางขลิบเมียน้อย และเช้ามืดวันนี้เสือสังจะนำนายทองไปยิงทิ้ง แล้วทิ้งศพไว้ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่ออำพรางคดี ๔ นาฬิกาเศษ ความมืดยังครอบคลุมรัติกาลสนิท นายร้อยบุตร์ จึงให้นายอินทร์แก้ว นำทางไปยังบ้านเมียน้อยของไอ้เสือสังเพื่อช่วยนายทอง โดยมี นายเจียม หลานชายนายอินทร์แก้วนำทางรว่มไปด้วยอีกคน

          นายเจียมกลัวเสือสังจนตัวสั่น แต่ก็ยอมนำทางด้วยความจำใจ ทั้งที่กลัวจนหัวหด ทั้งหมดเดินฝ่าความมืดไปถึงบ้านนางมิก นายเจียมบอกว่า ปวดท้องขึ้นมาดื้อๆเเล้วขอเข้าไปถ่ายทุกข์ข้างทางแต่กลับเผ่นหนี นายอินทร์แก้ว จึงต้องรับหน้าที่นำทางต่อ ครั้นเดินต่อไปถึงบ้านนางขลิบ นายอินทร์แก้วขอเเยกทางไปซ่อนตัวห่างๆ เพราะเกรงว่า หากตำรวจทำงานไม่เสร็จเกิดไอ้เสือสังหนีไปได้ แล้วรู้ว่าตนเป็นผู้นำทางให้ตำรวจมาจับไอ้สังย่อมไม่ไว้ชีวิตแน่ คราวนี้เหลือเพียงสามคน คือนายร้อยบุตร์ พลฯเผือก และนายขี้ครั่ง ปืนที่ใช้ก็มีปืนเมาเซอร์ต่อด้าม ปืนยาวมัลลิเคอร์นายขี้ครั้งใช้ปืนคาบศิลา บรรจุดินปืนเต็มอัตราศึกและยัดลูกโดดเข้าไปถึง ๙ ลูก คนทั้งหมดซุ่มคอยไอ้เสือสังออกมานอกบ้าน แต่มันยังไม่ออกมาสักที จนเวลา ๕ นาฬิกาเศษ นายร้อยหนุ่มจึงสั่งให้ทุกคนย้ายที่ซุ่มใหม่ โดยไปหลบตรงปากทางลงห้วย เพราะคาดว่า ไอ้เสือสังมันต้องคุมตัวเชลยลัดเลาะดงไม้ข้ามห้วยออกท้องนาพาตัวไปยิงทิ้งด้านนี้เเน่

            นายร้อยบุตร์ลงไปหลบอยู่หลังตลิ่งที่ขนาบอยู่สองฝากทาง พลฯ เผือก และนายขี้ครั่งอาศัยตะแบกใหญ่ริมทางลงห้าวยเป็นที่กำบัง รอคอยการปรากฏตัวของไอ้เสือสังอย่างเงียบ เวลาผ่านไปถึงตี ๕ ครึ่ง ไอ้เสือสังเผยโฉมให้เห็นมันลากนายทองซึ่งถูกมัดมือไพล่หลัง มีเชือกคล้องคออีกต่างหากเพื่อลากจูงตามหลังเหมือนกับวัวควายเสือสังจูงนายทองมาถึงลำห้วยถึงจุดที่นายขี้ครั่งและพลฯเผือกซุ่มอยู่ ทั้งสองได้ยินไอ้เสือพูดเปรยๆ กับนายทองด้วยความเจ็บใจว่า

"ทีนี้กูไม่เชื่อใครเเล้ว"

          นายขี้ครั่งเห็นดังนั้นกลัวนายร้อยหนุ่มที่ซุ่มเยื้องออกไปไม่เห็น จึงจุ๊ปากเป็นสัญญาณ นับเป็นความผิดอย่างมหันต์ ไอ้เสือชะงักกึกทันที เมื่อได้ยินเสียงแปลกหูนายร้อยบุตร์รีบถลันขึ้นมาจากตลิ่ง ไอ้เสือรีบกระตุกปืนจากซอกเอวสับไกระเบิดกระสุนใส่นายร้อนหนุ่มทันที

ปัง!!

