ไม่ให้คนด่าได้ไง! สังคมซัด"กกต." ดึงพระยุ่ง"การเมือง" โวย"มจร.-แดงเถือก" ยังเซ็นได้ ฤาเพราะคราบไคล"ทรท.-จานบิน" ยังไม่หมดจึงผนึกกันเอง??

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 


คนสวดยับเพราะแบบนี้! สังคมซัด "กกต." ดึงพระยุ่ง"การเมือง" ทำไม ทั้งที่ สถาบันสงฆ์อย่าง "มจร." ที่ไปเซ็น MOU "แดงเถือกขนาดนั้น" บางคนถามหรือเป็นเพราะคราบไคลของการเป็นอดีตสมาชิกพรรค "ไทยรักไทย" ของนายใหญ่ และฝักใฝ่ลัมธิจานบินของกรรมการ กกต. บางคนแต่ดั้งแต่เดิมยังไม่หมดเกลี้ยงดี 

 

 

ยิ่งอ้างเพื่อให้พระมาละลายสีเสื้อ และทำให้การเลือกตั้งมีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นการเผยแพร่ร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และการสร้างพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตยนั้นยิ่งฟังไม่ขึ้น เพราะวิญญูชนต่างรู้ ท่านเจ้าคุณของ มจร. หลายต่อหลายรูปนั้น-แดงเถือกขนาดแกนนำแดงสายฮาร์คอร์ยังอาย โดยเฉพาะ "เจ้าคุณประสาร" ที่นั่งร่วมเซ็น MOU ด้วยนั้นแดงทุกกระเบียดนิ้ว แถมร่ำๆ ว่าจะก่อ "ม็อบ" เสียเองก็หลายครั้ง ช่วงที่รัฐบาล คสช. เข้าปิดล้อมธรรมกายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา...เรื่องนี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองต่างรับทราบกันดี กระทั่งถูก คสช. ฮึ่มหนักนั่นแหล่ะ...เจ้าคุณประสารจึงเงียบไป...ทั้งหมดนั้นยังไม่ต้องเอ่ยถึง...สิ่งที่กระทำนั้นขัดคำสั่ง....มหาเถระสมาคมที่พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเอง นั่งเป็นกรรมการฯ อยู่ด้วยเสียเอง เพราะเคยออกกฎห้ามพระเณรยุ่งการเมือง


เรื่องนี้ทำให้สังคมตั้งคำถามทันที เพราะมันดูมีนัยยะแฝงยังไงชอบกล และทำให้หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า...หรือเป็นเพราะคราบไคลของการเป็นอดีตสมาชิกพรรค "ไทยรักไทย" ของนายใหญ่ และฝักใฝ่ลัมธิจานบินของกรรมการ กกต. บางคนแต่ดั้งแต่เดิมยังไม่หมดเกลี้ยงดี เพราะในวันที่เซ็น MOU นั้น  ปรากฏภาพ "นายประวิช รัตนเพียร" กกต. ด้านการมีส่วนร่วม พร้อมด้วยพระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และผู้บริหารทั้ง 2 องค์กร ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงกันหรา เพราะใครก็รู้ว่า "กกต. ประวิช” นั้น อดีตรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยของนายใหญ่มาแต่เก่าก่อน  แถมในทางสายข่าวว่ากันว่าเขาเป็นศิษย์ “จานบินตัวเอ้" เสียด้วย...ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่า...จานบินแนบแน่นกับ...ระบอบทักษิณแค่ไหน...แต่อย่างที่บอก...กรณีเป็นศิษย์ “จานบินตัวเอ้" นั้น...ยังเป็นแค่รายงานทางสายข่าวเท่านั้น

แต่สิ่งที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง และไม่ได้เป็นแค่รายงานทางสายข่าว เพราะมีความจริงเชิงประจักษ์มากมายก็คือ “เจ้าคุณประสาร” หรือ "พระเมธีธรรมาจารย์" รองอธิการฯ มจร. ที่นั่งเซ็น MOU ร่วมกับ "นายประวิช" และ "พระพรหมบัณฑิต" ในวันนั้น ชัดเจนว่า “แดงเถือก” ระดับแกนนำแดงสายฮาร์คอร์ที่เป็นฆารวาสบางคนบังต้องอาย

เพราะมีวีรเวรมากมายในการปลุก "ม็อบจีวรแดง" ออกมาต่อสู้กับรัฐบาล คสช. ช่วงเข้าปิดล้อมธรรมกาย เพื่อหาตัว "หลวงพ่อนะจ๊ะ-ธัมมชโย" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา...


