MAX เริ่มฟื้นตัว ขาดทุนลดลงจากไตรมาสก่อน

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tnew.co.th

 

บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาสที่ 3/2560 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 ว่ามีงบการเงินรวมขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 8.671 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 2/2560 ที่ขาดทุนสุทธิ 27.82 ล้านบาท

 

ในส่วนการจัดทำงบการเงินรวมตามสัดส่วนเฉพาะที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทฯ ไตรมาส 3/2560 มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ จำนวน 5.45 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิลดลงจากไตรมาส 2/2560 จำนวน 19.00 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.72 โดยมีสาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 3/2560 มีการรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย คือ บริษัท เอชเอ็นซี เพาเวอร์ จำกัด (“HNC”) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม จำนวน 228.66 ล้านบาท และกำไรขั้นต้น 8.70 ล้านบาท ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 1.26 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินลดลง 1.71 ล้านบาท ในขณะที่ ในไตรมาส 2/2560 ได้มีการตั้งสำรองลูกหนี้กรมสรรพากร 8.92 ล้านบาท

 

ไตรมาสที่ 3/2560 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวม 241.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสที่ 2/2560 เท่ากับ 182.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ306.41 ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตจำหน่ายน้ำมันปาล์มเต็มไตรมาส โดยรายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 3/2560 สามารถแบ่งออกได้เป็น รายได้จากการขายเหล็ก 5.63 ล้านบาท, รายได้จากการบริการสนามกอล์ฟ 7.32 ล้านบาท, รายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม 228.66 ล้านบาท, รายได้อื่นซึ่งส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับจากตั๋วเงินระยะสั้น โดยในไตรมาส 3/2560 บริษัทมีรายได้อื่นรวม 7.57 ล้านบาท และบริษัทฯมีค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 3/2560 รวม 17.30 ล้านบาท ลดลงจาก ไตรมาสก่อนเล็กน้อย เท่ากับ 1.26 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.80

 

ปัจจุบันบริษัทฯถือหุ้นอยู่ใน บริษัท เอ็ม เอส พี เมทัล จำกัด อยู่ในอัตราส่วนร้อยละ 99.99 ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯดำเนินการจัดหา ผลิตและจาหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก, บริษัท เดอะ มาเจสติค ครีก คันทรีคลับ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 80 ดำเนินธุรกิจสนามกอล์ฟ และบริษัท เอชเอ็นซี เพาเวอร์ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 60 ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม