ชาวบ้านคานหาม บุกศาลากลางร้องศูนย์ดำรงธรรม "ถูกอบต.ไล่ที่ อ้างบุกรุกที่สาธารณะ" ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 60 หลังคาเรือน (คลิป)

วันที่ 22 พ.ย.2560 ที่ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา น.ส.จีรพรรณ เหลืองพุทธรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ 27/ 3 หมู่ 6 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยชาวบ้านจากหมู่ 6 และหมู่ 9 ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา กว่า 50 คน เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าชาวบ้านแถววัดโคกมะยม ได้รับความเดือดร้อนที่ทาง อบต.คานหาม ได้ขับไล่ที่และให้รื้อบ้านที่อยู่อาศัยออกจากพื้นที่ โดยอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะ แล้วยังแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน บางบ้านก็มี นส.3 และ บ้านทุกบ้านมีบ้านเลขที่ ที่ออกให้โดยหน่วยงานราชการ มีการขอน้ำขอไฟถูกต้องทุกหลังคาเรือน แต่ทาง อบต.คานหามก็ฟ้องขับไล่ ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไร้ที่อยู่อาศัย จึงมาร้องขอความเป็นธรรมเพื่อยื่นอุทธรณ์ให้ชะลอหรือยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และให้ภาครัฐจัดหาพื้นที่อยู่อาศัยให้ชาวบ้าน เพราะชาวบ้านบางคนไม่สามารถทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินเพื่อยื่นกู้ขอซื้อบ้านที่อยู่อาศัยได้ เพราะรายได้ไม่ถึง

 

น.ส.จีรพรรณฯ กล่าวว่า ชาวบ้านแถวย่านวัดโคกมะยม 60 หลังคาเรือน กว่า 100 ชีวิตได้รับความเดือดร้อนมาก ต้องเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัยทั้งๆที่เป็นคนไทย เพราะถูก อบต.คานหามขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ที่บอกว่าเป็นที่สาธารณะทั้งๆที่พวกตนอยู่กันมานานตั้งแต่ปู่ย่าตายาย แต่ทาง อบต.บอกว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวน พวกตนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนต้องรื้อถอนออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน พวกตนจึงข้องใจหากเป็นพื้นที่ป่าสงวนพื้นที่สาธารณะจริง เมื่อครั้งปู่ย่าตายายอยู่ทำไมออกบ้านเลขที่ให้ได้ แล้วถ้าพวกตนรื้อถอนแล้วจะไปอยู่ที่ไหนกัน อีก100 กว่าชีวิตต้องไปหาเช่าบ้านเขาอยู่หรืออย่างไร ทางภาครัฐจะให้ความช่วยเหลืออะไรเราได้บ้าง หาที่อยู่สำรองให้เราหรือเปล่า แม้ศูนย์ดำรงธรรมจะเรียกให้นายก อบต.คานหามมาคุยกับชาวบ้านเพื่อหาทางออก แต่ทางนายกไม่ยอมคุยกับชาวบ้าน และยืนยันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่โดยเร็ว

ทางด้านนายจันทร์ ผิวอ่อนดี อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 9 ต. คานหาม กล่าวว่า ขนาดบ้านของตนมี นส.3 ตั้งแต่ปี 2507 ก็ยังถูกทาง อบต.ขับไล่ที่ ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน จึงอยากจะร้องขอให้ทาง อบต.ชะลอหรือยืดระยะเวลาออกไปก่อน เพื่อให้ชาวบ้านได้มีโอกาสหาที่อยู่ใหม่ได้ เช่นเดียวกับนายวินัย ผาภุมมา อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ 9 ก็มี นส.3 เช่นกัน ก่อนหน้านี้พวกตนได้ไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมที่กองอำนวยการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยชาวบ้านทั้งที่มี นส.3 และไม่มี นส.3 ศาลตัดสินแล้ว 32 ราย ส่วนที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการพิจารณา

เกียรติยศ ศรีสกุล    สำนักข่าวทีนิวส์   จังหวัดพระนครศรีอยุธยา