ความผิดปกติในการดึง "สงฆ์ที่ฝักใฝ่ฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจนเข้ามายุ่งการเมือง" ในช่วงที่ความขัดแย้งทางการเมืองยังคุกรุ่นเช่นนี้ ทำให้ "หลวงปู่พระพุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาส วัดอ้อน้อย อ. กำแพงแสน จ.นครปฐม  ได้ออกโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คทำนอง  เรื่องนี้ดูจะเป็นข่าววิปริตส่งท้ายปี เพราะมหาเถรสมาคม มีกฎห้ามพระเณรยุ่งการเมือง ตะเพิดต้องเซ็นกับสถาบันการศีกษาของรัฐฯ โน่น และที่ผู้คนอีกฟากฝั่ง เขาเป็นห่วงก็ตรงมีนักบวชจีวรแดงมาร่วมแจมด้วยนี่ซิ เพราะด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมาของท่านอธิการบดีและรองอธิการบดีกลุ่มนี้ล้วนแสดงออกชัดเจนว่า เป็นผู้ฝักใฝ่ลัทธิเสื้อแดงมาโดยตลอด ฯลฯ


 

ขณะที่ พล.ท. นันทเดช เฆมสวัสดิ์ อดีตรอง ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นกรณีดังกล่าวว่า อย่างตรงไปตรงมา โดยถึงกับระบุว่า โชคดี ที่ กกต.ชุดนี้ต้องยุบไปเสียก่อน  เพราะมีความไม่เป็นกลาง เลือกข้าง และ กกต.จังหวัดหลายคนก็เป็นคนของนักการเมือง...เรื่องทำนองนี้จึงเกิดขึ้นไม่รู้จบ โดยรายละเอียดที่  พล.ท. นันทเดช 

 เรื่องที่คุณ อุดรฯ (สำนักข่าว Tnews) โพสท์มานั้น (อุดร โพสต์ กรณี กกต. เซ็น MOU กับ มจร.ดังกล่าว) ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะครับ กกต.ควรมี ความรอบรู้ในการกำหนดองค์กร ให้เป็นกลาง ทางการเมืองจริง ๆ กรณีนี้เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รู้กันดี และมีนักการเมืองเข้าไปยุ่งอยู่อีกหลายคน โชคดี ที่ กกต.ชุดนี้ต้องยุบไปตามกฏหมาย ไม่เช่นนั้น ความเป็นกลางของ กตต. ก็จะเป็นเรื่องที่ "เหมือนเดิมๆ " หรือ "ซ้ำซาก" ในการเลือกตั้งทุกๆครั้ง คือ ความไม่เป็นกลาง การเลือกข้าง การที่มี กกต.จังหวัดเป็นคนของนักการเมือง ฯลฯ วงจรเดิมๆ ก็จะกลับมาหาพวกเราอีกครับ


อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้บุคคล 2 ท่านดังกล่าวที่ ออกมาวิจารณ์ กกต.เรื่องนี้แล้ว ในโลกออนไลน์ยังตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับกรณีนี้เช่นกัน...เพราะเรื่องนี้ไม่ว่ามองมุมไหน...ก็ไม่มีทางที่จะทำให้การเลือกตั้งมีความศักดิ์สิทธิ์ และหลวงพี่-หลวงพ่อที่อยู่ในเครือข่าย มจร. ก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นได้...เพราะเบอร์ใหญ่ ๆ ของ มจร. นั้น..."แดงแจ๋" อย่างที่กล่าว