ติดตามรายละเอียด : http://www.tnews.co.th

ทำเอาหลายคนช็อกไปตามๆ กันหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนักร้องบอยแบนด์ดังในยุค 90 โจ บอยสเก๊าท์ หรือ โจ ธเนศ ฉิมท้วม ที่ได้เสียชีวิตขณะที่กำลังเล่นคอนเสิร์ต ด้วยอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย และในช่วงระหว่างที่รดน้ำศพได้มีเด็กหนุ่มเข้ามาร่วมงาน และบอกว่า เป็นลูกของโจ บอยสเก๊าท์ ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาคนในงานตกใจเป็นครั้งที่ 2 เพราะไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่า โจ บอยสเก๊าท์ จะมีลูกแล้ว

 


โดยล่าสุดทางรายการ คุยแซ่บ Show ทางช่อง one 31 ได้สัมภาษณ์พูดคุยกับน้องไอซ์และแม่น้ำ ลูกชายและอดีตภรรยาของโจ ถึงเรื่องราวความเป็นมา ตั้งแต่วันที่แม่น้ำได้เจอกับพี่โจ จนถึงเรื่องราวชีวิตในปัจจุบัน หลังทราบข่าวว่าพี่โจเสียชีวิต
 

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

รู้จักกับพี่โจได้ยังไง?

แม่น้ำ “โจเค้าทำงานอยู่ที่กะซู่ ตอนนั้นเค้าเป็นเด็กเสิร์ฟ เค้าเป็นบาร์เทนเดอร์ รู้สึกเจ้าของร้านเค้าจะเอ็นดูเลยให้ทำงาน ร้านอยู่ที่กรุงเทพฯ ตรงข้ามพาเหรด พี่ก็เป็นนักศึกษาก็ไปเที่ยวกันตามประสาวัยรุ่น ก็ไปเจอแล้วไปเที่ยวทุกวันๆ จนสนิทสนมกัน ก็เหมือนพี่น้องกันมากกว่า พอเรากลับเค้าก็กลับไปเที่ยวต่อด้วย แล้วก็บางทีไปนอนด้วย เพราะตอนนั้นเราเป็นนักศึกษา ก็จะเช่าอยู่กันหลายๆ ห้อง เหมือนเพื่อนนะคะ มันไม่ใช่ความรักกันหวานแหวว จะถามว่าจีบมันก็ไม่ได้จีบ มันไปกันตามสเต็ป ตอนนั้นโจ อายุน้อยกว่า 7 ปีค่ะ ตอนที่มีไอซ์ พี่ก็จำไม่ได้นะ

 

 

แต่พอรู้ว่าท้อง พี่ก็ตัดสินใจอยู่ว่าจะทำยังไง แต่เอาจริงๆ เพื่อนพี่มันก็ซื้อยาให้กิน กินแล้วก็อ้วกออกมา เลยตัดสินใจกลับบ้าน แต่ตอนนั้นจำไม่ได้ว่า บอกโจรึยัง แต่จำได้ว่าไม่ได้บอกพ่อกับแม่ จนตัดสินใจที่จะเอาน้องไอซ์ไว้ ก็ไปหาหมอ น่าจะประมาณเดือนที่ 5-6 ก็โทรบอกโจ เพราะพี่ตัวเล็กด้วย จนพี่จะคลอดแล้วพ่อกับแม่ยังไม่รู้เลย แล้วจากนั้นเราก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย”

 

 


ก็ต้องเลือกว่าจะเอาอยู่หรือเอาออก?

