- 18 พ.ย. 2560
"ผมเป็นข้ารับใช้ของประชาชน"สีจิ้นผิงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทำงานแค่ในออฟฟิศแต่ยังทำงานในหลากหลายสถานที่ท่ามกลาง ปชช.อีกด้วย
มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ผมเป็นข้ารับใช้ของประชาชน"เเละ"สีจิ้นผิงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่มาก เขาไม่ได้ทำงานแค่ในออฟฟิศเท่านั้น แต่ยังทำงานในหลากหลายสถานที่ท่ามกลางประชาชนอีกด้วย" ชาวลาวผู้เป็นหนึ่งในนักภาษาศาสตร์ต่างชาติเก้าคนที่ทำหน้าที่แปลรายงานการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน (CPC) ครั้งที่ 19 กล่าว
“จากการสังเกตของฉัน ประชาชนทั่วไปชอบสีจิ้นผิง เพราะเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ” Peggy Cantave Fuyet ผู้รับผิดชอบรายงานฉบับภาษาฝรั่งเศสกล่าว
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เราจะได้เห็นภาพของผู้นำจีนคนนี้ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนหลายต่อหลายครั้ง เขาเคยยืนต่อคิวรอเข้าไปทานอาหารค่ำในร้านอาหารริมถนนแห่งหนึ่งร่วมกับบรรดาสมาชิกพรรค เขายืนพูดคุยกับคนงานท่ามกลางฝนตกหนัก เขาเดินเข้าไปยังโรงนาและห้องครัวของเกษตรกรหลายบ้านเพื่อตรวจสอบความเป็นอยู่ของพวกเขา เขายังเคยพักค้างคืนในอาคารประกอบสำเร็จรูปชั่วคราว ระหว่างเดินทางไปดูสถานที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวอีกด้วย
สีจิ้นผิงเคยไปเยือนพื้นที่ที่ประสบปัญหาความยากจนที่รุนแรงที่สุดในประเทศจีนมาแล้ว ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติครั้งที่ 19 เขาได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมณฑลกุ้ยโจว ที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน อันเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ยากจนที่สุดในประเทศ โดยมีจีดีพีต่อหัวของประชากรในปี 2016 อยู่ที่ประมาณ 33,000 หยวน (ราว 163,600 บาท) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศกว่า 20,000 หยวน (657,000 บาท)
"ปณิธานดั้งเดิมและภารกิจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือการแสวงหาความสุขให้กับชาวจีนและการฟื้นฟูประเทศจีน" สีจิ้นผิงกล่าวกับผู้แทนกว่า 2,300 คนในการประชุมของพรรค
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ระหว่างที่สีจิ้นผิงได้เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่มณฑลหูหนาน เขายังได้ไปเยือนสือปาต้ง หมู่บ้านของชนกลุ่มน้อยเผ่าเหมียว หนึ่งในหมู่บ้านที่ “ยากจน” ในช่วงเวลานั้นด้วย
"ฉันควรเรียกคุณว่าอย่างไร?" สือปาจวง ชาวเหมียวคนหนึ่งที่ไม่รู้หนังสือกล่าวถามสีจิ้นผิง ขณะเชื้อเชิญเขาให้เข้ามาเยือนบ้านของเธอ
"ผมเป็นข้ารับใช้ของประชาชน" สีจิ้นผิงกล่าวแนะนำตัวเองเช่นนี้
ระหว่างการเดินทางครั้งนั้น สีจิ้นผิงได้กล่าวถึงแนวคิดเรื่อง "การบรรเทาความยากจนให้ตรงจุด" ซึ่งหมายถึงมาตรการต่างๆ รวมถึงระบบที่จะใช้ติดตามทุกครอบครัวและทุกคนที่ประสบปัญหาความยากจน เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขาจะได้รับการแก้ไขปัญหาจนสำเร็จผล
สำหรับสือปาจวง เธอกล่าวว่า "การบรรเทาความยากจนให้ตรงจุด" หมายถึงเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่ช่วยจัดหาธุรกิจการปลูกกีวีมาให้แก่เธอและชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ทำให้พวกเธอสามารถขจัดปัญหาความยากจนได้สำเร็จ
สีจิ้นผิงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้รู้ว่าผู้คนในหมู่บ้านสือปาต้งได้รอดพ้นจากปัญหาความยากจนในที่สุด เขายังได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยขจัดความยากจนให้ประชากรกว่า 40 ล้านคนในประเทศจีนให้สำเร็จภายในปี 2020 อีกด้วย นับเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว
ขอบคุณที่มา China Xinhua News