แพนเค้กร่วมกับกรีนพีซ..!! เดินหน้าโครงการ "ปฏิบัติการถาดหลุมสีเขียว"

 เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 พ.ย.60 มูลนิธิการศึกษาไทย และกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกันจัดกิจกรรม We Grow ตอนปฏิบัติการถาดหลุมสีเขียว เพื่อเปิดตัวโครงการอาหารกลางวันยั่งยืน โดยมีนางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก ดารานักแสดงอาสาสมัครโครงการฯ เพื่อส่งเสริมระบบอาหารกลางวันของนักเรียนระดับชั้นอนุบาลและประถมศึกษาให้มีความปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนเหมาะสมกับวัย ใช้วัตถุดิบจากการทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่โรงเรียนวัดขุมแก้ว อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี

โครงการอาหารกลางวันยั่งยืน เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ, มูลนิธิการศึกษาไทย และกรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเริ่มต้นโครงการด้วยการจัดอบรมครูและบุคลากรของโรงเรียนเรื่อง ผลกระทบของสารเคมีต่อสุขภาพ ในพื้นที่ดำเนินการ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ สกลนคร พังงา และปทุมธานี โดยกิจกรรมภายในงานมี นายวัชรพล แดงสุภา ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านอาหารและเกษตรกรรมเชิงนิเวศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, นายมารุต จาติเกตุ เลขาธิการมูลนิธิการศึกษาไทย, นายทรงวุฒิ มลิวัลย์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนเพื่อโครงการอาหารกลางวัน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, ดร.วิชัย  แสงศรี ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ได้พูดคุยในหัวข้อ ทำได้ไหม? อาหารกลางวันที่ปลอดภัยต่อเด็ก ๆ และโลก พร้อมการแข่งขันทำอาหารระหว่างร้านปฐม ออร์แกนิค ลิฟวิ่ง กับร้านอาหารมังสวิรัติเพื่อสุขภาพอย่างต้นกล้า ฟ้าใส เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าอาหารที่ปรุงจากผักปลอดสารพิษนั้นอร่อยและไม่แพงอย่างที่คิด พร้อมเวิร์คช็อป การทำหลอดผักบุ้งด้วยตัวเอง จากร้านปฐม ออร์แกนิค ลิฟวิ่ง นอกจากนี้ ยังมีการจัดอบรมคุณครูจาก 12 โรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี ควบคู่ไปกับการเปิดตัวโครงการ ในวันนี้ถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 

ด้านนายวัชรพล แดงสุภา ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านอาหารและเกษตรกรรมเชิงนิเวศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า อาหารกลางวันของเด็ก ๆ จะต้องมาจากวัตถุดิบที่ปลอดภัย หากโรงเรียนส่งเสริมให้นักเรียนรับประทานผักอินทรีย์มากขึ้นไม่เพียงจะส่งผลดีต่อสุขภาพของนักเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเกื้อกูลกันระหว่างชุมชน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ปัจจุบัน รัฐบาลจัดสรรงบประมาณค่าอาหารกลางวันของนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษาให้แก่โรงเรียนในภาครัฐ เป็นจำนวน 20 บาทต่อคนต่อมื้อ โดยโรงเรียนมีหน้าที่จัดเตรียมอาหารกลางวันให้กับนักเรียน คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกโรงเรียนจะผลิตอาหารที่ปลอดภัยให้แก่นักเรียนของตัวเองโดยการปลูกผักสวนครัวไว้บริโภคภายในโรงเรียน เพราะแต่ละพื้นที่ย่อมมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่ทุกโรงเรียนสามารถจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่ปลอดภัยให้แก่นักเรียนโดยการเชื่อมโยงโรงเรียนกับผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่นที่ทำเกษตรกรรมเชิงนิเวศได้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการผลผลิตที่ปลอดภัยของโรงเรียนนั้นคือสิ่งสำคัญต่อการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน เพราะจะเป็นแรงจูงใจสำคัญให้เกษตรกรหันมาเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำการเกษตรจากเดิมที่เน้นความสวยงามของผลผลิตเป็นหลัก ไปสู่การผลิตเชิงนิเวศที่ใส่ใจต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ตัวเกษตรกรเองก็จะไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการใช่สารเคมีเกษตรที่รุนแรง ส่วนลูกหลานของพวกเขาก็จะได้รับประทานอาหารที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็ก ๆ สมควรจะได้รับ

      ส่วนนางสาวเขมนิจ จามิกรณ์ หรือ แพนเค้ก กล่าวว่า อยากจะเชิญชวนน้องๆเยาวชนให้ทานผักปลอดสารพิษไร้สารเคมี เนื่องจากอาหารที่ดีนำมาซึ่งสุขภาพที่ดี เราสามารถที่จะเลือกกินได้ หรือแม้แต่เลือกที่จะลงมือทำเองได้ โดยเริ่มจากที่บ้านของเรา บอกคุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่ที่โรงเรียนเราสามารถร่วมมือกันทำได้เช่นกัน เราก็จะเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไป และยังส่งเสริมและพยายามเสริมสร้างจิตสำนึกให้ทุกโรงเรียนเลือกซื้ออาหารที่ปราศจากสารพิษ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อได้เด็กนักเรียนและครูได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัยและส่งผลดีต่อสุขภาพ. 

ภาพ/ข่าว  ธัชนนท์ พิริยะกุลชัย ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ปทุมธานี