           พลาด กระสุนนั้นเลยข้ามหัวมือปราบหนุ่มไปอย่างหวุดหวิด นายขี้ครั่งเผ่นออกหลังต้นตะแบก กดไกปืนคาบศิลาที่ประทับบ่า "ตูม" ออกไป หมายกลางอกเสือสังที่ยืนจังงังเป็นเงาตะคุ่ม ทว่าลูกโดด ๙ เม็ด เเคล้วคลาดไปจากร่างไอ้เสือ ส่วนพลฯ เผือกยิงด้วยปืนมัลลิเคอร์ไปยังร่างไอ้เสืออีกหลายนัด แต่ก็พลาดอีก ไอ้เสือสังไม่รีรอหันหลังวิ่ง หนีเต็มเหยียดไปเพราะกลัวโดนยิง

"ผมไม่ใช่คนร้าย อย่ายิง อย่ายิง"

           นายร้อยบุตร์ขึ้นมาสมทบกับลูกน้องทั้งสอง "ทำไมไม่ไล่ตามมันไปล่ะนาย นายขี้ครั่งถาม"

"ไล่คนไหนล่ะ" นายร้อยบุตร์ชักงง เพราะนายทองวิ่งไปทางเดียวกับเสือสัง นายขี้ครั่งรีบบอก

"ไอ้คนวิ่งนำหน้านั้นแหละไอ้สัง"

            นายร้อยบุตร์รีบวิ่งนำหน้าพรรคพวกตามไอ้สังทันที วิ่งไล่มาถึงสวนหมากเป็นที่ราบโล่ง เห็นหลังไอ้เสือสังหลบเข้าไปในป่ารกด้านขวามือ นายร้อยบุตร์กับพลฯ เผือกหยุดที่ใกล้จอมปลวกใหญ่ ส่วนนายขี้ครั่งวิ่งเลยเข้าไปในเขตบ้านนางมิก เมียหลวงเสือสัง พลางตะโกนลั่นว่า

"ถ้ากูฆ่าผัวมันตายเเล้ว กูจะเอาเมียมันทั้งสองคน"

           เมื่อได้ยินการยั่วยุ นายร้อยบุตร์โดดขึ้นไปบนจอมปลวกพลฯ เผือกยืนจังก้าอยู่กับพื้นข้างล่างด้านหน้าจอมปลวก คนทั้งสองส่ายปืนมาหาเป้า วินาทีนั้น เสียงปืนจากเสือสังแผดกัมปนาทขึ้น

ปัง!!         
 

จนกว่าจะตายกันไปข้างนึง!! เปิดตำนาน "เสือสัง" กับการจับกุมที่ทำให้ "ท่านขุนพันธ์" สะเทือนใจ..ถึงขนาดต้องสักรอยฟันเสือสังเพื่อเตือนใจตัวเอง!!

          กระสุนนัดนี้วิ่งผ่านลอดใต้รักแร้ พลฯ เผือกจนเสื้อขาดเเล้วเลยไปทะลุโสร่งที่นายร้อยบุตร์นุ่งเป็นรูใหญ่ พลฯเผือกจึงกระหน่ำมัลลิเคอร์สวนเข้าใส่ ๔ นัดนายร้อยบุตร์สักไกเมาเซอร์ไปอีก ๒ นัด ตรงจุดที่เสือสังซุ่มอยู่ คราวนี้ไอ้เสือไม่ซุ่มอีกเเล้ว มันวิ่งอ้อมเลาะสวนหมากไปทางทิศตะวันตก นายร้อยบุตร์สั้งให้พลฯ เผือกวิ่งไปสกัดด้านหน้า ส่วนตนเองวิ่งตามหลังไอ้เสือสังไปติดๆ ขณะนั้นฟ้ายังไม่สางอีกทั้งยังมีหมอกลงมองไม่เห็นกันเลยการติดตามเสือปล้นใจฉกาจอาศัยจากเสียงวิ่งแหวกพงหญ้านำทางไปเท่านั้น มือปราบหนุ่มวิ่งพลางยิงไปพลาง

          เสียงสวบสาบวิ่งเตลิดของเสือสังหยุดลง นายร้อยบุตร์ก็หยุดบ้าง ถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปอาจจะเข้าทางปืนไอ้เสือสังได้ ต่างฝ่ายต่างหยุดดูเชิงกันครู่หนึ่งคราวนี้ไอ้เสือเผ่นต่อ มันวิ่งวกไปทางทิศเหนือ นายร้อยบุตร์จับทิศทางได้จึงวิ่งตัดทางไปดักมันตรงแนวทิศที่มันกำลังพยายามหนีในที่สุดเห็นตัวไอ้เสือ นายร้อยบุตร์ ทะยานเข้าใส่ทันทีเพื่อจับเป็น ไอ้เสือสังก็ฉับไวหันขวับมาประจันหน้า มันถอยหลังพร้อมเหนี่ยวไกปืนในมือหมายระเบิดกระสุนถล่ม แต่ได้ยินเสียงนกสับถูกเป็นชนวน

