- 20 พ.ย. 2560
“มะเขือเทศพลิกชีวา” เมตตาฟ้าประทานจากร.9 ปรับดินฟื้นชีวิตสร้างคนไทยมีกินมีรายได้ รู้จักที่มา “มะเขือเทศดอยคำ” ธุรกิจบนหลักคิดของพ่อ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา......มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ได้นำคณะสื่อมวลชนไปดูงานโครงการตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง ร. 9 ในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นถิ่นธุรกันดารที่อยู่ห่างไกลความเจริญในอดีต
โดยล่าสุดได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 อ.เต่างอย จ.สกลนคร ที่เป็นแหล่งผลิตมะเขือเทศใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เป็นต้นทางของการนำมะเขือเทศไปใช้แปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ดอยคำ โดยหนึ่งในคณะผู้สื่อข่าวได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเฟซบุ้คส่วนตัวที่ชื่อ “ Notest Od” ถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ที่มีต่อชาวบ้านในพื้นที่ จ.สกลนคร จนกลายมาเป็นอาชีพสร้างรายได้มั่นคงให้กับชาวบ้านและคนไทยหลายชีวิตจนถึงทุกวันนี้ความว่า
มะเขือเทศ ฟื้นรอยยิ้ม สร้างชีวิต......ใช้เวลาเดินทางแค่อึดใจเดียวจากตัวเมืองสกลนคร ชมวิวทุ่งนาสีน้ำตาลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวไปเพลินๆ ไม่นานนัก.. ก็มาถึงบ้านนางอย หมู่บ้านเล็กๆ ของอำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร หมู่บ้านแห่งนี้ นับเป็นจุดมุ่งหมายสำคัญของการตั้งใจมาเยี่ยมและชมโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย) แหล่งผลิตมะเขือเทศใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะมะเขือเทศสีแดงสดของที่นี่ จะถูกป้อนเป็นวัตถุดิบไปให้โรงงานหลวงแม่จัน จังหวัดเชียงราย เพื่อผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมะเขือเทศนานาชนิด ภายใต้แบรนด์ “ดอยคำ”
ตามประวัติ.. โรงงานหลวงแห่งนี้ จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่ เมื่อปี 2523 แล้วเห็นว่า ราษฎรบริเวณนี้มีความยากจนถึงที่สุด มิหนำซ้ำยังอยู่ในเขตอิทธิพลของกลุ่มคนที่นิยมระบบคอมมิวนิสต์ ทำให้การใช้ชีวิตอยู่มีแต่ความยากลำบาก พระองค์ท่านจึงมีพระราชดำริ ให้ปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยโปรดเกล้าฯ ให้มีแนวทางส่งเสริมรายได้ชาวบ้าน พัฒนาอาชีพเกษตรกรรมดั้งเดิม โดยพระราชทานพันธุ์มะเขือเทศมาปลูกในพื้นที่ หลังเห็นว่าตามสภาพพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำมูลแล้ว การส่งเสริมให้ปลูกมะเขือเทศมีความเหมาะสม ด้วยการปลูกเป็นพืชหลังนา เพื่อสร้างรายได้ การดำเนินการครั้งนี้เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในวิธีการทำสงครามกับความยากจนอย่างสมบูรณ์แบบ
แล้วโรงงานหลวงแห่งนี้ก็ถูกตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2525 เริ่มแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากมาย โดยมีมะเขือเทศเป็นตัวชูโรง ส่วนที่เหลือก็เป็นผลไม้อบแห้งหลายชนิดในพื้นที่ในแต่ละทุกฤดูกาล ทั้งมะม่วง กระท้อน เสาวรส และกระเจี๊ยบ โดยโรงงานจะรับซื้อผลผลิตจากชาวบ้านในราคาสูงกว่าตลาด ซึ่งวิธีนี้นับเป็นหลักการทรงงานของพระองค์ท่าน นั่นคือ “ขาดทุนคือกำไร” คือทำทุกๆอย่างชาวบ้านได้ประโยชน์เป็นอันดับแรก
ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันนี้ ชาวบ้านโดยรอบที่อยู่ห่างไป 150 กิโลเมตร ปลูกมะเขือเทศส่งโรงงานปีละกว่า 2 หมื่นตัน ทำให้ความยากจนแร้นแค้น ถูกแทนที่ด้วยอาชีพ มีรายได้ ไม่ต้องจากบ้านไกลไปหาเงินในเมืองใหญ่ ที่สำคัญที่สุด.. ชาวบ้านที่นี่ล้วนภาคภูมิใจ กับการเป็น เกษตรกรในโครงการของพระราชา ที่ทุกคนรักสุดหัวใจ
นี้คือตัวอย่างแค่หนึ่งในร้อยในพันของโครงการพระราชดำริจากแนวคิดของพ่อหลวงในดวงใจ ที่ทุกอย่างล้วนทำขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นลำดับแรก ทั้งหลายทั้งมวลของสิ่งที่พระองค์คิดกลายเป็น “มรกดพระราชทาน” ส่งต่อให้คนไทยรุ่นแล้วรุ่นเล่า ได้ทำมาหากิน ได้สร้างรายได้ ได้พัฒนาตัวเองและครอบครัว ได้ใช้ประโยชน์ ช่วยกันสืบสานแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านให้อยู่คู่กับคนไทยประเทศไทยตลอดไป
////////////