นี่หรือคำพูดผู้นำ!! "ครอบครัวน้องเมย" สุดเศร้าใจ คำพูด "บิ๊กป้อม" เคยซ่อมแค่สลบแต่ไม่ตาย ก่อนลั่นแรง..ใส่กองทัพทำเอาเห็นด้วยทั้งประเทศ!!

จากกรณีเมื่อวานที่ผ่านมา(22/11/2560)  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ น้องเมย นรต.ภคพงษ์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ว่า สาเหตุของการเสียชีวิต เบื้องต้นเกิดจากสุขภาพของน้องเมยเอง และยืนยันว่าไม่มีการซ้อมเกิดขึ้น และโรงเรียนฯ ก็ไม่ได้ปิดบังข้อมูลใดๆ ส่วนข้อสงสัยว่าหากสุขภาพไม่ดี และมีโรคประจำตัว เหตุใดจึงสามารถสอบผ่านเข้าเรียนได้นั้นตนเองก็ต้องการที่จะทราบรายละเอียดเช่นเดียวกัน 

ส่วนกรณีที่บันทึกประจำวันของน้องเมย ระบุว่ามีการซ่อม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกคนที่เข้าเรียนจะต้องเตรียมใจยอมรับว่าต้องมี การซ่อม หรือ ธำรงวินัย เกิดขึ้นทุกรุ่น หากทำผิดกฎระเบียบของโรงเรียน ซึ่งตนเองก็เคยผ่านการถูกซ่อมมาแล้วเช่นกัน และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นคนละเรื่องกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความเห็นใจกับครอบครัวของน้องเมยต่อการสูญเสียบุตรชาย และเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องเชิญครอบครัวน้องเมยมาร่วมการแถลงข่าว เนื่องจากมีการชี้แจงไปแล้ว และยืนยันว่าพนักงานสอบสวนปฏิบัติตามรูปคดีทุกขั้นตอน และเป็นระเบียบของแพทย์ที่จะนำอวัยวะไปชันสูตรโดยในวันนี้แพทย์แจ้งให้ครอบครัวมารับอวัยวะภายในของน้องเมยที่นำไปชันสูตรกลับคืนแล้ว

โดยจากคำพูดดังกล่าวของ ท่านรองนายกนั้นก็เป็นกระแสวิพากวิจารณ์เป็นอย่างมากสำหรับคำพูดของ พล.อ.ประวิตร โดยจากคำพูดดังกล่าวนั้น ในรายการทุบโต๊ะข่าวอมรินทร์นั้น ได้ไปสัมภาษณ์ครอบครัวของน้องเมย ในคำพูดดังกล่าวนั้น โดยทาง นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ พ่อของน้องเมย ได้บอกว่า ตนทราบถึง คำพูดของ พล.อ.ประวิตร แล้ว ส่วนตัวรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวมาก หลังได้ฟังประโยคคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่า เคยถูกลงโทษเหมือนกัน แต่ตนไม่ถึงกับสลบ และคงให้ประชาชนตัดสินจากคำพูดดังกล่าวเอง ซึ่งอาจจะถูกต่อว่าด้วยซ้ำที่ออกมาพูดเช่นนี้

โดยตนต้องขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่พูดให้ครอบครัวรู้สึกมีกำลังใจ ที่ท่านขอให้ไปพูดคุยกันเพื่อนำมาตรวจสอบอีกครั้ง และหากการเสียชีวิตในครั้งนี้ ไม่ใช่การเสียชีวิตโดยธรรมชาติ พล.อ.ประยุทธ บอกว่าก็ต้องลงโทษผู้ที่ทำผิด

ส่วนคำแถลงของ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย ตนยิ่งรับไม่ได้อย่างยิ่ง เพราะไม่ให้ราคาลูกของตน ไม่นึกถึงหัวอกคนเป็นพ่ออย่างตนเลย และมีแนวทางที่คิดไว้คือ การยื่นร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน แต่จะต้องมีการปรึกษากับทางลูกสาวอีกครั้ง

ขอบคุณคลิปจาก ทุบโต๊ะข่าวมอมรินทร์ , Wassana Nanuam