นอภ.คลองหาด-ปลัดอาวุโส..!! เปิดใจกรณีใบปลิวขับไล่ ร้องทุจริตฯ เชื่อคนภายในเป็นคนทำ ประกาศลั่นเตรียมแจ้งความแน่นอน!? (มีคลิป)

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีใบปลิวขับไล่นายอำเภอคลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว กระจายทั่วพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชัยพร แพภิรมรัตน์ นายอำเภอคลองหาด ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า กรณีที่ถูกกล่าวหาเรื่องการจัดงานพระราชพิธีฯไม่สมพระเกียรติ ไม่จงรักษ์ภักดี และมีการเรียกรับค่าหัวคิวจากโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทนั้น  ตนเองรับทราบว่า ทางอำเภอต้องการเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้ป่วยติดเตียง ได้ร่วมถวายดอกไม้จันทน์ฯ ซึ่งทางปลัดอาวุโส อ.คลองหาด ได้พิจารณาหารือมาทางตนเอง และตนก็เห็นด้วย พร้อมทั้งอนุญาตให้นำพระบรมฉายาลักษณ์ไปใช้  และกำชับว่า ต้องดำเนินการให้สมพระเกียรติ

    นายชัยพร กล่าวถึงกรณีอ้างถึงการเรียกรับเงินจากโครงการตำบลละ 5 ล้านบาทด้วยว่า ไม่มีแล้ว อำเภอมีคู่สัญญาหมดแล้วตั้งแต่ก่อนตนเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่ง ทางผู้ว่าราชการจังหวัดฯได้อนุมัติหมดแล้ว ตนเป็นเพียงคนลงนาม ซึ่งในยุคที่ตนมาทำงานเหลือเพียงงบประมาณ 5 ล้านกว่าบาท ที่ยังไม่เสร็จสิ้นซึ่งอนุมัติในยุคตน ส่วนผู้รับจ้างทั้งหมดมีการตกลงราคาไว้หมดแล้ว ตนแค่มาเซ็นต์สัญญาเท่านั้น ตนไม่รู้เรื่อง พร้อมรายงานไปที่ ปปช.หมดแล้ว เนื่องจากมีคนร้องเข้าไปที่ ปปช.ก่อนหน้านี้ 

    ทั้งนี้ นายชัยพร บอกด้วยว่า ได้เดินทางเข้าชี้แจงกรณีปัญหานี้ต่อนายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ในช่วงกลางวันเป็นการส่วนตัว ก่อนจะเดินทางเข้าไปทำธุระส่วนตัวในกรุงเทพฯ คิดว่า ปัญหานี้ไม่ใช่การเมือง พร้อมยืนยันไม่ใช่การขัดแย้งกับการนักเมืองท้องถิ่น แต่เป็นปัญหาในองค์กรที่ต้องติดตามตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน  เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานครบถ้วนแล้ว จะเข้าแจ้งความแน่นอนเพื่อเอาผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ และหมิ่นประมาท  ซึ่งทางตำรวจและทหาร แจ้งว่า เป็นการปล่อยข่าว ขณะนี้รู้ปัญหาในองค์กรซึ่งอยู่ระหว่างจัดการอยู่

นายเตชิต ทรงบุญศาสตร์ ปลัดอาวุโสอำเภอคลองหาด เปิดใจกับทีมข่าวว่า ข้อเท็จจริงที่บอกว่า มีการจัดงานไม่สมพระเกียรติ หรือจัดงานข้ามหัวนั้น ไม่เป็นความจริง มีการเชิญนายอำเภอด้วยตนเอง ในการถวายดอกไม้จันทน์ฯ แต่อำเภอก็มีกิจกรรมมอบสิ่งของพระราชทาน นายอำเภอจึงมอบหมายให้ปลัดอาวุโสดำเนินการแทน เรื่องนี้มีการสื่อสารและประชุมกับนายอำเภอตลอด ซึ่งไม่มีอะไรกัน  ส่วนโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ตนเองเพิ่งย้ายมาเพียง 2-3 เดือน เรื่องทั้งหมดลงนามก่อนหน้านั้น ตนเองไม่ได้รู้เรื่องเลย เหตุใดจึงหยิบตนมาเป็นประเด็น เนื่องจากตนเองเป็นคนที่ออกท้องที่มากที่สุดมาโดยตลอดหรือไม่ จึงถูกนำมาโยงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

    ปลัดอาวุโส อ.คลองหาด กล่าวอีกว่า การขัดใจกับนักการเมืองท้องถิ่นไม่มีแน่ มีเพียงการเข้าจับกุมกระเทียม ซึ่งเป็นของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐมาขอกับตน แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ รวมไปถึงปัญหาการเปิดปิดด่านเขาดิน ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกับตนเอง คิดว่า คนที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นรู้ข้อมูลผิวเผิน และพยายามชูตนขึ้นไปฆ่า  ทั้งนี้ ก็ทำใจ เพราะก่อนหน้านี้ 4 วัน ตนเองป่วยไปนอนที่ รพ. ออกมาทำงานก็ไปไหว้ขอพรที่วัดแม่ย่าซอม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองคลองหาด เพื่อบนว่า อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องนี้ 

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ช่วงเวลา 13.00 น.วันที่ 14 พ.ย.นี้ ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เตรียมนัดรวมตัวกันเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจกับนายอำเภอคลองหาดและปลัดอาวุโส อ.คลองหาด พร้อมทั้งต้องการให้มีการจับมือ เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกันเกิดขึ้น  ทั้งนี้ ปลัดอาวุโส ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้ยื่นเรื่องของย้ายตัวเองเพื่อกลับภูมิลำเนาไปอยู่กับครอบครัวที่ จ.อุดรธานี ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.60 ที่ผ่านมา หลังจากย้ายมาดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 เดือนเศษ เพราะลูกยังเล็ก หากตั้้งใจจะย้ายแล้ว เหตุใดต้องมาสร้างสถานการณ์เพื่อขับไล่นายอำเภอด้วย

    ทางด้าน พ.ต.ท.ศุภโชค อินยะฤทธิ์ รอง ผกก.สภ.คลองหาด กล่าวว่า ไม่ต้องการให้กรณีนี้ตกเป็นเครื่องมือของคนบางกลุ่ม ทางตำรวจและทหารห่วงเรื่องการเลียนแบบจากกรณีของจังหวัดชลบุรี จึงเข้าไปร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการติดตามหาที่มาของใบปลิวอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เกรงว่า จะกลายเป็นปัญหาลุกลามไปถึงเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะปัญหาตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 

    อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา หน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายทหารได้เข้าไปติดตามสถานการณ์กรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายสืบสวน เข้าไปเฝ้าระวังในพื้นที่ อ.คลองหาด และศาลากลางจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากมีข้อมูลว่า จะมีการรวมตัวเพื่อประท้วงขับไล่เกิดขึ้น  โดยนายพรพจน์ เพ็ญพาส ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เรียกประชุมนายอำเภอและสั่งการให้รายงาน และติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีผลกระทบต่อจังหวัดสระแก้ว

    

ภาพ/ข่าว ยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.สระแก้ว