แม่น้ำ “คือในตอนนั้นมันเป็นประสบการณ์ของเรา และสังคมในสมัยนั้นด้วย เป็นสังคมของคนต่างจังหวัดที่ส่งลูกมาเรียน พูดตรงๆ คือลูกก็ท้องไม่มีพ่อ พ่อแม่จะรับได้มั้ย คนรอบข้างจะรับได้มั้ย ตอนที่พี่ท้องพี่ก็โทรบอกโจนะ และตอนนั้นพ่อแม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป ขนาดอยู่ในบ้านด้วยกันนะว่าพี่ท้อง ซึ่งพ่อเค้ารู้เค้าก็เงียบ ตอนนั้นเค้า 16 ก็ห่างกับพี่ประมาณ 7 ปี แต่พี่ไม่ได้อะไรคือพี่ก็บอกเค้า คือพี่ก็รู้ว่าเค้าจะเข้าวงการแต่ยังไม่ได้ออกอัลบั้ม กำลังอยู่ในช่วงฝึกเป็นนักร้อง แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา คือพี่ก็บอกว่า ไม่ต้องสนใจ

 

ก็คือว่าพี่บอกให้รู้ว่าพี่มีน้องนะ แล้วโจก็ทำหน้าที่ของโจไป และเราก็ขาดการติดต่อกันไป ต่างคนต่างอยู่ ในช่วงที่พี่คลอดลูก พี่ก็จะโทรไปบอก แต่พี่จำไม่ได้ว่าโทรไปทางไหน อาจจะทางเพื่อนโจ หรือว่าอาร์เอสนี่แหละ ก็บอกว่าพี่คลอด ก็ไม่ได้คาดคั้นว่าเค้าจะรับผิดชอบอะไร ก็แค่เรามีลูกนะ ถ้าคุณสะดวกหรือว่างก็มาหาหน่อย”

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

 

 

 

แล้วพี่โจเค้ามาหาลูกบ่อยไหม?

แม่น้ำ “เจอน้องไอซ์ครั้งแรกก็ตอนขวบกว่าๆ มั้ง เจอครั้งแรกก็ตอนที่โจไปเล่นคอนเสิร์ตที่สุราษฎร์ธานี ตอนนั้นพี่อยู่สุราษฎร์ธานีก็เจอกันโรงแรมที่โจพัก แล้วภาพนี้ก็เป็นภาพเดียวที่ไอซ์ได้ถ่ายกับพ่อเค้า เพราะพี่เป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป และไม่มีกล้อง รูปนี้เป็นรูปที่หลานพี่ที่ไปด้วยถ่ายให้”

 


ตอนที่แม่เค้าบอกว่า คนที่เล่นคอนเสิร์ตนี้ เค้าเป็นพ่อของเรา ตอนนั้นไอซ์รู้สึกยังไง?

ไอซ์ “ตอนที่จำความได้ก็ตอน 4 ขวบ ไปเจอพ่อที่กองบิน ก็รู้สึกดีใจปลื้มพ่อ เหมือนเป็นฮีโร่ คือตอนนั้นยังไม่เข้าใจความเป็นพ่อ แต่เข้าใจว่าเค้าเป็นฮีโร่ สมัยเด็กๆ ก็บอกเพื่อนบอกคนรอบข้างตลอด แต่ไม่มีใครเชื่อ จนวันหนึ่งก็ช่างมัน ไม่บอกก็ได้”

 

แม่น้ำ “ก็จนวันหนึ่งโตขึ้น รู้สึกว่าไม่รู้จะบอกทำไม จนคนในหมู่บ้านที่พี่อยู่ เค้าจะยืนยันกันได้เพราะเคยเจอโจไปหาที่บ้าน แต่สังคมภายนอกออกมาก็จะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเชื่อพอโตมา หน้าตามันเหมือนกันเลย”

 


อย่างเวลาเราบอกว่า นี่พ่อเรานะ แต่คนไม่เชื่อแล้วบอกว่า อย่ามาโกหก นี่บ่อยมั้ย?

ไอซ์ “บ่อยครั้ง อย่างเวลาไปเรียนที่ใหม่ เราก็บอกเค้า เค้าก็ไม่เชื่อแล้วมาถามว่า ทำไมในใบเกิดถึงไม่มีชื่อพ่อ”

 

แม่น้ำ “ในใบเกิด พ่อพี่ไปแจ้ง แล้วให้เพื่อนที่เป็นนายทะเบียนเขียนให้ว่า น้องไอซ์เป็นน้องพี่ พ่อพี่ไปแจ้งแต่ไม่ได้ไปด้วยตัวเอง เลยฝากให้เพื่อนที่เป็นนายทะเบียนจัดการให้ ในนั้นเลยเป็นชื่อพ่อกับแม่พี่ ที่เป็นพ่อแม่น้องไอซ์ ถ้าตามทะเบียนเอกสารทางราชการ น้องไอซ์จะเป็นน้องพี่ เป็นคนสุดท้อง”

 


ก่อนที่พ่อจะเสีย เราได้คุยกับพ่อบ่อยมั้ย?