"ดังแชะ" กระสุนด้าน 

           นายร้อยบุตร์ เข้าประชิดปากกระบอกปืนแบนออกไป พร้อมยกเท้าขึ้นถีบกลางอก ไอ้เสือถึงกับหงายหลังผลึ่งลงกับพื้น นายตำรวจกระโจนเข้าคร่อมร่างมันทันที ปักศอกคู่หมายกระแทกสองหัวไหล่ตามแม่ไม้มวยไทย แต่พลาด ไอ้เสือหันขวับอ้าปากขย้ำกัดกลางท่อนเเขนซ้ายนายร้อยหนุ่มเต็มเหนี่ยว นายร้อยบุตร์ ชกหน้ามันด้วยกำปั้นขวา แต่ไอ้โจรมันกัดไม่ปล่อย หันมาบีบเค้นคอก็เเล้ว ควักลูกตาก็เเล้ว ไอ้เสือสังยังเฉย จึงคิดขึ้นได้ เอ็งกัดข้าได้ข้าก็กัดเอ็งได้ คิดเช่นนี้เเล้วนายร้อยหนุ่มจึงก้มลงกัดหัวไหล่เหวอะหวะ เลือดทะลักเต็มปาก

           เสียงแหกปากร้องลั่น เพราะทนเจ็บไม่ไหว ขณะเดียวกันมันกระชากมีดออกจากฝักที่เหน็บเอวมา นายร้อยบุตร์ เอาเท้าถีบและเหยียบข้อมือขวาที่มันกำด้ามมีดเอาไว้เเน่น เเล้วกระชากมือหลุดออกมาได้ คมมีดบาดฝ่าเท้านายตำรวจจนได้เลือด ไอ้เสือตวัดมีดหมายปาดคอนายตำรวจ แต่นายร้อยบุตร์ คว้ามือมันไว้ได้และกอดรัดไม่ยอมปล่อย ทั้งสองกลิ้งกันไปกลิ้งกันมา ผลัดกันลงล่างขึ้นบน จนป่าหนามแถบนั้นราบเป็นทาง ระหว่างทางที่กอดปล้ำแย่งมีดกันอยู่นั้น หากปล้ำนานไปกว่านี้คงหมดแรงเสียท่ามันเเน่ จึงส่งเสียงร้องบอกพรรคพวกให้มาช่วย พลฯเผือกวิ่งตะลุยเข้าไปถึงก่อน โดยมีนายขี้ครั่งวิ่งตามมาติดๆ ขณะนั้นนายร้อยบุตร์ ขึ้นคร่อมอยู่บน พลฯ เผือกจึงกระเเทกพานท้ายปืนเข้าที่หน้าผากไอ้เสือเต็มเหนี่ยว ไอ้เสือตัวอ่อนยวบทันที

           พอดีนายขี้ครั่งเข้ามาถึงตัว ก็หวดด้วยสันพร้าซ้ำที่เดิมอีก ไอ้สังถึงกับแน่นิ่งไป นายร้อยบุตร์ บอกให้พลฯ เผือกแกะเอามีดออกจากมือที่กำแน่นแล้วให้ใส่กุญแจมือไว้ ไอ้เสือสังก็ทรหดเกินคาด มันหมดสติไปชั่ววูบเดียวก็ฟื้นขึ้นมา พอได้สติก็ร้องด่านายขี้ครั่ง เพราะคิดว่านายขี้ครั่งพาพวกมารุมทำร้าย นายร้อยบุตร์ จึงแสดงตัวคือตำรวจ ไอ้เสือสังเลยสารภาพว่าไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ ถ้ารู้คงไม่ต่อสู้ เสือร้ายนอนทุรนทุรายประมาณ ๓๐ นาที ก็สิ้นใจตาย