ไอซ์ “ก็คุยบ้างไม่คุยบ้าง คุยเฟซบ้าง ส่งหากันบ้าง คุยกันเรื่องเรียนถ้ามีปัญหาก็โทรปรึกษาพ่อ พ่อเค้าก็ให้คำปรึกษาตลอด ถ้าคุยเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่ก็จะคุยกันเล่นๆ ทั่วไปตามประสา แต่คนอื่นไม่รู้ว่าเป็นลูก เราก็คุยกันตลอด เวลามาเจอพ่อก็ไปเที่ยว ไปกินข้าว ถามว่าเจอกันบ่อยมั้ย ปีละครั้งครับ แล้วแต่สถานการณ์ว่าไอซ์มากรุงเทพฯรึเปล่า”

 

เคยคิดที่อยากจะบอกทุกคนมั้ย?

ไอซ์ “ไม่ครับ แต่เคยถามพ่อว่า ปู่กับย่ารู้มั้ย พ่อก็บอกว่า รู้ครับ ตอนที่ถามตอนนั้นบอกว่ารู้ครับ แล้วเพิ่งมารู้ตอนหลังว่า ยังไม่รู้”

 


 แต่มันมีประเด็นขึ้นมาตอนที่เพื่อนพ่อโทรไปบอกว่าพ่ออยู่ไอซียูนะแล้วเราบอกว่าไม่ว่างอันนั้นคือจริงมั้ย?

ไอซ์ “จริงครับ ตอนนั้นครึ่งหลับครึ่งตื่นครับ มันดึกแล้วด้วย มีคนโทรไปเราก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร บอกว่าพ่ออยู่ รพ.ลาดพร้าว ให้มาดูหน่อย เป็นโรคหัวใจ ด้วยความที่เรายังงัวเงียอยู่เลยบอกไปว่า ไม่ว่าง”

 


แม่น้ำ “คือจริงๆ ไม่ได้คิดหรอกว่าเรื่องจริง เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีเพื่อนพ่อคนไหนโทรมา ตอนที่เค้าเล่าให้ฟัง เรายังพูดเลยว่า ลูกโกหกรึเปล่า แล้วเพื่อนปาป๊าเค้าจะเอาเบอร์ลูกที่ไหนโทรมา จึงไม่แปลกที่ลูกจะไม่เชื่อ และพี่เองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน เพราะจากประวัติของโจแล้ว เค้าไม่เคยมีข่าวว่าเค้าป่วยเลย ฉะนั้นพี่ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะพี่เองก็โทรหาน้องไอซ์ตอนเช้า ปลุกเค้าไปทำงาน เค้าก็ยังลืมเรื่องนี้เลย โดยสามัญสำนึกจิตแล้วตี 1 ตี2 ก็ไม่เคยมีใครโทรมา แล้วตัวพี่เองยังว่าลูกว่าลูกโกหกเลย”

 


มีลางมีความรู้สึกอะไรบ้างมั้ย?

แม่น้ำ “ไม่มีนะ ไม่มีเลย ตอนพี่รู้ข่าว พี่ยังคิดเลยว่าจริงรึเปล่า ตอนเพื่อนพี่โทรมา พี่ถึงรู้สึกว่าจริง ถ้าถามตัวพี่ พี่จะรู้สึกห่วงลูก เพราะลูกพี่อยู่กรุงเทพฯคนเดียว ห่วงความรู้สึกเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะรู้สึกแค่ไหน เค้าก็เป็นเหมือนพ่อเค้าที่ไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึก เราห่วงตรงนั้นมากกว่า ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกที่มีต่อโจ แต่จะห่วงลูก”

 

 

ไอซ์ล่ะ พอเรารู้ว่าเป็นเรื่องจริง ตกใจมั้ย?

ไอซ์ “ตกใจครับ ก็โทรไปปรึกษาแม่ว่า ทำไงดี พอเราคุยกับแม่เสร็จก็วางหูแล้วติดต่อไปที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลบอกว่าไปที่นิติเวชส่งไปชันสูตร ผมก็โทรไปที่นิติเวช แล้วเค้าบอกเอาไปวัดแล้ว ผมเลยตามไปวัด”

 

 

แต่มีอีกประเด็น ที่คนมองกันว่า เราไปเปิดตัวกลางงานศพ เพราะอยากจะดังรึเปล่า?

ไอซ์ “ไม่เลยครับ ก็ที่ไปงานศพเพราะไปด้วยความตั้งใจที่อยากไปรดน้ำศพพ่อครับ เหมือนเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้พ่อได้ ก็เลยไปไม่ได้คิดอะไร”

 


แต่คนมองว่า ถ้าเราเป็นหลาน เราต้องเข้าไปสวัสดีญาติๆก่อน คนเลยเพ่งเล็งว่าทำไมถึงไปบอกนักข่าวว่าเป็นลูก?

ไอซ์ “ก็ตอนไปตอนแรกก็เข้าไปงานครับ มีเพื่อนพ่อพาไปแนะนำให้ปู่รู้จัก นั่งข้างปู่สักพักหนึ่ง เหมือนปู่จะยังไม่รู้ ซึ่งผมก็ไม่เคยเจอปู่ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย เป็นครั้งแรกที่เจอ ก็คุยกับปู่ปกติ เหมือนเค้ายังไม่รู้ว่าเราเป็นหลาน พอช่วงค่ำ เหมือนปู่เค้าอยากจะเข้ามาคุยด้วย แต่เค้าติดงานก็เลยไม่ได้เข้ามาคุยด้วยครับ”

 


มีอะไรมายืนยันว่า ผู้ชายคนนี้ เด็กคนนี้คือลูกของพี่โจจริงๆ?

แม่น้ำ “พี่จะยืนยันกับใครล่ะคะ เพราะคนอื่นไม่ได้มีผลกับพี่กับลูก พ่อเค้าคนเดียว เมื่อพ่อเค้ายอมรับ ก็ไม่มีผลกับคนอื่นว่าลูกพี่จะใช่หรือไม่ใช่ พี่ก็เลยไม่เคยดิ้นรนว่าต้องตรวจดีเอ็นเอ แต่พี่บอกเลยว่า ลูกพี่เป็นการพิสูจน์ดีเอ็นเอที่ประหยัดมาก ตั้งแต่เส้นผม ยันท่านอน เค้าเหมือนพ่อเค้ามาก ตั้งแต่เล็กๆ เส้นผมตอนเด็กเค้าก็สีทองเหมือนพ่อเค้า ท่านอนก็ยังเหมือน เพราะพี่เคยเห็นไอซ์กับโจสองคนที่นอนแบบนี้ แล้วพี่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรที่จะต้องพิสูจน์อะไร”

 


แม่น้ำออกมาแสดงตัวแบบนี้เพราะต้องการสมบัติของโจรึเปล่า?

แม่น้ำ “ถ้าออกตั้งแต่อัลบั้มแรกน่ะนะ เพราะมาเอาตอนนี้โจตายแล้วต้องมานั่งพิสูจน์วุ่นวาย เสียเงินเสียทอง แล้วได้อะไร สู้เรียกร้องตอนนั้นดีกว่า”

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

 

 

เปิดใจหมดเปลือก!!! อดีตเมีย "โจ" เล่าย้อนเส้นทางรักคบหานักร้องดัง...ก่อนมีลูก บอกไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะไม่คิดจะมาเอาสมบัติใคร!?

 

 

ขอบคุณรายการ : คุยแซ่บShow