           ขณะนั้นท้องฟ้าเริ่มสว่างมากเเล้ว ชาวบ้านเริ่มทยอยมามุงดูเกือบ ๒๐ คน นายร้อยบุตร์ เองก็ลุกไม่ขึ้นเพราะหมดเเรง พลฯ เผือกกับนายขี้ครั่งเข้ามาช่วยประคองให้ลุกขึ้น กลับได้กลิ่นอุจจาระเหม็นคลุ้ง นายร้อยบุตร์ เองก็ได้กลิ่นเช่นนั้น จึงเอามือป้ายโสร่งตามก้น คิดว่าอุจจาระไหลไม่รู้ตัว แต่ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเมื่อเข้าไปพิสูจน์ศพของเสือสังโดยละเอียดพบว่า เสือสังถูกกระสุนเมาเซอร์ของนายร้อยบุตร์ ๒ นัด นักเเรกที่คอ อีกนัดที่สะดือทะลุสะโพก อุจจาระของเสือสังไหลออกมาทางแผลสะดือ พวกชาวบ้านต้องช่วยกันหามนายร้อยบุตร์ ลงไปที่ลำห้วยเพื่อชำระล้างร่างกาย เอาสบู่กรดฟอกตัวเสร็จแล้วใส่เสื้อผ้าใหม่มือปราบหนุ่มขอเเรงชาวบ้าน ๑๕ คน ช่วยหามศพเสือสังไปยังอำเภอควนขนุน โดย ผลัดเปลี่ยนกันเพราะต้องใช้เวลาถึง ๑๐ ชั่วโมง

           คณะแบกศพเสือสังเดินทางมาถึงตำบลป่าพยอม นายร้อยหนุ่มเข้าไปหากำนัน ขอร้องให้ช่วยหาคนมาเปลี่ยนหามศพต่อ เพราะชาวบ้านชุดแรกจากห้วยกรวดจำเป็นต้องกลับบ้านแต่กำนันปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือ นายร้อยบุตร์ ขุ่นใจที่กำนันไม่ให้ความร่วมมือกับทางราชการ จึงสั่งให้คนหามศพเสือสังไปวางบนเรือนของกำนันพร้อมกับบอกว่า

"อั๊ว..จะทิ้งไว้ตรงนี้ให้ศพมันขึ้นอืดไปเลย"

          เจอไม้นี้เข้า ไม่ต้องขอร้องเป็นครั้งที่สอง กำนันรีบหาคนหามศพให้อย่างรวดเร็ว คณะมือปราบจึงได้เดินทางต่อ ระหว่างทางใกล้จะถึงอำเภอควนขนุนเป็นเวลามืดค่ำแล้วได้เกิดเหตุอกสั่นขวัญหาย เพราะจู่ๆ มีช้างป่าเชือกหนึ่งหลุดมาจากไหนไม่รู้โผล่ออกมาไล่กวด คณะหามศพต่างทิ้งศพไอ้เสือสังวิ่งหนีเอาตัวรอด เกิดชุลมุนอยู่พักหนึ่ง จึงได้นำศพไอ้เสือสังถึงอำเภอจนได้

          เช้าวันรุ่งขึ้น พระยาศรีฯ จเรตำรวจกับลูกสาวมาตรวจราชการที่อำเภอควนขนุน ได้ร่วมการชันสูตรพลิกศพเสือสังด้วยได้แสดงความพอใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างองอาจกล้าหาญของนายร้อยบุตร์ ทั้งรับรองจะเสนอความดีความชอบต่อผู้บังคับบัญชาให้ ขณะที่ว่าที่นายร้อยบุตร์ ได้โชว์การปราบปรามที่เหนือชั้นทำให้มีผู้อิจฉาได้ทำบัตรสนเท่ห์ถึงกรมตำรวจ กล่าวหานายร้อยบุตร์ว่า การจับกุมเสือสังไม่มีการต่อสู่เเต่อย่างใด นายร้อยบุตร์ กับพวกจับเสือสังได้โดยละม่อม จากนั้นได้รุมยิงและตีเสือสังจนตาย สำหรับรอยแผลบนร่างนายร้อยบุตร์ นั้นเเสร้งทำขึ้นมาเอง

           ผลจากบัตรสนเท่ห์ทำให้ว่าที่ ร.ต.ต.บุตร์ พันธรักษ์ ไม่ได้รับความดีความชอบอะไรเลย แต่พลฯ เผือกกลับได้เลื่อนยศเป็นสิบตำรวจตรี ส่วนนายขี้ตรั่งได้รางวัล ๒๐๐ บาท ซึ่งออกจะชอบกลอยู่ นายร้อยบุตร์ สะเทือนใจเป็นอย่างมาก จึงได้สักเป็นรูปรอยฟันตรงที่เสือสังเคยกัดเอาไว้ตรงท่อนแขนซ้ายเพื่อเตือนใจตัวเอง

 

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.appgeji.com 

                           นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว